น้ำทิพย์ กับชีวิตที่พอเพียง

“น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” ถ้าจะพูดถึงเธอคนนี้ ณ วันนี้เราเชื่อแน่ว่าไม่มีใครไม่รู้จักเธอ เพราะผลพวงจากละครเรื่อง “สงครามนางฟ้า” ส่งให้เธอพุ่งทะลุฟ้าขึ้นไปเป็นดาวเด่นทันที ถึงแม้ว่า บี-น้ำทิพย์ จะเข้าวงการมานานนับสิบปี ที่เริ่มต้นจากการเป็นนักร้อง จากนั้นก็หันมาเดินแบบ และวันนี้เป็นนักแสดงมืออาชีพ ที่เจ้าตัวบอกเราว่ารักในสายงานนี้เป็นอย่างมาก และในวันนี้คอลัมน์ “ดาวต่างมุม” ของเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักแสดงคิวทอง บี-น้ำทิพย์ มานั่งคุยในอาทิตย์นี้ ซึ่งเธอเปิดใจกับเราในทุก ๆ คำถามว่า

ตั้งแต่เข้าวงการมา บี รู้สึกว่าตัวเองเป็นนางเอกที่แบบมีงานเรื่อย ๆ ไม่ได้ขึ้นมาเหมือนพลุ ?

“ใช่คะ ซึ่งบีชอบแบบนี้มากกว่านะ ไม่ต้องมีละครออกบ่อยมาก แต่นานที ๆ ค่อยออกก็ได้ แต่ออกแล้วโดน คนชอบ แล้วอีกอย่างคือ ยังมีเวลาให้เราได้ทำอย่างอื่นด้วย ได้ดูแลตัวเอง เพราะถ้าถ่ายยาว ๆ เราก็เหนื่อย ไม่มีเวลาให้ตัวเอง มันต้องมีเวลาช่วงพักด้วย

คำว่าดารา สำหรับบี มันเป็นยังไง?

“ไม่นะบีไม่ชอบคำว่าดาราเลย อยากให้คนเรียกบีว่านักแสดงมากกว่านะ อยากจะให้เรียกว่า บี-น้ำทิพย์ เป็นนักแสดง เรียกว่าดารา มันไม่ใช่นะ เราไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ บี ขอเป็นแบบเนี้ยพอใจแล้ว ไม่ต้องโด่งดัง ไม่ต้องมีคนมาล้อมหน้าล้อมหลังมากมายเวลาไปไหนมาไหน เอาแค่ว่าเรารู้ว่าทำงานอะไร ทำยังไงงานถึงจะออกมาดี ไม่ต้องขวนขวาย ทำให้ตัวเองโด่งดัง คิดแค่ว่าเวลาทำเราต้องเต็มที่กับหน้าที่ของเรา และถ้าเราเหนื่อยถึงเวลาพักเราก็พัก เราต้องดูแลตัวเองให้มาก ๆ เพราะนี่คืออาชีพเรา บีไม่ได้คิดอย่างอื่นมากกว่านี้เลย บีก็แค่คนทำงานคนหนึ่งเหมือนกัน”


ตัวตนแท้จริง บี เป็นยังไง ?

“บีเป็นคนไม่ค่อยคิดมาก บางทีมันก็มีเรื่องเครียดเข้ามา แต่ก็พยายามปล่อยวางไม่เก็บ บางเรื่องก็เครียดแบบไม่ถึงวัน บี เป็นคนที่ แบบถ้าเครียดมากก็หาอะไรกินพักหนึ่งก็หายแล้ว ไม่อยากคิดมากเสียสุขภาพค่ะ”

ดู บี เป็นคนที่ดูแลตัวเองมากพอสมควร ?

ใช่ค่ะ เพราะว่าเราทำงาน ตรงนี้ก็ต้องดูแลตัวเอง เวลาที่เดินแบบเราก็ต้องรู้แล้วว่าเราจะต้องยังไงก็กิน น้อย ๆ เพราะรับงานเขามาแล้ว มันก็ต้องทำให้ออกมาดีที่สุด”
จะว่าไปแล้วงานในวงการ บี ก็ทำมาเกือบจะหมดแล้ว ทั้งออกอัลบั้ม เล่นละคร เดินแบบ ตอนนี้เหลืออะไรที่อยากทำ หรือว่าอยากจะเป็นมั่งไหม ?

“อยากเป็นนักแสดงที่ดีมากกว่า อยากให้คนชอบผลงาน อยากให้คนดูผลงานมากกว่า เพราะเราเต็มที่กับตรงนี้ ในการที่จะเล่นละครแต่ละเรื่อง”

แปลนในวงการบันเทิงไว้แค่ไหนคะ?

บีอยากอยู่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าไม่อยากเล่นแล้ว จนกว่าจะรู้สึกว่าอยากเลี้ยงลูกอยู่บ้านถ้าถึงเวลานั้นนะ แต่ก็ดูไปเรื่อยๆเพราะว่าตั้งแต่เข้ามาทำงานในวงการ ถึงตอนนี้แม้จะเล่นไปหลายเรื่องแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ยังเล่นไม่ครบ บีอยากจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ กับงานในวงการบันเทิง”


ตั้งแต่เข้าวงการมา มีข่าวไหนที่คิดว่ามันแรงที่สุดสำหรับบี ?

“ก็มีแต่เรื่องที่มีภาพหลุดออกมาตอนนั้น ตอนแรกเครียดมากเพราะมันเห็นหมด ไม่ควรเอามาลงเลย แต่เราก็ต้องทำใจ ตอนนี้เลยเฉยกับข่าว แต่ตอนนั้นวันแรกร้องไห้นะ แต่วันที่สองเฉยแล้ว เราไม่ได้อยากจะลงข่าวหน้าหนึ่งกับข่าวแบบนั้นต้องมาโป๊ มาให้คนอื่นเห็นรูปร่างเรา แต่บีอยากให้คนมองในการตั้งใจกับการทำงานของเรามากกว่า ไม่อยากจะให้ใครมาให้ความสนใจกับ ก้น หน้าอก อะไรอย่างนี้ ข่าวและภาพนั้นทำให้รู้สึกแย่เหมือนกันนะ คิดว่าทำไม ทำไมเขาไม่มองถึงความตั้งใจในการทำงานของเรา เราอุตส่าห์ซ้อมเต้น ซ้อมโชว์นะ กลับกลายเป็นภาพที่เห็นคือแบบนั้น มันทำให้เราหมดกำลังใจได้เหมือนกัน”

จากตรงนั้นทำให้ระวังมากขึ้นไหม?

“ถ้าต้องไปทำงานในงานลักษณะนั้น ก็พยายามจะไม่ให้ตัวเองมีภาพอย่างนั้นอีก”
เวลาเดินแฟชั่น บี เซฟตัวเองยังไง?

“บีปิดจุกนมแน่นอน เราต้องเซฟ เพราะบางทีเสื้อผ้ามันก็ต้องมีหวิวบ้าง เราก็ต้องหาทางโดยการใช้แอ๊คติ้งเอา เพื่อเซฟตัวเอง ไม่ให้ภาพมันหลุดออกมาไม่ดี ไม่อยากให้มีภาพอย่างนั้นอีก โดยเฉพาะหน้าอกเราต้องระวังมาก”

ในเรื่องของแฟชั่น หน้าร้อนนี้เราจะได้เห็นบีในชุดว่ายน้ำไหม?

“ก็มีคนติดต่อเข้ามานะ แต่ว่าบีไม่มีอะไรจะโชว์เพราะหน้าอกแบนมาก (หัวเราะ ) บีไม่อึ๋ม แล้วไม่คิดทำหน้าอกด้วย แต่ไม่ได้แอนตี้กับการทำศัลยกรรมนะ แต่เราพอใจกับธรรมชาติที่สร้างมาแบบนี้ เราพอใจแล้ว มีรูปร่างหน้าตาที่เป็นแบบนี้และอีกอย่าง เวลาที่เดินแบบพี่ดีไซเนอร์เขาชอบ เพราะถ้าหน้าอกใหญ่ รูปร่างเราจะไปบดบังความโดดเด่นของเสื้อผ้าเขา แต่ว่านักข่าวอาจจะชอบ ขายข่าวได้ ดีไซ เนอร์เขาบอก อย่าไปทำดีแล้วแบบนี้”


อยู่วงการมาเป็น 10 ปี เพิ่งจะมีข่าวเยอะช่วงหลัง ?

กับข่าวพี่เคลลี่ จริงๆก่อนหน้านี้บีเป็นคนไม่ค่อยจะมีข่าวและไม่ค่อยที่จะพูดถึงเรื่องความรักเท่าไร ก็เพราะว่ายังไงเราก็เป็นผู้หญิง ถึงแม้เราจะรับวัฒนธรรมต่างชาติมาเยอะแค่ไหน แต่ยังไงเราก็ยังเป็นผู้หญิงไทย ก็ต้องอยู่ในกรอบ เราเป็นผู้หญิงถ้ามีข่าวกับผู้ชายเยอะมันก็ต้องเสียหาย แล้ววันหนึ่งถ้าเราจะต้องไปแต่งงาน เราเจอคนที่เราชอบจริง ๆ แล้ว พ่อแม่เขาจะรู้ยังไงถ้าลูกสะใภ้เขามีข่าวฉาวเยอะมาก แล้วมาได้ลูกชายเขา เราทำอะไรเราต้องนึกถึงอนาคต นึกถึงลูก ถ้าเกิดมีลูก ลูกโตมาเจอสังคมอีก มันต้องคิดไกลไปถึงบั้นปลายชีวิตเลย ไม่ใช่แค่ตรงนี้เพราะฉะนั้นบีจึงพยายามไม่ให้มีข่าวที่ไม่ดี”

ทำให้อย่างนี้เวลาส่วนตัวไปไหนต้องระวังตัวมากกว่าปกติหรือเปล่า ?

“ไม่ค่ะ เพียงแต่ว่าสมัยนี้ มันมีปาปารัซซีเยอะ เราทำอะไรเราไม่ได้ทำเกินเลยอยู่แล้ว อย่างมากเวลาที่เราไปกับแฟนก็คือ จับมือ อาจจะมีซบ กอด มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ไม่มาจูบกันให้คนเห็นไม่มีแน่นอน เพราะภาพออกมาบางทีคนอาจจะไม่เข้าใจ เราก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่ทำในที่สาธารณะ เพราะรู้ว่ามันไม่ดี”

กับ เคลลี่ ธนพัฒน์ มีข่าวกันมานานมากกว่า บี จะรับว่าเป็นแฟน?

ใช่ค่ะ นานมาก เพราะว่าไม่ชัวร์ เราต้องรอให้มั่นใจก่อน ดาราบางทีก็เป็นแบบนี้ เราคบใครเราต้องชัวร์ก่อนค่อยบอก แต่ถ้าเราบอกนักข่าวแล้ว แล้วพอเลิกกันก็เป็นข่าว คนก็มองเราเป็นคาสโนวี่ สะสมคะแนนหรือเปล่ามีผู้ชายเยอะ บีว่าผู้หญิงมีข่าวทำนองนี้มาก ๆ ไม่ดี”

แล้วอย่างเคลลี่ ชนะใจยังไง ถึงได้รับเขาเป็นแฟน?

พี่เคลลี่เขาเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย เอาใจเทคแคร์ ถึงแม้กระทั่งตอนที่ยังไม่คบกัน เราทำงานด้วยกัน เขาก็ดูแลทุกคน ไม่ใช่เฉพาะบี คือเป็นยังไงก็เป็นยังงั้น จนกระทั่งคบกันจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเหมือนเดิม ถึงวันนี้ก็คบกันมา 2 ปีแล้วค่ะ”


แล้ววันนี้วางอนาคตครอบครัวกันไว้ยังไง ?

“ก็ทำงานเก็บเงิน ถ้าเราจะสร้างครอบครัวกัน เราต้องสร้างฐานให้แน่นก่อน ไม่ใช่รักกันแล้วแต่เรายังแย่อยู่พอแต่งงานกัน มีลูก ลูกออกมาจะลำบากเปล่า ๆ กลายเป็นปัญหาสังคมอีก เพราะบีคิดว่าเราต้องสร้างพื้นฐานครอบครัวให้ดีก่อน เพราะมันสำคัญ”

บีกับเคลลี่ อายุค่อนข้างห่างกันพอสมควร ถามจริง ๆ มีปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างวัยไหม ?

“ไม่มีค่ะ เราสองคนคุยกันตลอด และพี่เขาก็พาเราไปเจอเพื่อนเขา บีก็พาเขามาเจอเพื่อนเรา ให้เราทั้งคู่ได้รู้ว่าสังคมเขาเป็นยังไง สังคมเราเป็นยังไง และอีกอย่างบีทำงานมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยค่อนข้างที่จะโต และเข้าใจ เลยทำให้ไม่มีช่องว่างตรงนั้นเลยค่ะ”

มีทะเลาะกันบ้างไหม?

ก็มีทะเลาะกันบ้าง แต่ถ้าบีร้อน เขาก็ต้องเย็น แต่พอผ่านไปแป๊บหนึ่งก็มาคุยกันแล้ว ไม่เคยโกรธกันเกินวันหนึ่งเลย แค่ 2 ชั่วโมงดีกันแล้ว บีคิดอย่างนี้นะถ้าเราโกรธกันนาน วันพรุ่งนี้เราไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง อาจจะมีคนใดคนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุหรือว่าอะไรก็ตามแต่ที่เราคาดไม่ถึง บีว่าดีกันไปเถอะ อนาคตเราไม่รู้จริงๆ ถ้าโกรธกันก็รีบหาย”

มาถึงวันนี้คิดว่า เคลลี่ ใช่หรือยัง สำหรับบี?

คิดว่าใช่ค่ะ คือเขาไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่คิดร้ายต่อใคร เขาไม่เคยว่าใคร สิ่งสำคัญ การที่เราจะใช้ชีวิตคู่กับใคร เราต้องเปิดใจ บีเปิดใจคุยกัน ไม่มีการแบบว่าโทรศัพท์ฉันห้ามดู ถ้าจะดูก็ดูได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่มีอะไรปิดบัง แต่ถ้าอะไรที่ไม่ชอบก็ค่อยปรับ แต่ถ้าปรับไม่ได้ก็ไม่เป็นไรยังไงเราก็ชอบเขาอยู่ดี เราสองคนใช้ความเข้าใจกันมากกว่าค่ะ”

มีคนเคยพูดหรือเปล่าว่า เคลลี่ เขามาคบเราเพราะเราดังหรือเปล่า เพราะตัวเขาเองไม่ค่อยมีงานสักเท่าไร?

“ไม่นะเขาก็มีงานของเขาเรื่อย ๆ คือเราคบกันแบบบริสุทธิ์ใจ เขาไม่ได้มาคบบีเพราะเราดังหรอก เพราะถ้าคิดอย่างนั้นคงเลิกไปนานแล้ว เวลามันพิสูจน์ได้ค่ะ”

นับว่าเป็นนักแสดงที่พอเพียงและพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีจริง ๆ และแม้ว่าเส้นทางบนเวทีนี้ของเธอจะยังไม่ยาวมากนัก แต่เราเชื่อว่า บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ จะเดินต่อบนเส้นทางบันเทิงได้อย่างมั่นคงและแข็งแรงอย่างแน่นอน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์