ยอดรักยิ้มสู้

จากกรณีนักร้องชื่อดังยอดรัก สลักใจ หรือนายนิพนธ์ ไพรวัลย์ อายุ 52 ปี

ป่วยเป็นมะเร็งตับจนต้องประกาศขายบ้านและทรัพย์สิน  ที่มีอยู่เพื่อชดใช้หนี้สินและใช้เป็นเงินทุนใน การรักษาตัวเอง รวมทั้งจะขอกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดใน จ.พิจิตร โดยหลังจากเป็นข่าวไปนั้นปรากฏว่ามีเพื่อนในวงการเพลง และแฟนเพลงแห่มาให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ก.พ. บริเวณหน้าตึกผู้ป่วยนอก ที่ รพ.ศิริราช ยอดรัก สลักใจ ซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกับครอบครัวได้เดินทางมาพบแพทย์ที่ห้อง 201 ชั้น 2 นานประมาณ 20 นาที เพื่อสอบถามและปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง
 

หลังจากนั้นยอดรัก พร้อมครอบครัว และเสรี รุ่งสว่าง เพื่อนสนิท

ก็เดินทางมาที่ห้องประชุมปรียารามณรงค์ ชั้น 6 ตึกผู้ป่วยนอก เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยยอดรัก กล่าวด้วยน้ำเสียงแจ่มใสว่าวันนี้มาพบแพทย์เพื่อสอบถามและรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าโครงการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งตนก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ เพราะการรักษาในโครงการนี้ไม่ได้เป็นการรักษาแบบหายขาดแต่เป็นการหยุดยั้งเชื้อไม่ให้เจริญเติบโตขึ้นเท่านั้น ซึ่งผลก็คล้ายกับการรับประทานยาสมุนไพรของตนในทุกวันนี้ การใช้ยานั้นมีผลข้างเคียงแต่การใช้สมุน   ไพรนั้นไม่มีผลข้างเคียง
 
“ตอนนี้กำลังใจดีขึ้นมากแม้ว่าภายในจะแย่ก็ตาม โดยได้จากครอบครัว เพื่อน ๆ และบรรดาแฟนเพลง บางครั้งหลังจากได้กำลังใจก็ลืมไปเลยว่ากำลังป่วยอยู่ ซึ่งก่อนจะออกมาจากบ้านนั้นได้ลูบคลำที่ตับดูก็รู้สึกว่ามันใหญ่ขึ้น ก็รู้สึกว่าน่าเป็นห่วงแต่ก็ไม่ได้กังวลใจอะไรเพราะมีแพทย์ดูแลอยู่แล้ว อีกทั้งในช่วง 2 อาทิตย์นี้ก็จะมาเจาะเลือดและตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ว่าเนื้อร้ายโตขึ้นมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามตัวของผมเองนั้นย่อมรู้ดีว่าเป็นอย่างไรการใช้ยาสมุนไพรไม่มีผลข้างเคียงแต่ยาแผนปัจจุบันมีผลข้างเคียงเดี๋ยวทำให้ผมไม่หล่อ” ยอดรัก กล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี 

นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง กล่าวต่อว่า
 
กำลังใจสำคัญในการสู้กับโรคนี้คือครอบครัว ที่ตนต้องการให้อยู่กันแบบสบายหลังจากที่ตนไม่อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาตนทำเพลงแล้วขาดทุนกว่า 32 ล้านบาท จากนั้นก็ทำงานใช้หนี้สินจนเหลือเพียง 5-6 ล้านบาทเท่านั้น จึงต้องการขายบ้านใช้หนี้แต่ก็ยังไม่มีใครมาซื้อ ซึ่งคงจะต้องรอคนใจบุญที่ต้องการเห็นตนมีความสุข เนื่องจากคนธรรมดาคงไม่สนใจจะซื้อบ้านเก่าที่ราคาแพงแน่ ๆ
 
“ส่วนเรื่องการมีชีวิตอยู่อีก 6 เดือน   นั้นผมไปอ่านเจอเนื้อหาของคอลัมน์หนึ่งใน นสพ.   เดลินิวส์ ว่าคนที่ป่วยเป็นโรคนี้จะอยู่ได้ 6 เดือน ซึ่งผมก็ไม่ได้กังวลใจอะไรไม่ได้นั่งนับวันนับเดือน ตอนนี้กำลังทำเพลงใหม่กับเพื่อน ๆ โดยดัดแปลงบ้านเป็นสำนักงานชั่วคราว อย่างไรก็ตามผมต้องขอขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง อยากให้ผมหายจากโรคนี้ ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวผมได้กำลังใจมากจากการที่ป่วยเป็นโรคนี้ รู้แบบนี้น่าจะป่วยตั้งนานแล้ว” ยอดรัก สลักใจ กล่าวอย่างอารมณ์ดีทิ้งท้าย.