ชีวิตต้องสู้ของ จีจ้า-ญาณิน

นาทีนี้วงการบันเทิงโดยเฉพาะทำเนียบหนังแอ็คชั่น คงต้องบันทึกชื่อ จีจ้า-ญาณิน วิสมิตะ นันทน์ ไว้เป็นดาราในระดับแถวหน้าของเมืองไทย เพราะลีลาในหนัง “ช็อคโกแลต” คงจะเป็นเครี่อง พิสูจน์ได้ถึงความทุ่มเทฝึกซ้อมมากว่า 4 ปี และวันนี้ “จีจ้า” เธอทำสำเร็จแล้ว “ดาวต่างมุม” เลยขอมาทำความรู้จักเธอแบบเจาะลึก

ทำไมถึงชื่อจีจ้า

-สมัยเรียนคุณแม่มีเพื่อนเป็นฟิลิปปินส์ แล้วเพื่อนกลับประเทศไป พอดีคุณแม่มีจ้าออกมา ก็เลยตั้งชื่อเป็นภาษาตากาล็อก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าบ้านเราตระกูล จ. นะ แต่จะชื่ออะไรที่มันไม่ซ้ำคนอื่น ก็เลยชื่อ จีจ้า แล้วกัน เจอคนส่วนใหญ่ก็จะถามว่าแปลว่าอะไร จ้าเองก็เพิ่งมารู้ความหมายเมื่อปีที่แล้วนี่เองว่าแปลว่า ไวโอลิน

ชีวิตวัยเด็กจีจ้าเป็นยังไง

-ไม่ได้ถูกโอ๋มากนะ แต่พ่อแม่จะเลี้ยงแบบค่อนข้างระวัง เพราะเป็นน้องสาวคนเล็ก เลยรู้สึกว่าเป็นน้องเล็ก แต่ไม่ได้ถูกตามใจ อย่างอยากได้ของเล่นใช่ไหม เก็บเงินค่าขนม เขาเลี้ยงให้เรารู้ค่าของเงินตั้งแต่เด็ก จ้ามีพี่ชายหนึ่งคน ห่างกัน 5 ปี ตอนเด็ก ๆ เราทะเลาะกันบ่อยมาก ถึงขั้นเอาแปรงขัดรองเท้าเขวี้ยงกัน ก็มี คือเป็นคนไม่ค่อยยอมใคร

จุดเริ่มต้นของการชอบเรียนการต่อสู้นั้นมายังไง

-มันมาจากที่จ้าเป็นคนขี้โรค เป็นภูมิแพ้ ภูมิต้านทานต่ำ เข้าโรงพยาบาลทีนานเป็นอาทิตย์ เรียนตามเพื่อนไม่ทัน คุณแม่ก็เลยอยากให้เล่นกีฬา ช่วงนั้นเทควันโดบูมมาก ก็ไปเรียน คือแม่บังคับให้เล่นกีฬา ช่วงนั้นเป็นหอบหืดด้วยนะ หายใจค่อนข้างลำบาก ช่วงแรกจะทรมานมาก หายใจไม่ออก แต่พอเรียนไปสักพักก็ดี ร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



วันนี้รู้สึกถึงคำว่า “ดังชั่วข้ามคืน” หรือยัง

-จ้ารู้สึกว่ามันเร็วมาก รู้สึกแปลก ๆ ที่พอเดินออกไปมีคนจำหน้าเราได้เลย ทั้ง ๆ ที่ไปเดินที่เดิม ทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจ แต่ตอนนี้มีคนรู้จักแล้ว มีคนเข้ามาขอถ่ายรูป มาคุยด้วย มาขอจับมือ ขอลายเซ็น รู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยน ไม่ถึงขั้นวางตัวลำบาก แต่ต้องระวังตัวเองมากขึ้น ในเรื่องของการพูดการจา คิดก่อนทำ การแต่งตัวออกข้างนอก ต้องยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รับผิดชอบตรงต่อเวลา รู้จักกาลเทศะมากขึ้น ด้วยความที่มาอยู่ตรงนี้เหมือนเป็นน้องเล็ก ก็จะมีพี่ ๆ ทีมงานคอยสั่งคอยสอน แต่ตัวตนจริง ๆ แล้วจ้าเป็นคนเรียบ ๆ ง่าย ๆ ออกจะไฮเปอร์ด้วยซ้ำ ไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ

พอได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแล้วเหมือนที่เราคิดไว้ไหม

-จ้าเพิ่งเข้ามาถึงจุด ๆ หนึ่ง ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายนัก จ้าก็ทำตามตารางเวลา แต่อาจจะรู้สึกว่า ไม่ได้เที่ยวเลย ไม่ได้หยุดอย่างที่อยากหยุด ไม่ได้เจอเพื่อนเลย คุยโทรศัพท์ยังแทบไม่ได้คุย ซึ่งตรงนี้จ้าเข้าใจว่าเป็นเรื่องของงาน จ้าทำได้อยู่แล้ว เพราะเราเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ เราก็ต้องเสียเวลาความเป็นส่วนตัวไปบ้าง แต่ไม่เสียดาย ชีวิตต้องปรับตัว อย่างปกติไม่ค่อยทานข้าวเช้า แต่ตอนนี้ต้องทานแล้ว เพราะเราต้องลุยงานทั้งวัน ตอนนี้พอใจกับชีวิตมาก ทุกอย่างมันไปทีละจุด จ้ามีความสุขที่มันค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ มีความสุขที่ได้ทำงาน ยอมรับนะว่ามีเหนื่อย แต่ว่ามีความสุขที่ได้มาทำงานในหน้าที่ของเราแบบเต็ม ๆ

ต้องมีการส่งหนังไปฉายทั่วโลก เตรียมใจรับตรงนี้ยังไงบ้าง

-พยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในทุก ๆ วันนี้ เข้าใจอะไรมากขึ้น อย่างมีคนขอถ่ายรูปแม้เราจะเหนื่อย เราก็ต้องควบคุมอารมณ์ คิดถึงใจเขาใจเราเยอะ ๆ แล้วมันกำลังจะมาถึง แต่มันยังมาไม่ถึง เพราะฉะนั้นค่อยรอมันแล้วเรียนรู้มันไปดีกว่า เดี๋ยวจะปรับตัวได้เอง ไม่อยากคิดไปก่อน มันจะกดดันตัวเอง แค่นี้ก็กดดันตัวเองมากพอแล้ว แต่ก็ดีใจที่กระแสตอบรับค่อนข้างไปในทางบวก มันสมกับที่เราตั้งใจทุ่มเทมา 4 ปี ได้ยินแค่คำว่า สนุก มันส์  พอแล้ว



ลำบากขนาดไหนกว่าจะออกมาเป็นช็อคโกแลต

-ลำบากมาก ถึงขั้นท้อเลยนะ นี่เราจะทำได้หรือเปล่า เรามาถูกทางหรือเปล่า มันมีความคิดในแง่ลบตรงนี้ออกมาในแต่ละวัน หรือเบื่ออยากทำอย่างอื่นบ้าง จริง ๆ แล้วเราอาจจะทำอย่างอื่นได้ ซึ่งถูกแล้วแหละที่เรามาทางนี้ แต่มันเหมือนช่วงที่ท้อหวั่นไหวไปกับเวลาว่ามันนานนะ เหนื่อย เจ็บตัว เสียเลือด เสียเหงื่อ

แล้วเอากำลังใจจากไหนให้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่
 

-ตรงนี้คือทำเพื่อแม่ เพื่อครอบครัว เพื่อตัวเอง คือรู้สึกว่าถ้าเราไม่ทำตรงนี้ เราจะทำอะไร ตอนนั้นเรียนก็ยังไม่จบ และเราเป็นคนเลือกที่จะเดินมาเส้นทางนี้เอง ผู้ใหญ่ 3 คน ระดับพระกาฬเลยของวงการหนังเลย คือ เสี่ยเจียง พี่ปรัชญา พี่พันนา เลือกจ้ามาตรงนี้แล้วนะ จะทำให้เขาผิดหวังไม่ได้ กำลังใจตรงนี้มาจากครอบครัว และทุกคนรอบข้าง

เข้ามาตรงนี้ครอบครัวสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน

-คุณแม่ไม่เคยขัดเลย เพราะคุณแม่บอกว่า ทำเลยทำในสิ่งที่อยากทำ แม่ไม่ได้ห้าม แต่ในใจเขาต้องกลัวเราเจ็บ เพราะยังไงจ้าก็เป็นลูกสาว มันคงต้องมีบ้างว่าลูกจะเหนื่อยไหม จะเจ็บไหม แต่เขาไม่พูด เพราะเขาให้จ้าเป็นคนเลือกเอง แล้วจ้าก็เลือกที่จะมาทางนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเองอย่างเดียว จ้าทำเพื่อครอบครัวด้วย



เราเป็นผู้หญิงนะไม่ห่วงสวยบ้างเหรอ

-เรื่องความสวยความงาม จ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยอะไรกับตัวเองอยู่แล้ว คือโลชั่นนี่ก็แค่ทา ๆ ไม่ให้ผิวมันแห้ง ผมสระมาครีมนวดก็ไม่ค่อยใส่ ไม่ค่อยหวีผม แต่คนที่ห่วงอาจจะเป็นคุณแม่ เพราะยังไงก็เป็นผู้หญิง เขาก็ห่วงเรื่องผิว เรื่องเป็นแผลเป็น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เป็นแล้วก็ทายาเอา ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง คือมันมีไปแล้วเราต้องทำใจ

มีคนงงไหมจากเด็กขี้โรค จนวันนี้เราเป็นอย่างนี้
 

-มี วันฉายรอบสื่อก็มีเพื่อนสมัยอนุบาลไป เพื่อนก็บอกว่าฉันไม่คิดเลยว่าแกจะไปได้ไกลขนาดนี้  แต่ก่อนไม่น่าเชื่อว่าจะมาทางนี้ได้ เห็นเรียนเต้นบัลเลต์แล้วขำ ๆ ตลก ๆ จ้าเคยเรียนบัลเลต์ด้วยนะ เรียนมาจนถึง 11 ขวบ เพื่อนเห็นก็ไม่น่าเชื่อ เด็ก ๆ เคยเรียนขิม สีซอ ด้วย ก็เล่นอะไรแบบที่เด็กผู้หญิงเขาเล่นกัน ไม่ได้เป็นทอม เพียงแต่ความชอบในปัจจุบันของเราเป็นเรื่องของศิลปะการต่อสู้เฉย ๆ มีคนทักว่าเป็นทอมเหมือนกัน เดินเข้ามาทักว่าชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชาย ก็บอกเลยว่า ปกติค่ะ ยังชอบผู้ชายอยู่ (หัวเราะ) 

แล้วมีแฟนไหมล่ะ

-มันไม่มีเวลาไปมีค่ะ ถามว่าอยากมีไหมก็ 24 แล้วอ่ะ บางทีเห็นเพื่อนมีก็อิจฉานะ แต่พอมานั่งนึก ๆ ดู ถ้ามียังไงก็ต้องเลิก เพราะว่าดูหนังก็ไปด้วยไม่ได้ เขาต้องอึดอัดแน่เวลาอยู่กับเรา ยิ่งเป็นตอนนี้ด้วยยิ่งอึดอัด เราคงไม่ได้จับมือกันนะ ทนได้ไหมที่เราจะยกเลิกนัดเธอบ่อย ๆ หรือว่าเราไปกับเพื่อนเป็นโขยงนะ เราคงไม่มีอารมณ์โรแมนติกกันสักเท่าไหร่



เป็นผู้หญิงเข้าวงการกลัวเรื่องข่าวไหม

-ข่าวเสียหาย ยังไงหนูว่าต้องโดน มีคนรักก็มีคนเกลียดอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่จะมารู้จักนิสัยเราจริง ๆ ก็เคยมีแบบประเภทถ่ายรูปกับแฟนเก่าบ้าง มีแฟนไม่ได้ผิดกฎหมาย (หัวเราะ) คือชีวิต เราไม่รู้ว่าเราจะเข้าวงการตอนอายุเท่านี้นะ เราจะต้องไม่มีแฟน ไม่มีใครทราบมาก่อน ไม่มีใครรู้อนาคต คิดว่าคงโดนข่าวบ้างแหละ แต่ก็ทำใจ

แล้วเมื่อไหร่จะได้มีแฟนล่ะ

-ตอนนี้จ้าเริ่มสนุกกับงาน เวลามีงานอยู่ตรงหน้าแล้วเนี่ย โทรศัพท์ไม่รับ ไม่คุยไม่แตะเลย แล้วก็ซ้อมอยู่ทั้งวัน เรามันส์ในงานของเรา ยิ่งตอนนี้มีอะไรให้ทำให้คิดเยอะแยะเลย แต่ก็มีคนพูดว่า เดี๋ยวเขาก็มาเอง พอเรามีชื่อเสียง ก็มาเอง นั่นน่ะไม่ยิ่งต้องน่าระวังตัวกว่าเหรอ ว่าเขาเข้ามาเพราะอะไร ถ้าเรายังไม่มีชื่อเสียงแล้วเห็นเราตอนนั้นน่ะ จะชอบเราเหรอ เราหน้าตาไม่ได้เลิศเลอ จ้ารู้สึกว่าจ้าเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง ถ้ามีมาก็คงคุย ๆ เป็นเพื่อน แต่ตอนนี้ไม่มีคนเข้ามาจีบหรอก แล้วก็หลายปีแล้วที่ไม่ได้ออกไปเจอใครเลย ยิ่งตอนถ่ายหนัง ไม่เอาเลยนะ ไม่อยากเสียสมาธิ ถ้าเรามีแฟนแล้วเกิดเครียดทะเลาะกัน แล้วรุ่งขึ้นต้องมาถ่ายฉากที่ต้องใช้สมาธิสูง รับรองจ้าเลือกงาน จ้าต้องอยู่กับผู้ชายคนนั้นไม่ได้แน่ ๆ เพราะงาน อนาคตและครอบครัวจ้าสำคัญกว่า

ผู้ชายแบบไหนล่ะถึงจะถูกใจ

-อยากได้เป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ ขยันทำงาน ขอคนคิดเผื่อเราได้ เพราะเราทำตรงนี้เหนื่อยแล้วนะ จ้าเป็นคนรักคุณแม่ ครอบครัวมาก่อน ห่วงคุณแม่ เพราะคุณพ่อจ้าเสีย จ้าต้องทำงานตั้งแต่อายุ 14 จ้าก็เริ่มทำงานแล้ว พอ 17 คุณพ่อก็เสีย ทุกคนในบ้านก็ช่วยกันทำงาน



ที่ว่าทำงานตั้งแต่เด็กนี่ทำอะไรบ้าง

-เริ่มสอนเทควันโดตั้งแต่อายุ 14 เริ่มหาค่าขนมเอง เพราะครอบครัวไม่ได้สบาย มันมีช่วงที่พลิกผัน มีช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ เราเริ่มลำบาก พอลำบากคุณพ่อก็มาเสียอีก ช่วงนั้นคือวิกฤติเลย ก็เริ่มหางานทำโดยสอนเทควันโดมาเรื่อย ๆ จนมามีโอกาสได้มาแคสหนัง มีคนว่าจ้าด้วยนะว่า ไม่อยากเป็นดาราแล้วมาเป็นทำไม เราไม่ได้อยากจะมาป่าวประกาศว่าชีวิตเรามันน่าสงสารนะ แต่เราอยากทำงานมาแคสหนังเพื่อได้เป็นตัวละครสมทบก็ยังดี เพราะเราอยากมีรายได้ที่สุจริต เราต้องเลี้ยงคนในครอบครัว เราต้องทำเพื่อครอบครัวเรา

เรื่องเรียนล่ะไปถึงไหนแล้ว

-ยังเรียนอยู่ ไม่ได้ทิ้งเรียน ก่อนหน้านี้ที่ต้องดร็อปเรียน เผยความจริงเลยคือต้องหาเงินไปเรียน ค่าเทอมมหาวิทยาลัยก็แพงมาก จ้าก็เลยเลือกที่จะทำงานก่อน ก็เลยเลือกรับเล่นหนัง อย่างที่บอกมันเป็นเรื่องแรกและเป็นอนาคตของจ้า จ้าถึงขั้นยอมดร็อปเรียน ทำงานให้เต็มที่ เก็บตังค์เมื่อไหร่จะเรียนให้จบ ทุกวันนี้ก็กลับมาเรียนแล้ว เพราะเริ่มเก็บตังค์ได้ แล้วก็ทยอยจ่ายเองทั้งหมด ตอนนี้ก็เรียนอยู่ที่ ม.เกษมบัณฑิต ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์เอกภาพยนตร์และดิจิตอล ตอนแรกเรียน มนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ แต่มันไม่ใช่เรา มันฝืน เรียนแล้วไม่มีความสุข พอกลับมาเรียนใหม่ก็เลือกเรียนภาพยนตร์ ไม่ขัดใจเลย เพราะเราเป็นคนชอบดูหนัง พอไปเรียนทำหนังเหมือนได้ไปพักผ่อน มีความสุข

วางอนาคตของเราในเส้นทางบันเทิงนี้อย่างไร

-ตอนนี้ยังไม่ทราบเลย เมื่อมีโปรเจคท์ดี ๆ บทดี ๆ เข้ามาก็คงรับโอกาสนั้นไว้ และทำให้ดีที่สุดอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ คงไม่ถึงขั้นไปดร็อปเรียนแล้วล่ะ เพราะอายุ 24 แล้ว อยากเรียนให้จบแล้ว อยากทำงานเต็มตัวแล้วค่ะ 

นี่เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น ชีวิตบนถนนบันเทิงของ “จีจ้า” ยังอีกยาวไกล เชื่อว่าอนาคตเธอเป็น “ราชินีนักบู๊” ได้ไม่ยาก เพราะเธอยอม “เล่นจริง เจ็บจริง” สุดยอดจริง ๆ   
 
ขอขอบคุณ ศูนย์สุขภาพ อ.ส.ม.ท. ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการเก็บภาพสวยๆ.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์