ร่ำไห้ออกทีวี ยู่ยี่เตียงหัก

หลังจากที่ถูกมรสุมข่าวลือว่าเข้าไปพัวพันกับการค้ายาเสพติดและป่วยเป็นโรคร้าย เหตุเพราะร่างกายซูบผอมจนผิดหูผิดตา ทำให้อดีตดารานางแบบสาว ยู่ยี่-อลิสา อินทุสมิต วัย 35 ปี ต้องควงคู่แฟรงค์ เกวสต้า สามีครูฝึกเทนนิสชาวสเปน วัย 40 ปี ออกมาตอบโต้กระแสข่าวไปเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ปีกลาย พร้อมยืนยันเรื่องที่เกิดขึ้นกระทบชื่อเสียงของครอบครัว และมีผลกับงานการรับสอนเทนนิส เพราะนักเรียนยกเลิกการเรียน
 

ปรากฏว่าไม่ทันครบสองเดือนดี เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ยู่ยี่-อลิสา ก็ออกมายอมรับว่า ได้หย่าขาดกับสามีชาวสเปนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยเมื่อเวลา 17.30 น. ที่สตูดิโอ ภายในสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท ยู่ยี่-อลิสา เดินทางมาออกรายการตาสว่าง ประเด็นการหย่าขาดจากสามีชาวสเปน แต่ระหว่างรอแต่งหน้าทำผมนั้น ก็ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่แห่มาทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก ถึงเรื่องหย่าร้างกับสามี ซึ่งทันทีที่เริ่มเปิดปาก ยู่ยี่-อลิสา ก็มีน้ำตาคลอเบ้าไปด้วย โดยกล่าวว่า

ที่เลิกเพราะความรัก และไม่ได้แค่แยกกันอยู่

แต่มีการเซ็นเอกสารหย่ากัน ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้พยายามแยกห้องนอนกันมาก่อนแล้ว แต่ไม่เวิร์กเพราะยังเห็นหน้ากันอยู่ และมีการพูดจาเสียดสีใส่กัน ทั้งที่รู้ว่าเขารักเรามาก และเราก็รักเขามาก แต่เหมือนมาถึงจุดที่เก็บความรู้สึกกันไว้ข้างใน จนวันหนึ่งถึงกับรู้สึกไม่อยากลุกจากเตียง แล้วก็ระเบิดออกมา 



อดีตนางแบบดารานักร้องกล่าวยอมรับว่า ตั้งแต่ที่ถูกข่าวลือว่าพัวพันกับยาเสพติดเมื่อปลายปีก่อน ชีวิตครอบครัวก็ไม่ราบรื่น

มีทะเลาะกันบ้าง และทำให้ตัดสินใจแยกห้องนอนได้ราวสองเดือน แต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกบั่นทอน และมีเรื่องทะเลาะกันด้วยเรื่องนิดๆหน่อยๆ อาทิ เรื่องอาหารเช้า มีการแขวะใส่กัน จนนำไปสู่การทะเลาะใหญ่ ซึ่งความรู้สึกของตนคือสงสารลูก เพราะตอนนั้นเหมือนต่างคนต่างเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ จึงเหมือนลูกโป่ง พยายามทำตัวให้เป็นครอบครัวตัวอย่าง เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เป็นความสุขของลูก ตนมีหน้าที่เลี้ยงลูก เขาก็มีหน้าที่ทำงานเลี้ยงครอบครัว แต่เมื่อมาถึงจุดที่ตนอยากลุกขึ้นทำงาน แต่เขาไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้กลับเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง โดยเขาเคยบอกว่า เขาโดนเรื่องค้ายา แล้วตนยังจะกลับไปอยู่ในวงการอีกหรือ ทำให้เขาและลูกพลอยตกเป็นข่าวไปด้วย
 

“เขาไม่ชอบวงการบันเทิงมากๆ แต่ความรู้สึกของยี่อยากกลับเข้ามาวงการบันเทิง เพราะทุกวันนี้ไม่ได้ ทำงานก็รู้สึกตัวเองไร้ค่า อยากทำงานช่วยเขาบ้าง ทุกคนมีงานที่ตัวเองรัก ตื่นมาก็จะดีใจที่ได้ทำงาน เขาก็เหมือนกัน ยี่ก็อยากมีชีวิตอย่างนั้นบ้าง” ยู่ยี่กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
 

เมื่อถามว่า สาเหตุที่ทำให้ไม่ลงรอยเพราะแค่ยู่ยี่ อยากกลับเข้าวงการแค่นั้นหรือ ยู่ยี่ตอบว่า

ก็เป็นหนึ่งในประเด็นปัญหา แต่เพราะเขารู้สึกว่าตัวเขาสามารถที่จะดูแลครอบครัวได้ ตนก็บอกเขา จนตัวเองยังเป็นโรคซึมเศร้า ต้องไปหาหมอ กินยา จริงๆเรารักกัน เขายังรักยู่ยี่อยู่ และเชื่อที่เขาพูดว่าตนเป็นชีวิตของเขา แต่เขาไม่เห็นด้วยที่ยู่ยี่จะกลับเข้ามาในวงการบันเทิง ซึ่งทำให้ รู้สึกเหมือนความสุขอยู่แค่เอื้อม แต่กลับไม่ได้ทำ ดังนั้นหากยังอยู่ด้วยกันแล้วต้องมานั่งทะเลาะกัน อีกหน่อยก็จะกลายเป็นเกลียดกันมากกว่า เลยตัดสินใจหย่า ซึ่งได้ให้ ทนายจัดการเรียบร้อย จะได้ไม่ต้องมาฟ้องร้องเรื่องแย่งลูก โดยตอนนี้ก็ช่วยกันดูแล ตนกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ วันธรรมดาลูกจะค้างกับพ่อที่เกวสต้า เทนนิส อะคาเดมี่ สุขุมวิท 50 วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็จะไปรับลูกมาค้างที่บ้านแล้วมาส่งคืนวันอาทิตย์ หรือบางทีก็มาค้างที่อะคาเดมี่ด้วย โดยเขายังสอนเทนนิสให้เหมือนเดิม และมีการทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ปิดกั้น 




ส่วนใครเป็นคนเอ่ยปากขอแยกทางก่อนนั้น อดีตนางแบบกล่าวว่า

ตนเริ่มก่อน โดยเริ่มแยกกันมาตั้งแต่มีข่าวค้ายาแล้ว และยอมรับว่าข่าวครั้งนั้นทำให้ทะเลาะกันด้วย เพราะความที่ผอมมาก เขาก็จะคะยั้นคะยอให้กินมากๆ จนรู้สึกอึดอัด และก็มีเรื่องเงิน ไม่ได้แค่เรื่องเราสองคน แต่หลายๆอย่าง ช่วงนี้ก็ย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่ อย่างไร ก็ตาม เมื่อถามว่า มีเรื่องมือที่สามด้วยหรือไม่ ยู่ยี่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ไม่มี รับรองได้
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ยู่ยี่ให้สัมภาษณ์สื่ออยู่นั้น จู่ๆนายแฟรงค์ เกวสต้า อดีตสามี ก็เดินเข้ามาในสตูดิโอด้วยสีหน้าหมองเศร้า ก่อนมานั่งลงเคียงข้างอดีตภรรยา และกล่าวกับสื่อ

โดยยู่ยี่เป็นล่ามแปล ซึ่งแฟรงค์ ยืนยันถึงข่าวค้ายานั้นไม่เป็นความจริง ทำให้รู้สึกไม่ชอบวงการบันเทิง และอยากให้สื่อหาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนเสนอข่าว มิฉะนั้นจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และต่อจากนี้ไปอย่ามายุ่งกับเขา เขาจะสอนเทนนิสไป 




ผู้สื่อข่าวถามแฟรงค์ว่า ที่ทะเลาะกันเพราะไม่ อยากให้ภรรยากลับเข้าวงการใช่หรือไม่

แฟรงค์กล่าวโดยมีอดีตภรรยาเป็นล่ามแปลให้ว่า ไม่ชอบวงการบันเทิง ซึ่งยู่ยี่ก็ทราบ แต่ไม่คิดว่าเป็นเหตุผลใหญ่ขนาดนี้ เพราะรักภรรยามาก อยากทำให้ทุกอย่าง ตนสามารถดูแลภรรยาและลูกได้ และก็เพิ่งรู้สาเหตุที่ทำให้ทะเลาะเหมือนกัน

จากนั้นยู่ยี่ได้กล่าวแทนอดีตสามีว่า ตอนนี้ทำให้รู้สึกไม่ดี

เพราะไม่คิดว่าเหตุผลแค่นี้จะทำให้ถึงกับต้องหย่ากัน เขาไม่ชินกับการเป็นข่าว แต่ตนชินแล้ว เขาไม่ต้องการอยู่ในแสงสี และแม้เขาดูแลตนและลูกได้ แต่ตนก็อยากมีงานทำ มีศักดิ์ศรี อยากทำงาน อยากเป็นคนที่มีคุณภาพ ซึ่งเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ยู่ยี่ถึงกับร้องไห้ออกมา ทำให้แฟรงค์ต้องเอามือคอยลูบหลังปลอบใจ ซึ่งยู่ยี่ กล่าวต่ออีกว่า เรื่องที่ทะเลาะกัน คิดว่าลูกๆก็รู้ เพราะคนโตอายุ 10 ขวบ 4 เดือนแล้ว และเวลาเราทะเลาะกัน เสียงดัง รู้สึกสงสารลูก การตัดสินใจหย่าก็เพื่อจะช่วยรักษาสภาพจิตใจลูกด้วย เพราะตนก็ไม่ไหวแล้ว ทะเลาะกันทุกวัน บั่นทอนจิตใจลูก ซึ่งเขาก็แฟร์ที่ให้อิสระ  อย่างไรก็ดี เมื่อถามว่า โอกาสที่จะกลับมาอยู่ พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกเหมือนเดิมมีหรือไม่ ยู่ยี่ตอบเป็นนัยๆว่า คิดว่าน่าจะมีโอกาส ก็หวังอยู่



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์