จากเด็กไม่เอาไหน! “ม่อน-สุรศักดิ์” สู่พระสังข์ 2018

กำลังเป็นกระแสโด่งดังจนถูกพูดถึงในโลกโซเชียลเลยทีเดียว สำหรับหนุ่มคนนี้ “ ม่อน-สุรศักดิ์  สุวรรณวงษ์” พระสังข์จาก ละครจักรๆวงศ์ๆเรตติ้งสูงแห่งช่อง 7 สี “สังข์ทอง” ที่สร้างเรตติ้งเป็นประวัติศาสตร์ในตอนที่ถอดรูปเงาะ และทำเอาแม่ยกกรี๊ดกันเลยทีเดียว ซึ่งเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์พูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตของตัวเอง เอาเป็นว่าไปทำความรู้จักกับหนุ่มม่อน สังข์ทอง 2018 กันให้มากขึ้นเลยดีกว่า

“คือตอนแรกที่จบ ม.6 มา ผมก็มานั่งคิดเลยว่าผมจะทำงานอะไร เพราะผมรู้ตัวเองว่าเรียนไม่เก่ง แล้วเรามีความรู้สึกอยากจะดูแลพ่อแม่ เพราะว่าพ่อผมแก่มากแล้ว ก็มานั่งคิดว่าเรามีศักยภาพทางไหนบ้าง ผมก็คิดว่าเรามีความสามารถด้านนักฟุตบอล แต่ไม่ได้ตัดสินใจไปสายนั้น ก็มานั่งคิด นั่งหาในกูเกิลครับ ว่าอาชีพไหนที่หาเงินได้เยอะ ๆ บ้าง หาเงินได้เร็ว มันมีอาชีพอะไรบ้าง เพราะผมไม่รู้จะเรียนอะไรต่อจริง ๆ ตอนนั้น (หัวเราะ) แล้วก็มีความคิดแว่บเข้าในหัวว่าถ้าเราจะเข้าวงการบันเทิง เราต้องทำยังไงบ้าง ก็ไล่อ่านดูว่าต้องทำยังไงบ้าง เขาก็บอกว่าให้ส่งรูปไปตามโมเดลลิ่ง ก็พอเข้าโมเดลลิ่งเขาก็ส่งเราไปประกวดโน่นนี่ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จตามที่เราคิดไว้

        

แล้วผมก็กลับมานั่งหาข้อมูลในเน็ตไปเรื่อย ๆครับเหมือนเดิมครับ (หัวเราะ) ก็เจอสามเศียร ผมก็เลยมาสมัครที่สามเศียรครับ ก็ได้มาเจอผู้จัดการผมพี่พินิจ พี่เขาก็ให้ลองแนะนำตัวเอง ให้ลองเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วพามาแคสละครกับคุณลุงไพรัช สังวริบุตร คุณลุงก็ได้ให้โอกาสผมเข้าไปเล่นละครตอนเช้าครับ แต่ก่อนที่จะเริ่มถ่ายละคร ก็ต้องเรียนการแสดงครับ แล้วก็ฟิตหุ่นเต็มที่เลย คือผมคิดว่าเมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาสเราแล้ว ผมก็จะทำให้เต็มที่ครับ อีกอย่างคือเรามีเป้าหมาย อยากให้พ่อแม่สบายขึ้น ก็เลยลุยเต็มที่เลยครับ”

 

“เรื่องแรกของผมเลยคือสี่ยอดกุมาร ผมออกมาท้าย ๆ เรื่องแล้วครับ ตอนนั้นรู้สึกดีใจมาก รีบโทรฯ ไปบอกแม่ที่บ้าน ว่าจะได้เล่นละครแล้วนะ (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าผมจะออกมาท้าย ๆ เรื่อง แต่ก็ดีใจมากครับ ตื่นเต้นมาก นอนไม่หลับ (หัวเราะ) วันแรกที่เข้าฉากเลยก็เกร็งมากครับ แต่ก็โชคดีที่พี่  ๆ ในกองเป็นกำลังใจ แล้วก็สอนผมหลายอย่างมาก ผิดพลาดอะไรก็สอนผมตลอด ตรงนี้ต้องขอบคุณมากจริง ๆ ครับ

แล้วพอมาได้เล่นละครเรื่องที่สองคือ อุทัยเทวี เรื่องนี้ได้ขึ้นเป็นพระเอกเลย ก็ยิ่งตื่นเต้นหนักกว่าเดิมครับ แล้วก็ดีใจมาก ที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส แต่พอจบละครเรื่องอุทัยเทวี ก็เว้นไปเรื่องหนึ่ง ก่อนที่จะมาเล่น สังข์ทอง ช่วงที่ว่างช่วงนั้นผมก็เรียนการแสดงเต็มที่ ฟิตหุ่น แล้วก็ฝึกพูด เพราะว่าผมยังพูดไม่ชัด (หัวเราะ) แล้วพอเปิดกล้องตั้งใจเต็มที่ครับ เพราะว่าเป็นเรื่องที่สามของเราแล้ว ตอนถ่ายก็สนุกสนานกันมากเพราะเจอเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันเยอะกว่าทุกเรื่อง เฮฮากันมากเวลามากองถ่าย ตอนนั้นผมก็ไม่คิดนะครับว่าพอละครออกอากาศแล้ว เรตติ้งจะดีมาก ตรงนี้ต้องขอบคุณแฟน ๆ ละครทุกคนนะครับที่ติดตามดูกัน”

        

“ดีใจมากครับ ดีใจจริง ๆ เอาจริง ๆ ตอนแรกเลยผมไม่รู้ด้วยซ้ำครับว่า เรตติ้งคืออะไร ก็เห็นมีแต่คนพูดกันว่าละครเรตติ้งดีมากนะ ดีใจมั้ย ผมก็งงเรตติ้งคืออะไร (หัวเราะ) ก็ถามพี่ผู้จัดการ เขาก็บอกว่าจำนวนคนที่ดูละคร พอมาดูละครสังข์ทอง ละครพื้นบ้านคนดูเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ไม่คาดคิดจริง ๆ ครับ คือไม่เคยเจอ อย่างไอจีผมตอนแรกมีคนตามอยู่ประมาณ 1,000 คน แต่พอละครออกอากาศไปยอดคนติดตามก็เพิ่มขึ้นมาเป็นแสนกว่า ๆ เลยครับ คือตกใจมาก ตอนที่เข้ามาแรก ๆ ไม่คิดจะมีคนมาตามเราเยอะขนาดนี้”

“คือตอนที่ผมขึ้นมากรุงเทพฯ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้บอกที่บ้านนะครับว่าจะขึ้นมาเพื่อเข้าวงการบันเทิง เพราะถ้าบอกไปเขาก็ไม่เชื่อ (หัวเราะ) เพราะว่าเราไม่รู้จักใครเลยในวงการนี้ ผมก็ไม่บอกอะไรเขาเลย เขารู้แค่ว่าเรามาเรียนหนังสือ 1 ปีเต็ม ๆ ที่ผมไม่มีงานอะไรเลย จนมาปีที่ 2 ถึงเริ่มถ่ายละคร ก็พอมีงานผมรีบบอกเขาเลยว่าได้เล่นละครแล้วนะ แม่ก็ดีใจมาก ประกาศทั้งหมู่บ้านเลยครับ เวลาผมกลับบ้านตอนนี้ไม่กล้าออกจากบ้านเลยครับ อาย (หัวเราะ) เขินเขาเรียกเรา ดารา ผมเขินเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้เรียกเราแบบนี้ พอกลับไปครั้งนี้เขาเรียกเราแปลก ๆ มองเราแปลก ๆ ก็เขินครับ ไม่ชิน (หัวเราะ)”

       

        

“มีครับ แต่ผมก็จะทำงานตรงนี้ให้ดีก่อน ผู้ใหญ่บอกว่าถ้าเราทำตรงนี้ได้ดี เล่นได้ดีก็สามารถที่จะต่อยอดไปได้อีก ผมก็เต็มที่ครับ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ๆ ไม่หยุดอยู่กับที่ หาความรู้ใส่ตัวเรียนการแสดงเพิ่ม ฟิตหุ่น ฝึกพูด ตั้งใจทำงานครับ”

        

“ผมก็ธรรมดาครับ เป็นคนสบาย ๆ ครับ ไม่เรื่องเยอะครับ บางทีพี่ผู้จัดการก็บอกว่าผมสบายเกินไป”

      

        

“ผมมีพี่น้อง 3 คนครับ ผมเป็นพี่คนโต มีน้องสาวหนึ่งคน และน้องชายคนสุดท้ายอีกคนครับ ตอนนี้น้องคนสุดท้ายอยู่ ป.1 ซึ่งเป็นลูกหลงมา  จะบอกว่าพ่อผม 80 กว่าจะ 90 แล้วครับ ผมก็เลยตั้งใจกับงานทุกอย่างที่เข้ามา เก็บเงิน เพราะว่าพ่อเขาก็แก่มากแล้ว แล้วสุขภาพก็เริ่มไม่แข็งแรง คือสมัยเด็ก ๆ ผมเป็นคนไม่ตั้งใจเรียน โดดเรียนไปเตะบอล จนพ่อแม่ต้องเดินตามว่าเราไปเรียนหรือเปล่า คือผมเกเรมาก ตอนนั้นไม่คิดอะไรเลย แต่พอวันหนึ่งพ่อผมป่วยหนักมาก ช่วงนั้นผมก็บวชให้พ่อ แล้วผมเห็นแล้วว่าแม่ลำบาก น้อง ๆ ลำบาก แล้วผมทำอะไรอยู่ จากตรงนั้นผมก็เริ่มคิดจะทำอะไร และมันเป็นจุดที่จุดประกายให้ผมอยากเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯ อยากจะเข้าวงการ เพราะว่าอยากหาเงินช่วยที่บ้าน อยากให้เขาสบายขึ้น เรายังมีน้องที่ต้องดูแล อยากให้เขาได้เรียน วันนี้ผมได้โอกาสจากผู้ใหญ่เลย ก็จะทำทุกอย่างให้ดีครับ เพื่อครอบครัว พ่อแม่ น้อง ๆ จะได้ไม่ลำบาก”

ขอถามเรื่องความรักหน่อย มีแฟนแล้วยัง? 

        

“ตอนนี้ไม่มีเลยครับ ขอดูแลครอบครัวก่อน แต่สมัยเด็ก ๆ ที่เกเร ๆ ก็พอจะมีบ้างครับ แต่ตอนนั้นมันก็เด็กมากนะครับ ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยครับเลิกกันเพราะอะไร (หัวเราะ) เหมือนเด็ก ๆ เราก็ไม่ได้จริงจังอะไรกันมาก มันก็หาย ๆ กันไป เอาจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าเราเป็นแฟนกันหรือเปล่า (หัวเราะ)”

      

        

“ผมไม่มีสไตล์ครับ มันอยู่ที่ความรู้สึกมากกว่าครับ ถ้ารู้สึกว่าชอบก็คือชอบ ผมไม่มีสเปก แต่ถ้ามองแล้วรู้สึกและได้คุยแล้วชอบ ก็คือชอบครับ แต่ถามว่าเจ้าชู้มั้ย เมื่อตอนเด็ก ๆ ก็มีบ้างครับ แต่ตอนนี้ขอทำงานหาเงินก่อนครับเพราะผมมีแม่ มีพ่อ มีน้องที่ต้องดูแลขอให้ที่บ้านผมสบายก่อนครับ"

        

“ก่อนอื่นต้องขอบคุณแฟน ๆ ละครทุก ๆ คนมากนะครับที่ชื่นชอบและติดตามดู สังข์ทอง และผมขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ทุก ๆ คนที่ให้โอกาสผมนะครับ ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ และขอบคุณครอบครัวของผมมากครับ พ่อ แม่ น้อง ๆ ที่ถึงแม้ช่วงเด็ก ๆ ผมจะเกเร สร้างความหนักใจให้ แต่วันนี้ผมคิดได้แล้ว (หัวเราะ) ผมรักพ่อ รักแม่ รักน้องนะครับ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ผมเสมอ และสุดท้ายอยากจะฝากถึงน้อง ๆ ครับ ผมเคยเป็นเด็กที่เกเร ไม่ตั้งใจเรียนมาก่อน ผมก็เปลี่ยนตัวเอง เพราะว่าผมมีเป้าหมาย ก็อยากจะบอกว่าอยากให้ทุกคนตั้งใจเรียน อยากให้ทุกคนมีเป้าหมายที่ชัดเจน แล้วตั้งใจเดินไปหาเป้าหมายอย่างไม่ท้อนะครับ ลงมือทำเลยครับผมเชื่อว่าสักวันเราจะประสบความสำเร็จ ซึ่งตัวผมเองก็กำลังเดินตามเส้นทางไปสู่เป้าหมายของผมอยู่ครับ ก็เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ”