พระเอกนอกจอป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ

สึกออกมาได้ไม่นานก็เริ่มมีงานจ่อคิวพระเอกคนดังแห่งวิกหมอชิต

อย่าง "ป๋อ" ณัฐวุฒิ สกิดใจ กันแล้ว แต่ก่อนที่เราจะไปพบกับเขา ในมาดของพระเอกในจอ "บันเทิง คม ชัด ลึก" อยากจะขอพาทุกคนมาสัมผัสตัวตนจริงๆ ในวันสบายๆ ของเขาคนนี้กันบ้าง หลังเสร็จสิ้นอีกหนึ่งหน้าที่ของลูกผู้ชาย และนี่เองถึงเป็นที่มาที่เราอยากจะเรียกเขาว่า พระเอกนอกจอ



คิดแบบทิดป๋อ


บวชพระ 17 วัน ได้อะไรบ้าง

เนื่องจากว่าเป็นพระที่มีกิจนิมนต์เยอะมาก ป๋อก็รู้สึกเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ แต่ไม่รู้จะทำยังไง รู้สึกว่าเหนื่อยกว่าเป็นดาราอีก เป็นดาราปฏิเสธได้ แต่เป็นพระปฏิเสธไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าญาติโยมผิดนะ เพราะเขาก็อยากให้มาทำบุญร่วมกัน แต่ตอนนั้นเรารู้สึกสับสน ประมาณวันที่ 7-8 รู้สึกบอกไม่ถูก รู้สึกว่าเราพลาดเรื่องการทำสมาธิที่จะได้กับตัวเรา แต่พอได้คุยกับหลวงพ่อ หลวงพ่อก็บอกว่าดีแล้ว สิ่งที่ทำไปทั้งหมด เพราะเราก็ทำด้วยจิตใจดี ป๋อเลยมานั่งคิด ว่าถ้าเรานั่งวิปัสสนา นั่งสมาธิอยู่คนเดียว บุญกุศลก็เกิดกับเราคนเดียว แต่การที่เราได้ไปบรรยายธรรมให้เด็กฟัง โรงเรียนละ 3,000-4,000 คน ประมาณ 8 โรงเรียน รวมๆ ก็ประมาณ 15,000 คน นั่นหมายความว่าเขาได้นำไปใช้ประโยชน์ อาจจะเกิดผลอะไรมากมายก็ได้ เราก็เลยเลิกท้อ เลยรู้สึกว่า ถ้านั่งวิปัสสนาได้บุญคนเดียว ก็แบ่งบุญให้คนอื่นดีกว่า แล้วเราก็มาเรียนรู้เรื่องวิปัสสนาทีหลังก็ได้ ตอนเราเป็นคนธรรมดาก็ได้


สิ่งที่ได้เรียนรู้


นอกจากเรื่องดูทีวีน้อยลง และนอนเร็วขึ้น และอีกสิ่งที่คิดว่าจะทำให้ได้ คือการรู้สึกไม่ยึดติด ตอนเป็นพระ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เห็นหมดเลย ก็ทำให้รู้สึกว่าไม่มีใครหนีพ้น มันเป็นเรื่องที่เรารู้อยู่แล้ว แต่เพียงแค่เรายอมรับมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วก็พยายามไม่ยึดติดอะไร ชื่อเสียงต่างๆ เป็นสิ่งที่นักแสดงไม่ควรยึดติด เพราะเรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ทำร้ายเราที่สุด มันครอบงำให้เราหลงกับความสุขในช่วงหนึ่ง แต่ ณ อีกช่วงหนึ่ง ก็จะส่งผลอย่างรุนแรง หนังสือเล่มหนึ่งบอกว่า ถ้าเรามีความสุขในช่วงหนึ่ง ก็จงเตรียมตัวรับความทุกข์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต มันไม่มีอะไรแน่นอน เพียงแต่ถ้าเรายอมรับและปล่อยวางบ้างก็จะดี



ก่อนหน้านี้เคยหลงไปกับชื่อเสียงบ้างไหม


ต้องมีอยู่แล้ว แต่ป๋อไม่ได้เข้าวงการตอนเด็กๆ เข้ามาตอนอายุ 25 ก็จะรู้ว่าสิ่งที่เราทำไปเพื่ออะไร วันนี้หลังจากบวชมา ป๋อคิดว่าตัวเองน่าจะรับกับความเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น หลังจากที่ป๋อได้เห็นว่าจริงๆ ชีวิตเราก็ไม่ได้อะไรมากมาย ที่คิดว่ากินแค่ 2 มื้อจะอยู่ได้ไหม เป็นพระตื่นเช้าจังเลย เข้าวัดต้องกลัวผีแน่เลย แต่จริงๆ ก็อยู่ได้ ทำได้ ไม่ตาย ตอนนี้ถึงป๋อจะไม่มีอะไรเลย ก็อยู่ได้ ถ้าเราไม่ยึดติด เราก็ไม่เหนื่อย มันก็จะมองไปถึงเรื่องการวางแผนชีวิต คนที่รู้สึกบาดเจ็บจากการไม่มีชื่อเสียง ก็คือคนที่ไม่มีงานทำ หรือไม่มีเงินทองเก็บ ประสบปัญหาด้านการเงิน นั่นคือสิ่งที่สะท้อน ว่าดาราต้องรู้จักเก็บเงิน ต้องวางแผนชีวิต ไม่ใช่ได้เงินมาก็ซื้อทุกอย่าง ผ่อนหมด แต่วันหนึ่งถ้าไม่มีชื่อเสียง ตายเลย การไม่ยึดติดต้องบวกกับการวางแผนที่ถูกต้องด้วย

เรียนจบปริญญาโท แต่ทำไมถึงเลือกเป็นนักแสดง


ผมจบวิศวะ ปริญญาตรี และไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ บริหารงานทั่วไป แต่ตอนนั้นสมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ เพราะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ตอนนั้น พี่เอ ผู้จัดการส่วนตัวบอกให้มาเป็นนักแสดง ตอนแรกผมบอกไม่เอา เพราะรู้สึกว่าลงทุนกับการเรียนไปตั้ง 7 ปี เรียนวิศวะ เรียนบริหาร แล้วอยู่ๆ จะให้มาเป็นนักแสดง จะดังหรือเปล่าไม่รู้ ถ้าเป็นแล้วไม่มีงานล่ะ ก็สมัครงานไปที่สายการบินด้วย คือถ้าไม่เป็นดารา ก็เป็นสจ๊วตไปแล้วนะ แต่ป๋อกลัวเครื่องบิน กลัวความสูง ก็เลยคิดว่าถ้าเป็นสจ๊วตถึงเงินดี แต่ท่าทางคงไม่มีความสุข ก็เลยได้มาทำตรงนี้



ความสัมพันธ์กับ "เอ๋" พรทิพย์ วงศ์กิจจานนท์ ตอนนี้เป็นอย่างไร


ก็ไปเรื่อยๆ นะ เราเริ่มจากความเป็นพี่น้องเป็นเพื่อน ณ เวลานี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้น ก็คือการได้รู้จักกันมากขึ้น ส่วนว่าจะพัฒนาไปสถานะไหน ป๋อไม่ขอเรียก ว่าอะไรแล้วกัน แต่ขอให้อยู่ไปอย่างนี้ ให้ทุกคนรู้จักป๋อในมุมประมาณนี้ เพราะเจตนาไม่อยากให้ดาราเป็นมุมที่คนจะมาดูถูกเรื่องความรัก ว่ารักง่ายหน่ายเร็ว ไม่ใช่ว่าป๋อเป็นคนดี เลิศเลอ แต่ป๋ออยากเป็นตัวอย่างดีๆ อยากเป็นคนหนึ่งที่พัฒนาสังคมและภาพลักษณ์ดารา วันไหนพร้อมก็จะบอกได้ชัดเจนกว่านี้แน่นอน


วางแผนความรักอย่างไร


ป๋อวางแผนแค่ว่า ต้องเลือกคนที่เข้าใจเรา เข้าใจรูปแบบการใช้ชีวิตของเรา เราอยากใช้ชีวิตแบบนี้ และต้องเข้ากับพ่อแม่ป๋อได้ จากนั้นก็ต้องดูว่าเป็นผู้หญิงแบบไหน จากนั้นก็คบกันไปถึงจุดว่าพร้อม ก็คงจะก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะอายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว


อย่างเอ๋ใกล้เคียงกับที่บอกมาหรือเปล่า


ตอนนี้ก็ไม่ได้มีตัวเลือกอะไรมาก จริงๆ จะไม่ยุติธรรม ถ้าเอาคุณสมบัติต่างๆ มาตัดสินคนคนหนึ่ง แต่ ณ ขั้นต้น ใกล้เคียงแล้วกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องอยู่นะ วันหนึ่งเอ๋อาจจะเปิดตัวแฟนเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งอาจเป็นใครก็ไม่รู้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ละคนก็มีโอกาสเจอสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิตอยู่แล้ว แต่เรื่องใหญ่สำหรับป๋อ คือเวลาจะกำหนดเองว่าใช่หรือไม่ใช่



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์