ตบ-จูบ ติดลมบน ฤๅเป็นความชอบของคนดู

แม้ว่าละครแบบ 'ตบ-จูบ' พระเอกเป็นซาดิสม์ นางเอกเป็นมาโซคิสม์ (ว่าไหม?) ประเภท ไม่รู้ว่าตอนจบรักกันได้อย่างไร

ทั้งๆ ที่เกลียดกันมา ทะเลาะกันมาอย่างเอาเป็นเอาตายเกือบทั้งเรื่อง จะเคยห่างหายไปจากหน้าจอโทรทัศน์บ้านเราชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แต่ถ้าจะว่ากันตามจริงเมื่อไรที่มีละครแนวนี้ออกมาก็การันตีเรตติ้งได้เมื่อนั้น ดูอย่างล่าสุดกับ ''ลิขิตกามเทพ'' ที่เพิ่งลาจากจอไปด้วยตำแหน่งละครที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดเรื่องหนึ่งของช่อง 3 เมื่อปีที่ผ่านมา



แล้วก็ต่อด้วย ''จำเลยรัก'' ที่มีคนติดตามเป็นแฟนอย่างกว้างขวาง

ซึ่งนอกจากความเก๋ของนางร้าย เสียงอันแหลมและความสวยเว่อร์ของนางเอกแล้ว ก็ยังมีความโหดของพระเอก (ใครแอบคิดว่าเป็นเรื่องของผู้หญิง 2 คนตีกัน มาตั้งแต่ยิงทีเซอร์ สารภาพมาเดี๋ยวนี้นะ) แล้วนอกจากนี้ก็ยังมี ''สงครามนางฟ้า'' ที่ตบสนั่นกันอยู่ทางช่อง 5 กับที่ปูทางกำลังจะมาอีกหลายเรื่องทั้ง ''สายใยสวาท'' ทางช่อง 7, ''สวรรค์เบี่ยง'' และ ''ถึงร้ายก็รัก'' ที่กำลังถ่ายทำ ทางช่อง 3 ก็มีแนวโน้มไปในทางเดียวกัน


'นี่เรากลับมาสู่วังวนในละครแบบเดิมแล้วหรือไร?'

'อย่าไปคิดว่ามันเป็นแค่ละครตบ-จูบ จริงๆ มันคือมหรสพ ซึ่งในแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ของมหรสพที่แตกต่างกันไป และนี่คือมหรสพที่สะท้อนความเป็นไทย' 'จ๋า-ยศสีนี ณ นคร' ผู้บริหาร บริษัท เมคเกอร์วาย จำกัด ผู้จัดละครเรื่อง 'จำเลยรัก' กล่าว'มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คนไทยหันไปเสพสื่อจากประเทศอื่น อาจจะเห็นว่าของเขาดูแล้วสบายๆ ดี ดูแล้วทำให้รู้สึกว่าทำไมละครจะต้องกระโชกโฮกฮากด้วยล่ะ'



แม้ไม่ได้เจาะจง แต่เธอคงหมายถึงซีรีส์เกาหลี ที่พักนี้ความนิยมอาจจะซาลงเล็กน้อย นี่วัดจากคนรอบข้างของเราที่เคยเลิกดูละครไทยไปพักหนึ่ง

แต่ถึงตอนนี้ก็มีกลับมาเฝ้าหน้าจอเหมือนเดิม 'อาจเป็นเพราะนั่นไม่ใช่ของเราจริงๆ จึงมาเดี๋ยวเดียว แล้วก็ค่อยๆ หายไป' ไม่เหมือนละครไทยหลายเรื่องที่มาแล้วมาเล่า เดี๋ยวๆ ก็มา แต่ว่าได้รับความนิยมทุกทีอย่าง 'จำเลยรัก' รอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ เป็นต้น

'ไม่ใช่จ๋าทำละครดี แต่แก่นของละครเรื่องนี้อยู่ที่คนดูสามารถเอาตัวเองเข้าไปแทนได้
ดูแล้วอิน เข้าใจปัญหา แล้วก็จะมารอลุ้นในละครต่อไปเรื่อยๆ ว่า นางเอกจะหลุดออกมาจากตรงนั้นอย่างไร เหมือนคนดูสามารถสื่อสารกับตัวละครได้ แต่ถ้าทำละครที่ไฮโซมากคนส่วนใหญ่อาจจะไม่เข้าถึงนัก ไม่อินว่าทำไมตัวละครต้องเสียเงิน 10-20 ล้าน เพื่อทำอะไรสักอย่าง'



ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมพระเอกที่แสนร้ายกาจ ถึงขนาดข่มขืนผู้หญิงได้

ไม่เคยต้องโทษตามความความผิดที่กระทำ แถมสุดท้ายยังรักกั๊น รักกันกับผู้ถูกข่มขืน ซึ่งก็คือนางเอกเสียอีกนั้น เธอก็ว่า ในมุมหนึ่งก็อาจให้คิดไปแบบนั้นได้ แต่ในอีกมุมก็ต้องดูว่าเขาไม่ได้รักกันทันทีหลังจากที่มีการข่มขืนแล้ว แต่หลังจากเหตุนั้นไปจนกระทั่งอวสานยังมีเนื้อเรื่องให้พัฒนาความรู้สึกและความสัมพันธ์ต่อ

'อย่างจำเลยรักเป็นบทประพันธ์ที่มีมานานแล้ว ในเรื่องมีแค่การจูบกันเฉยๆ ซึ่งถือว่าผิดมากแล้วในสมัยนั้น แต่เมื่อเราทำในสมัยนี้ก็ต้องดึงขึ้น เพื่อให้เห็นว่าพระเอกเป็นคนไม่ดีจริงๆ แล้วคนดูถึงจะอินกับการที่เขาสำนึกผิด'

'มันถึงต้องมีการง้องอนกัน ไม่ใช่รักกันหรือเห็นผลดีในทันที แต่เขาจะต้องรู้สึกผิดก่อน ซึ่งจริงๆ สิ่งที่เราควรจะมองคือถ้าไม่อยากจะรู้สึกผิด ก็ไม่ควรจะทำแบบนี้'


'แต่มันเป็นจุดพีคของเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ของนิยายจะเป็นแบบนี้ แต่เราก็ทำอย่างระมัดระวัง'

ด้าน 'อรุโณชา ภาณุพันธ์' จากบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น ผู้ผลิต ''ลิขิตกามเทพ'' ก็ว่า การที่ละครจะดังหรือไม่นั้นอยู่ที่รสนิยมของคนดู โดยคนดูจะสนใจทั้งเนื้อเรื่อง ตัวละครทุกตัว ภาพที่เห็น และบทที่ถ่ายทอด ซึ่งไม่ปฏิเสธว่าในเรื่องของบทนั้น บทตบ-จูบ และฉากข่มขืนมีส่วนทำให้คนติดตาม 'ลิขิตกามเทพ' อยู่เหมือนกัน


'เป็นอันว่าแม้ปากจะบ่น จะติ จะว่า แต่เราก็ยังคงติดตามกันอย่างเหนียวแน่น'



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์