อั้ม-พิงกี้รอหักธงหมอดูฉุน!ทายผู้ชายสองเพศ

ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับน้องพิงกี้สนุกมั้ย?
 

“(หัวเราะ) สนุกครับ ก็ไปกันหลายคน มีคุณแม่น้อง พี่ชายน้องอีก 2 คน ช่างแต่งหน้า แล้วก็เพื่อน น้องไปด้วย เค้าไปกันเป็นครอบครัวอยู่แล้ว พอดีผมว่างเลยอยากถือโอกาสไปเยี่ยมเพื่อนด้วย”

ได้กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นขึ้น?

“ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก ตั้งใจไปเที่ยว ไม่ได้ไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์ อยู่เมืองไทยร้อนๆ แค่อยากไปเจออะไรหนาวๆ น้องเค้าชอบญี่ปุ่นอยู่แล้วด้วย”
 

ขากลับจากญี่ปุ่นทำไมเดินออกคนละฟากกับพิงกี้ กลัว โดนจับได้เหรอ?

“ไม่ได้หลบเลย คือตอนลงจากเครื่อง ผมเดินมากับน้องก่อน ระหว่างทางมีเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิ มาขอถ่ายภาพคู่ผมกับกี้ ผมก็ยินดีให้ถ่าย แต่เค้ากลับเอารูปมาขายให้ หนังสือประเภทข่าวซุบซิบดาราฉบับนึง ผมเสียใจมากกับสิ่งที่เค้าทำ ผมจำทุกภาพได้ดี วันนั้นพอถ่ายเสร็จกี้ก็เดินไปเอากระเป๋า ผมก็เดินตามไป แต่ไม่ได้หลบเลย เพราะถ้าหลบ ผม คงไม่ถ่ายภาพคู่เพื่อประโยชน์ของคนคนนั้นหรอก”

รู้สึกยังไงที่หมอดูทักรักของ “อั้ม-พิงกี้” ไปไม่รอด?
 

“เรื่องดวงชะตาชีวิตนะครับ เรากำหนดเองได้ เพราะเกิดมาพร้อมกับเรา ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำมากกว่า สำคัญที่สุด ถ้าทุกวันเราทำดี ทุกอย่างก็จะดี อีกอย่างผมไม่เคยขอให้หมอดูมาดูดวงของผม ผมเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร”

ไม่ห่วงว่าจะรักกันไม่ยืดเหรอ?

 “ผมว่าคนเราจะรู้จักนาน หรือไม่นาน ยืดหรือไม่ยืด มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคลที่สาม โดยเฉพาะหมอดู อยู่ที่ การกระทำของเรามากกว่า น้องเค้าก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้ เพราะเราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย มันไร้สาระเกินไป”
 

เค้าว่าอั้มเป็นผู้ชายสองเพศ?

“(หัวเราะ) ตอนอ่านยังตกใจเลย อยากถามคำนึงว่าทำไมรู้จักผมดีกว่าตัวผมเองล่ะ ผมเคลียร์เรื่องนี้จบไปตั้งนานแล้ว ดวงชะตามันเป็นเรื่องของตัวเรานะ เรามีสิทธิ์รับรู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมายัดเยียดให้ แล้วผมรู้จักตัวผมดีพอ ไม่ต้องมาบอกหรอก อีกอย่างเวลาหมอดูทายอะไรไป เวลาไม่มีเกิดขึ้นอย่างที่เขาทาย ไม่เห็นจะออกมารับผิดชอบเลย มีแต่ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น”

ท่าทางอั้มจะเซ็งข่าวน่าดู?

“ผมไม่เซ็งหรอก ถ้าถามผมแล้วเชื่อในสิ่งที่ผมบอก แต่ถ้าถามแล้วยังจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด ก็อย่าถามผมดีกว่า ผมคิดว่าผมไม่เคยตัดสินใคร ผมก็อยากให้คนเคารพในสิ่งที่ผมคิดเหมือนกัน”
 

เรื่องอื่นอาจข้อมูลพลาด แต่เรื่องอั้มเป็น “พ่อบุญทุ่ม” ไม่พลาดแน่?
 

“(เขิน) ไปเอามาจากไหน? คืออย่างที่บอกว่าผมโชคดีที่มีโอกาสรู้จักครอบครัวน้อง ทุกคนเอ็นดูผมเหมือนลูกหลาน อบอุ่นมาก การได้รู้จักน้องเค้าทำให้ ผมมีแรง มีพลังทำอะไรหลายๆอย่าง ผมไม่รู้ว่าชีวิตเราจะจบลงเมื่อไหร่ แต่ทุกวันผมทำดีที่สุดกับคนที่ดีที่สุดของผม ถ้าพรุ่งนี้เป็นอะไรไป ผมก็จะไม่เสียใจอีก”
 

แต่คนนี้ “เต็มที่” กว่าทุกคนนะ?
 

“ก็เต็มที่ทุกอย่างครับ รู้สึกว่าทำแล้วผมมีความสุข ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอะไร แค่รู้ว่าเค้ามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ มันก็ทำให้เรามีความสุข แค่นั้นก็พอแล้ว ถามว่าเยอะมั้ย ผมไม่รู้ เพราะไม่ได้ใช้อะไรวัด”
 

พิงกี้เค้าดูแลอั้มดีเหมือนที่เราดูแลหรือเปล่า?
 

“ก็เป็นเหมือนกันครับ มีอะไรก็แลกเปลี่ยนกัน เพราะเรารู้สึกดีๆต่อกัน”

มาส่งข้าวที่กองถ่าย “จำเลยรัก” บ้างมั้ยล่ะ?

 “(หัวเราะ) ไม่มาหรอกครับ เพราะเค้างานเยอะ”
 

ตกลงเป็นแฟนกันหรือยัง?
 

“(เขินลูกเดียว) ไม่มีคำตอบครับ ต้องให้เกียรติผู้หญิงและทางบ้านเค้าด้วย”
 

แต่ก็รู้สึกได้ว่า “เปิดเผย” มากขึ้น?
 

“เปิดเผยมั้ย? ผมไม่ได้เปิดเผยมากนะ ผมรักความส่วนตัวมาก น้องก็เหมือนกัน แต่บางทีเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางส่วนที่รู้ได้ก็รู้ไป แต่บางส่วนผมอยากเก็บไว้เป็นเรื่องราวส่วนตัว รู้กันแค่เรา บางคนก็มองว่านี่เป็นการสร้างกระแสกลบข่าวเกย์หรือเปล่า พิงกี้ทำเพื่อให้เกิดกระแสความดังหรือเปล่า ผมเคยบอกหลายครั้งเราสองคนเป็นนักแสดง เราทำในสิ่งที่เรารัก ไม่ใช่ทำเพราะอยากจะเป็นดารา หรือต้องการอะไร อยากให้คนเลิกมองแบบนั้น”

อึดอัดกับการถูกจับตามอง?

“สำหรับผมไม่อึดอัด เพราะผมรู้ว่าเราอยู่ในที่สาธารณะ แต่อย่างนึงที่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราไม่ชอบเห็นคนมีความรู้สึกดีๆต่อกัน แบ่งปันในสิ่งที่ดีอีกแล้วเหรอ ทำไมต้องตั้งประเด็นต่างๆในทางไม่ดี ทำไมต้องทำให้ดูแย่ นี่คือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ”

ที่ไม่พูดคำว่า “แฟน” เพราะกลัวความผิดหวังรึเปล่า?
 

“ไม่ได้กลัว แต่ผมยังไม่มีคำตอบอะไรตอนนี้ ผมรู้เท่าที่ผมรู้ ทำได้เท่าที่ทำ อนาคตยังบอกไม่ได้ แค่ผมเต็มที่ในทุกวัน อย่างอื่นมันนอกเหนือการควบคุม ไม่สามารถจะคาดหวังอะไรได้”

แสดงว่าไม่คาดหวัง?

“ผมไม่ได้คาดหวัง เพราะทุกอย่างที่ทำ ผมไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน เราก็เต็มที่ทุกวัน อาจจะได้รับ อะไร หรือไม่ได้รับอะไร ก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบภายหลัง เพราะทำดีที่สุดอยู่แล้ว โอเครู้จักน้องมาหลายเดือน แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา ผมเชื่อว่าความรู้สึกที่ดีจะมาพร้อม ความมั่นคง”
 

เคยนั่งคุยถึงความสัมพันธ์มั้ย?
 

“โห! คำถามที่ตอบยากมาก เปลี่ยนคำถามได้มั้ยครับ” ไม่ได้จ้ะ!! “ก็ไม่เคยคุยกันเลยครับ ไม่เคยถามเลยจริงๆนะ” ไม่เคยถามเลยเหรอว่าชอบอั้มตรงไหน? “คำถามนี้ไม่เคยออกจากปากผมเลยครับ (หัวเราะ) ถ้าจะชอบก็ชอบที่ตัวเรา หรือเราชอบเค้าเพราะเค้าเป็นตัวเค้าเอง”
 

พิงกี้น่ารักกับอั้มยังไงบ้าง?
 

“(เขินสุดขีด).....ก็ด้วยความที่ผมเป็นผู้ชาย เราโตกว่า เราผ่านสิ่งผิดพลาดมาเยอะกว่า เมื่อวันนึง เราทำอะไรก็ไม่อยากผิดพลาดอีก เอ๊ะ! เมื่อกี้ถามว่าอะไรนะครับ งง!” เอ้า! ยังไงล่ะเนี่ย

ถามว่าพิงกี้ น่ารักกับอั้มยังไงบ้าง?

“ก็ทุกอย่างที่เค้าเป็นแหละครับ ผมก็ตอบไม่ได้ว่าแบบไหนบ้าง”
 
สเปกเลยซี่?

“บอกไปเดี๋ยวจะหวานมากไปรึเปล่า บอกไม่ได้หรอกครับว่าสเปกแบบไหน ไม่ได้มีข้อแม้แบบไหนเลย แต่การที่เราอยู่ใกล้ ใครถ้ามีความสุข มันก็ไม่มีข้อแม้อย่างอื่นหรอกครับ ทุกวันนี้ผมมีความสุขแล้ว”

“จะไปหึงเค้าทำไม (หัวเราะเขินอีกแล้ว) ผมรู้น้องเค้าเป็นคนสวย เป็นคนมีเสน่ห์ ผมไม่ได้หวงหรอก แต่เป็นห่วงเค้ามากกว่า โดยเฉพาะเรื่องข่าว เพราะเค้าตกเป็นข่าวกับผมเยอะ ตัวผมเองน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ช่วง หลังผมออกมาพูดบ่อย เพราะต้องการเคลียร์ให้ชัดเจน”
 

จะช่วยกันหักธงหมอดูมั้ยล่ะ?
 

“ผมว่าคงมีคนหลายคนช่วยกันหักแล้วล่ะครับ ผมคงไม่ได้จะหักธงใคร เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า แต่ผมบอกเลยว่าชะตาชีวิตคนเราอาจจะมีคนอื่นล่วงรู้ได้บ้าง แต่คงไม่หมดทุกอย่างหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น แล้วคนเราจะดีจะเลวได้ขึ้นอยู่กับตัวเอง ขึ้นอยู่กับการกระทำของผม อย่ามายุ่งกับผมเลย ถ้าวันไหนผมทำเลว คุณจะเหยียบจะข้ามจะซ้ำยังไงผมไม่ว่า แต่วันไหนที่มันยังดีอยู่ ก็อย่าดึงให้มันเลวลงละกัน อย่าดึงให้มันแย่ แค่นี้แหละที่อยากขอครับ”

...หลังจากนั้น อั้มรีบพุ่งตัวไป “ดินเนอร์” กับน้องพิงกี้ต่อทันที โปรดติดตามให้ดีว่าคู่นี้จะ “หักธง..หมอดู” ได้ สำเร็จหรือไม่?