เอ๊ะ-อิศริยา ครองตัวดีไร้ข่าวฉาว

ปีใหม่ปีนี้ ขอเปิดประเดิม “ดาวต่างมุม” ด้วยดาราน้ำดี เอ๊ะ-อิศริยา สายสนั่น

นางเอกละคร “ปี่แก้วนางหงส์” ที่มีดีกรีเป็น  นักศึกษาปริญญาโท คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์ อยู่ตอนนี้ ปีที่ผ่านมามีสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตเธอมากมาย เรียกได้ว่าโชคดีทั้งเรื่องการงานและการเรียน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังหาไม่เจอสักที นั่นก็คือ “ความรัก” นั่นเอง ลองมาพูดคุยกะเทาะเปลือกความคิดดี ๆ ของผู้หญิงคนนี้กันดีกว่า 



ชีวิตในช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?
 
- ก็ดีค่ะ ก็แฮปปี้ มีงานดีให้ทำ มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาเยอะ เรื่องเรียนก็โอเค เพิ่งเรียนปริญญาโทปีแรก มันมีสังคมใหม่ ๆ เยอะมาก ก็แฮปปี้กับชีวิตมาก ๆ ถือว่าเป็นช่วงที่ดี เพราะว่าเบญจเพสด้วย เรื่องงานก็มีความสุขได้เล่นละครบทดี ๆ ได้ทำรายการ “ผู้หญิงถึงผู้หญิง” ช่วงที่เป็นกฎหมายอย่างที่เราเรียนมาด้วย ก็ชอบมาก ๆ แล้วเนื้อหาที่เรานำมาพูดในแต่ละวัน เราก็ต้องเป็นคนหาเอง รู้สึกว่างานในวงการที่มันเกี่ยวกับกฎหมาย มันไม่ได้มีให้ทำง่าย ๆ แต่เราได้ทำเราก็เลยรู้สึกว่าเรามีโอกาสที่ดี


มีคนมาปรึกษาเรื่องกฎหมายบ้างไหม?

 
- เยอะมากเลยค่ะ แต่บางทีก็ต้องบอกตรง ๆ ว่า เราไม่สามารถตอบบางคำถามได้ในเวลานั้น เพราะว่ากฎหมายมาตรามันเยอะ บางทีเราจำไม่ได้ แต่ก็จะบอกว่าเดี๋ยวเราไปหาข้อมูลมาให้ แล้วจะมาตอบทีหลัง  การที่เราไปหาข้อมูลมามันก็เป็นประโยชน์กับเรา ตอบไปเขาก็ได้ประโยชน์ ส่วนใหญ่คนจะปรึกษากฎหมายครอบครัว ผัวเมีย มันเป็นกฎหมายที่เกิดขึ้นได้จริงในชีวิตทั่ว ๆ ไป แต่มันก็มีกฎหมายอื่นอีกนะคะ เช่น ยืมเงิน กู้เงิน ทรัพย์สิน ที่ดิน



ทำไมไม่มุ่งงานด้านกฎหมายเลยล่ะ?
 
- อยากทำนะ แต่ว่าเราก็ยังมีความสุขอยู่กับอาชีพนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเอ๊ะอยู่ในวงการนี้มา 10 ปีแล้ว มีคน ๆ หนึ่งเคยพูดว่า ใครก็ตามที่อยู่หรือทำอะไรได้เกิน 10 ปีขึ้นไปคนนั้นแหละเขาเรียกว่าอมตะ เราก็เลยมานั่งคิดถึงตัวเอง แต่เอ๊ะไม่ได้เรียกว่า “อมตะ” หรอก เพราะว่า 10 ปีของเอ๊ะมันยังน้อยไป แต่รู้สึกว่าเราก้าวผ่านคำว่าอาชีพเสริม ตอนนี้มันเป็นอาชีพหลักของเราไปแล้ว ก็รู้สึกดีใจว่ายังมีงานดี ๆ ให้เราทำ ก็เลยเลือกเรียนโทวารสารฯ คู่กันไป ถึงแม้เอ๊ะจะไม่ได้ทำเกี่ยวกับวารสาร แต่รู้สึกว่าชีวิตและมุมมองของเอ๊ะเปลี่ยนไปมาก อย่างการสื่อสารไม่ใช่ว่ามันจะต้องทำอาชีพนักสื่อสารมวลชน ทุกวันนี้เราใช้การสื่อสารในการพูด บางทีความหมายเดียวกันแต่พูดออกมาให้ความรู้สึกต่างกันมาก เพราะว่าเขาใช้การสื่อสารไม่เป็น มันก็ช่วยให้เอ๊ะสื่อสารได้ดีขึ้น


ทำงานในวงการมามุมมองความคิดเป็นอย่างไร?

 
- เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จริง ๆ แล้วเอ๊ะเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก เพราะเอ๊ะเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 15 เพราะฉะนั้นเราต้องรับผิดชอบตั้งแต่อายุ 15 มากกว่าคนอื่น แต่บางมุมก็ยังไม่โตมาก ในอาชีพการงานเราอาจจะดูโต แต่พอเรากลับบ้านเราก็ยังเป็นเด็กเป็นลูกของแม่อยู่



ตอนเด็ก ๆ ถูกเลี้ยงดูมายังไง?
 
- ตอนเด็ก ๆ แม่จะตีกรอบแคบติดตัวเรา แต่พอเราพิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่ได้เกเรนะ แม่ก็จะเชื่อใจ ทุกวันนี้แม่ให้อิสระเอ๊ะมาก เพียงแต่บางเรื่อง อย่างเรื่องการเรียน แม่จะขอว่าให้ลูกเรียนสูงที่สุดเท่าที่ลูกจะทำได้ ของเอ๊ะแม่จะขอว่าถ้าเรียนเอกได้แม่ก็ขอให้เรียน ซึ่งเป็นไม่กี่สิ่งที่แม่จะขอ เราก็อยากที่จะทำให้ได้ แต่บางเรื่องที่แม่คนอื่นกีดกัน แต่แม่เอ๊ะจะปล่อย บางคนมองว่าแม่เอ๊ะประหลาด เชื่อไหมสมัยเด็ก ๆ แม่เคยพาเข้าเธคตอนอายุ 14 ตอนนั้นเขายังไม่ตรวจบัตร ทุกคนบอกว่าพาลูกเข้าไปได้ยังไง แต่แม่พาไปเพื่อให้เห็นว่าไม่ควรทำตัวแบบนี้ เอ๊ะเห็นผู้ชายเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงในผู้หญิง เราก็ตกใจ คิดว่ามันน่ากลัว เราเห็นแล้ว เราจะไม่ชอบด้วยตัวเราเอง เอ๊ะว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่แม่เอ๊ะสอนแบบนี้ ทำให้เรารู้สึกได้ว่า มันเป็นสิ่งไม่ดี ทำให้เราไม่อยากที่จะลอง


แล้วตั้งเป้าจะเรียนปริญญาเอกแบบที่แม่หวังไหม?

 
- เอ๊ะจำได้ว่าพอจบตรีแล้ว คิดว่าจะไม่เรียนต่อ เพราะเหนื่อยมาก ทั้งเรียนทั้งทำงาน แต่พอจบตรีก็รู้แล้วว่าฉันพักได้ไม่นานหรอก เพราะว่าถ้าไม่ได้เรียนหัวสมองจะไม่แล่น เอ๊ะต้องเรียนตลอดเวลา ก็เลยมาเรียนโท ตอนนี้ก็เหนื่อยมาก แต่คิดว่าถ้าเรียนโทจบ เดี๋ยวมันก็ต้องเปลี่ยนความคิด มันก็ต้องเรียนต่อไปสูง ๆ ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องจบเอกก่อน 30 ซึ่งอันนั้นมันก็โหดเกินที่เราจะทำได้ แต่แม่ก็คือขอให้เรียนถึงแม้ว่าจบโทแล้วจะไม่ได้เรียนเอกต่อ อาจจะไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม เรียนทำกับข้าว เรียนอะไรก็ได้ขอให้เรียน



แล้วการเรียนปริญญาโทเป็นอย่างไรบ้าง?
 
- ที่ผ่านมาเรียนนิติศาสตร์ มันจะหนักไม่เหมือนกัน มันจะเหนื่อยเฮือกเดียว ไม่มีสอบมิดเทอม สอบทีเดียว 100 คะแนนเลย ตกไม่ตกรู้กันปลายภาค แต่เรียนวารสารฯ มันจะเก็บคะแนนเยอะ ต้องทำรายงาน มันจุกจิก แรก ๆ ก็ปรับตัวไม่ได้ เพราะเราไม่ค่อยได้เข้าห้องสมุด แต่โชคดีที่ได้เพื่อนน่ารักมาก


10 ปีในวงการให้อะไรกับเราบ้าง?

 
- เยอะมาก เอ๊ะโชคดีที่ไม่ค่อยมีข่าวไม่ดี ก็เลยไม่กลัวว่าคนจะมองไปตามข่าว เราก็ใช้ชีวิตเรียบ ๆ ของเรา ได้เจอคนดี ๆ ถือว่าเป็นกำไรที่ได้ทำงานหลายที่ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีค่ะ วงการนี้ให้อะไรดี ๆ กับเอ๊ะทั้งนั้น ไม่เคยมองว่าวงการเป็นสิ่งไม่ดี แล้วก็ไม่คิดด้วย จะบอกว่าวงการนี้ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ใช่ แต่เราโชคดีที่เจอสิ่งที่ดี เราก็เลยไม่มีภาพสิ่งที่ไม่ดี



วางตัวยังไงให้ไม่มีข่าวฉาว?
 
- เอ๊ะใช้ชีวิตปกติเลยนะ ด้วยธรรมชาติของเอ๊ะเป็นคนที่ใช้ชีวิตทำงานกลับบ้านมีสังคมบ้าง แต่ไม่ได้เยอะเกินไป ฉะนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรที่จะทำให้เราไขว้เขว อย่างเรื่องแฟนก็ไม่ได้ปิด แต่มันไม่มีจริง ๆ ก็เลยใช้ชีวิตปกติทั่วไปเพียงแต่เราต้องปรับนิดหนึ่งเรื่องคำพูด บางทีตอนที่เรายังเด็กเราพูดอะไรก็ติดเล่น พอเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือมันก็จะดูเหมือนเป็นเรื่องจริง เขาไม่รู้อารมณ์ว่าเราพูดเล่น ก็ต้องปรับให้ดูนิ่งขึ้น อย่ากระโดกกระเดกเกินไป


ที่ไม่มีแฟนเป็นเพราะอะไร?

  
 - จริง ๆ แล้วผู้หญิงทุกคนมันก็ต้องมีนะ ถ้าไม่มีใครมาจีบเลยก็ประหลาดนะ แต่ว่าบ้านเอ๊ะสอนมาว่า ถ้าเราจะมีแฟนก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน เอ๊ะค่อนข้างจะเลือก ขนาดเรื่องงานยังเลือกเลย มันก็ไม่ผิดที่จะเลือกแฟน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ เอ๊ะไม่ชอบที่จะลองคบกันก่อน ถ้าไม่ดีแล้วค่อยเลิก รู้สึกว่าคนที่เสียคือผู้หญิง เพราะฉะนั้นถ้าเราจะคบใครเป็นแฟนเราต้องคิดดูดี ๆ คนมาจีบมันก็มีเข้ามาบ้าง แต่ไม่เยอะ เราเองก็ไม่อยากที่จะคบ ไม่รู้ว่าทำไม แต่รู้สึกว่าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว



ผู้ชายแบบไหนที่เอ๊ะชอบ?
 
- ชอบคนที่มีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่ อายุไม่ต้องมากก็ได้ แต่ว่าต้องมีความเป็นผู้นำเหมือนพระเอกในนิยาย แต่มันก็ไม่มีไง ก็เลยรออยู่ทุกวันนี้ เอ๊ะชอบอยู่กับคุณแม่ เพราะท่านเป็นผู้นำเอ๊ะได้ คอยชี้ให้ว่าเอ๊ะต้องทำอะไร เอ๊ะชอบเป็นช้างเท้าหลัง ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงสมัยใหม่สักเท่าไรที่จะต้องเท่าเทียมกัน ผู้หญิงมันน่าจะมีความอ่อนโยน และมีคนคอยชี้นำในสิ่งที่ดี ๆ แต่คนที่จะชี้นำได้ต้องมีความมั่นคง เหมือนอย่างที่เอ๊ะทำตามแม่ เพราะแม่หวังดีและมั่นคงกับเอ๊ะ เพราะถ้าเอ๊ะมีแฟนอยากได้คาแรกเตอร์ที่แบบคอยแนะนำเราได้ แต่ไม่ค่อยเจอหรอกค่ะ ถึงต้องอยู่จนทุกวันนี้ ไม่กลัวขึ้นคาน ถึงแม้ว่าอายุเราจะมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าไม่มีเราก็อยู่ได้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ดีกว่ามีแล้วไม่ดี ก็ไม่มีดีกว่า


มาเรื่องละครบ้าง พักหลัง ๆ ได้บทหลากหลาย?

  
- คือรู้สึกว่าตัวเองโชคดีนะคะ ตั้งแต่เรื่อง “นางบาป” ตอนแรกก็จะร้าย ตอนหลังน่าสงสาร พอมา “กิ่งกาหลง” ก็จะมีพัฒนาการตั้งแต่เด็กจนแก่ “กลิ่นแก้วกลางใจ” ก็จะร้ายตอนหลังก็น่าสงสาร พอมา “ปี่แก้วนางหงส์” ก็เป็นคนเรียบร้อย แต่พอมาเป็นผีก็จะร้าย แล้วเรื่องใหม่ก็จะเล่นเป็นสองคาแรกเตอร์ เอ๊ะชอบที่ได้เล่นอะไรหลากหลายในเรื่องเดียวกัน มันเหมือนเป็นการพัฒนา ทุกวันนี้เรายังมีข้อบกพร่องเยอะ ถ้าเราได้บทที่ดี เราจะได้พัฒนาไปทุก ๆ แนว



หลัง ๆ นี้เล่นร้ายกลัวคนจะติดภาพไหม?
 
- บางทีคนจะติดภาพที่เราเป็นคนเรียบร้อยมากเกินไป ตรงนี้ต้องขอบคุณช่อง 3 พี่สมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย) เป็นคนเลือกให้เอ๊ะ เขาบอกว่าเอ๊ะลองเล่นนะ เอ๊ะเคยเล่นให้คนสงสารได้ เอ๊ะก็ต้องเล่นให้คนเกลียดได้ เคยได้ยินไหมคะ ที่คนชอบวิจารณ์ว่า พยายามร้าย พยายามเปรี้ยว เราก็รู้สึกว่าถ้าฉันเล่นแล้วโดนว่าอย่างนั้นบ้างล่ะ ซึ่งมันไม่ใช่ทางถนัดเรา พี่สมรักษ์ก็บอกว่าไม่เป็นไร ลองทำดูพี่เชื่อว่าเอ๊ะทำได้ เราก็เลยโอเค ตอนเล่นก็กลัวนะว่าคนจะรับได้ไหม แต่มันก็เป็นละครนะ เราต้องทำให้ได้  เราเป็นนักแสดง เราก็อยากให้คนเห็นเราหลาย ๆ มุม คิดว่าเดี๋ยวนี้คนก็น่าจะแยกแยะได้


งานบันเทิงอะไรเป็นสิ่งที่ยากที่สุด?

  
- ยากพอ ๆ กัน ละครยาก ถ้าบทมันหนัก พิธีกรยากถ้าได้เพื่อนร่วมงานไม่ช่วยกัน มันก็ยากง่ายเหมือน ๆ กัน อยู่ที่ว่าเราตั้งใจและเราถนัดงานนั้นหรือเปล่า ที่ชอบและรักมากที่สุดคงเป็นงานละคร เพราะว่ามีความสุขทุกครั้ง เอ๊ะอยู่วงการนี้มาเป็น 10 ปี แต่ทุกครั้งที่ละครออกอากาศจะนั่งรออยู่หน้าทีวี เคยเป็นอย่างนี้มา และคิดว่านาน ๆ ไป เราคงไม่เป็นอย่างนี้ แต่ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่เลย เรามีความรู้สึกว่ามันเป็นงานที่เราชอบ เราเหนื่อยกับมัน เพราะฉะนั้นเวลาที่มันออกมาเราก็ภูมิใจ ยิ่งถ้ามีคนดูเยอะ ๆ

10 ปีที่ผ่านมาอยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ บ้างไหม?
  
- ก็ต้องขอบคุณค่ะ เพราะว่า 10 ปีในวงการบันเทิงนี้ มันประกอบกันด้วยหลายอย่างทั้งผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลือ ทั้งแฟนละคร ทั้งเพื่อนร่วมงานที่ทำให้เอ๊ะสามารถยืนอยู่ได้ทุกวันนี้ ก็ขอบคุณทุกเสียง ถึงแม้ว่าบางเสียงอาจจะติหรือชมก็ตาม อย่างน้อยเอ๊ะก็คิดว่าเขาสนใจเรา ก็ขอบคุณและอยากจะฝากให้ติดตามผลงานเรื่อย ๆ ค่ะ อยากให้ติดตาม “ปี่แก้วนางหงส์” เพราะทุกคนเต็มที่แล้วเอ๊ะก็ได้เล่นในหลาย ๆบทบาทที่เอ๊ะสนุก และรู้สึกมีความสุขกับมันมาก ๆ ก็ติชมได้เจอหน้าก็ทักทายได้ค่ะ
   
10 ปีที่ผ่านมาทำให้ชื่อของ เอ๊ะ-อิศริยา เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของแฟนละคร แม้จะไม่เซ็กซี่หวือหวา แต่เธอก็พิสูจน์แล้วว่าดังแบบ    “น้ำดี” เป็นอย่างนี้นี่เอง “ยืดยาวและคงทน”.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์