น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!

ภาพการทรงงานหนักเสด็จพระราชดำเนินยังท้องถิ่นทุรกันดารทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ยังติดตรึงอยู่ในใจพสกนิกรชาวไทย ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ยากเข้าถึงเช่น "ชาวเขา" ต่างได้ชีวิตใหม่ พระองค์ทรงพลิกพื้นดินจากการทำไร่เลื่อนลอยให้เป็นที่ทำกินเลี้ยงครอบครัวเฉกเช่นปัจจุบัน

 

เช่นเดียวกับครอบครัวของ ริชชี่- อรเณศ ดีคาบาเลส นางเอกสาววัย 22 ปีแห่งช่องวิกน้อยสี แน่นอนไม่มีใครทราบเลยว่า เธอมีเชื้อสาย "ลาหู่" กระทั่งทาง จ.เชียงใหม่ ได้เชิญครอบครัวของเธอมาร่วมถวายสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ ศาลากลางเชียงใหม่ โดย ทางจังหวัดจะคัดเลือกเฉพาะชาวเขาที่เคยได้ถวายงานพระองค์เท่านั้น นั่นก็คือครอบครัวของเธอ ที่เคยถวายงานรับใช้ในหลวง ร. ๙ อย่างใกล้ชิด หลายคนถึงกับเซอร์ไพรส์!


น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!

"ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าริชชี่มีเชื้อสายลาหู่ เราไม่เคยปิดบัง เพราะริชชี่คิดว่าตัวเองเป็นคนไทย สัญชาติไทย เลยไม่ได้ลงลึกรายละเอียด ริชชี่ภาคภูมิใจในเชื้อสายตนเอง ชนเผ่าลาหู่อพยพทางจากทิเบตตอนใต้ เข้าตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทยในแถบภาคเหนือกว่า 120 ปีแล้ว คุณทวด หรือปู่หมื่น ได้อพยพมาอยู่ประเทศไทย โดยเผ่าลาหู่จะอยู่กันตามบริเวณภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน


คุณแม่ริชชี่เป็นคน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ใช้ชีวิตแบบชาวเขาทั่วไปบนดอยปู่หมื่น ปู่หมื่นเป็นคุณทวดของคุณแม่ เป็นผู้นำบนดอย หมู่บ้านเราจึงชื่อว่า "ดอยปู่หมื่น" จากนั้น "คุณตาจะฟะ" จึงสืบสานต่อการเป็นผู้นำดอยปู่หมื่นนับแต่นั้นมา



แต่สำหรับตัวริชชี่เองเกิดในตัวเมืองเชียงใหม่ เรียนที่เชียงใหม่ แต่ตอนเด็กช่วงปิดเทอมคุณแม่จะพาขึ้นดอย พาไปเรียนรู้การปลูกชา เก็บชา เพราะคุณแม่กับพี่น้องทุกคนทำงานเกี่ยวกับไร่ชาตามพระราชดำริของพ่อหลวง


น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!

จำได้เลยว่า เมื่อ 20 ปีก่อนทางขึ้นดอยลำบากมาก ดินสีแดง ถนนขรุขระ ทุรกันดาร เวลาจะขึ้นไปต้องใช้รถโฟร์วีลต้องมีโซ่ล็อกล้อกันล้อหลุด เพราะดินโคลนเละเทะ" ริชชี่ เล่าย้อนภาพจำวัยเด็กถึงเส้นทางสุดโหดทางขึ้นดอยปู่หมื่น


ในหลวง ร. ๙ เสด็จฯ มาที่ดอยปู่หมื่นครั้งแรก เมื่อปี 2513 พระราชทานแกะ ไก่ แพะ ให้คุณตาจะฟะ ซึ่งเป็นคุณตาของริชชี่ เพื่อแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ทรงสอนให้รู้จักเลี้ยงสัตว์ เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ครั้นพระองค์ทรงทราบว่าชาวบ้านดอยปู่หมื่นทำไร่เลื่อนลอยกันเยอะ และมีการปลูกฝิ่น ซึ่งผิดกฎหมาย พระองค์ทรงเสด็จฯ กลับมาอีกครั้งในปี 2515เพื่อพระราชทานชา "พันธุ์อัสสัม" ต้นแรกให้กับคุณตาจะฟะ เพื่อส่งต่อให้ชาวบ้านปลูก และผลไม้เมืองหนาว ทดแทนการปลูกฝิ่น" ริชชี่กล่าวอย่างภาคภูมิใจในตระกูลของเธอที่ได้ถวายงานรับใช้ในหลวง ร.๙ อย่างใกล้ชิด


น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!

นอกจากนี้ คุณแม่ของเธอยังเล่าด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ท่านจะเสด็จคู่กันตลอด เป็นคู่บุญบารมี จะเห็นในภาพที่ออกสื่อคุณแม่ริชชี่รับเสด็จฯ ตอนนั้นคุณแม่ทูลถวายงานกับพระองค์ท่าน เมื่อพระราชินีทรงทอดพระเนตรเห็น ทรงตรัสว่า "อ้าว นั่นลูกสาวของจะฟะนี่" จากนั้นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาที่คุณแม่เป็นภาพประทับใจซาบซึ้งของครอบครัวมาก



คุณแม่เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง ริชชี่รู้สึกภูมิใจมากที่ได้ใกล้ชิดท่านขนาดนี้ ซาบซึ้งมาตลอดที่ครอบครัวเรามีโอกาสได้ถวายงานรับใช้ท่าน เราเห็นสิ่งที่ครอบครัวเราทำยิ่งรู้ประวัติความเป็นมาในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านต่อครอบครัว เรายิ่งรู้สึกตื้นตันสุดภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิต"


น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!

ตั้งเป้า! สานต่อโครงการพระราชดำริ

"ริชชี่กลับมาเชียงใหม่ ก่อนหน้าวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ได้ทราบข่าวการประชวรหนักของท่าน ครอบครัวเราเป็นคริสเตียนก็พยายามอธิษฐาน ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพระองค์ท่าน ขอให้เหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น ไม่เชื่อข่าวลือที่ออกมาช่วงนั้น ถ้าทางการยังไม่แถลง สุดท้ายแถลงการณ์ออกมาว่า ท่านเสด็จสวรรคต วินาทีนั้นครอบครัวเราสุดเสียใจเศร้ามาก เพราะครอบครัวเรา ได้ถวายงานท่านอย่างใกล้ชิด ทุกคนร้องไห้ จิตใจย่ำแย่มาก ทำอะไรไม่ถูก เพราะท่านเหมือนเป็นเครื่องนำทางชีวิตเรา ไม่ว่าเราจะท้อแท้ เรามีท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในการเดินหน้าต่อไป แต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้ว เราคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง ไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดขึ้น

 

แต่คุณแม่ก็คอยบอกว่า ท่านยังอยู่ในจิตใจเราเสมอ การที่ท่านไม่อยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ท่านทำคุณงามควาดมี หรือตรัสกับเราไว้ จะหายไปนะ เราต้องเดินหน้าทำงานตรงนี้ต่อไปเหมือนที่เราทำมาตลอด ทำให้เรามีพลังมากขึ้น จากที่ตอนแรกเราเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แผนอนาคตเรายังไม่ชัด แต่วันนั้นเรานึกขึ้นได้เลยว่า สิ่งที่ครอบครัวเราทำมามันยิ่งใหญ่มากเลย เราภูมิใจ เป็นเกียรติ ทำให้ภาพอนาคตชัดขึ้นเลยว่าเราจะทำอะไรต่อไป


น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!

วันนั้นที่ทางจังหวัดเชิญครอบครัวเราไปถวายความอาลัยที่ศาลากลางเชียงใหม่ ที่ริชชี่ใส่ชุดเผ่าลาหู่ คือเราบอกกับคุณแม่ว่า อยากไปด้วย เพราะเราเป็นรุ่นต่อไป อยากช่วยงานตรงนี้ของครอบครัวต่อ นี่แหละเป้าหมายอนาคต มั่นใจแล้วว่าอยากสืบสานงานของครอบครัวทำให้สิ่งที่พ่อหลวงสร้างพัฒนามาให้



ถ้าเราจะสามารถเป็นสื่อให้กับชาวเขา หรือชาวเผ่า ทุกคนให้มีกำลังใจ รู้สึกภูมิใจได้ว่า พ่อหลวงรักพวกเราขนาดไหน ตัวริชชี่เองยังภูมิใจเลยว่า ครอบครัวเราได้เคยถวายงานรับใช้ท่าน

 

อยากให้ชาวเขาทุกคนรู้ว่า ความรักของพ่อที่มีให้เรามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ถนนหนทางไกล ทุรกันดารขนาดไหน ทุกคนก็เห็นว่า ท่านเสด็จฯ ทรงงานหนัก ท่านเสด็จไปทุกที่ ขนาดถนนหนทางตอนนี้คิดว่าดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังลำบากอยู่ แล้วตอนนั้นล่ะ ทางลำบากกว่านี้อีกหลายเท่า ดูสิ พ่อหลวงรักเรามากขนาดนี้ อยากให้ทุกคนมีกำลังใจทำสิ่งที่พ่อสร้างไว้ต่อไป ริชชี่จึงอยากไปถวายสักการะในวันนั้น อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคน"

 


น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!


น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!


น้อยคนนักจะรู้! “นางเอกสาว” เลือดเผ่าลาหู่...ทั้งตระกูล ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด “พ่อหลวง” นับเป็นบุญของชีวิต!

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : u554892063
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 103.58.148.23

103.58.148.23,,host23.148.thvps.com ความคิดเห็นที่ 1 [อ้างอิง]
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล


[ วันพุธ ที่ 15 มีนาคม 2566 เวลา 08:58 น. ]
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์