นก-ฉัตรชัยไม่สน โดนกุข่าวเป็นเกย์ ระบุบ้านยังไม่แตก

หลัง “ไก่-วรายุฑ มิลินทจินดา”

ผู้จัดละครชื่อดังทางช่อง 3 เกิดอาการอุณหภูมิความโกรธถึงจุดเดือด บุกลุยสำนักงานหนังสือพิมพ์บันเทิง “มายาชาแนล” เปิดฉากเฉ่งหนังสือพิมพ์ดังกล่าวที่กล่าวหาว่าไก่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัว “นก-ฉัตรชัย และนก-สินจัย” แตกร้าว จนถึงขนาดนก-ฉัตรชัย หอบผ้าผ่อนมาอยู่ที่บ้านไก่ เป็นเวลาถึง 2 ปี ซึ่งอาการปรี๊ดแตกของไก่ได้กลายเป็นเรื่อง “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” ทำให้ชาวบ้านร้านช่องจ้องเม้าท์ถึงเรื่องนี้กันตลอดทั้งวันที่ 21 ธ.ค.นั้น 

ต่อมาเมื่อเย็นวันที่ 21 ธ.ค.

ผู้สื่อข่าวได้ติดตามสัมภาษณ์นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช พระเอกละครรุ่นเดอะ ที่ตกเป็นประเด็น “คู่ขา” ไก่-วรายุฑ และโดนหนังสือมายาชาแนล ระบุว่า นก-ฉัตรชัย ได้หอบเสื้อผ้าไปอยู่ กับเจ๊ไก่มา 2 ปีแล้ว ขณะนก-ฉัตรชัย เดินทางไปชมการแข่งขัน “รักบี้ฟุตบอลประเพณี” ระหว่างโรงเรียนวชิราวุธ-ภปร.ราชวิทยาลัย ที่สนามกีฬากองทัพบก ถนนวิภาวดี-รังสิต โดยนก-ฉัตรชัย ซึ่งสวมเสื้อยืดสีชมพู สวมแว่นตาดำอันใหญ่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า เรื่องนี้คนที่เดือดร้อนคือพี่ไก่ สำหรับตนไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ พวกนี้ ไม่รับรู้และไม่ใส่ใจมาตั้งนานแล้ว ไม่เชื่อข่าวที่ เขียนอยู่แล้ว แต่วันที่พี่ไก่โทร.เข้ามาบอกข่าวนี้ว่าตนไปอยู่กับพี่ไก่มา 2 ปี ยืนยันว่าครอบครัวตนแตกเพราะเขา พี่ไก่เลยปรี๊ดแตกบุกไปถึงที่ ไม่รู้จะห้ามยังไงเหมือนกัน ก็ต้องปล่อยไป พักหลังตนโดนข่าวเรื่องนี้มาตลอด เป็นข่าวที่ไร้สาระมาก ตนกับพี่ไก่สนิทกันมา 20-30 ปี แล้ว วันก่อนนกหญิง (นก-สินจัย) ยังโทร.ไปหาพี่ไก่เรื่องจัดละคร มีการพูดคุยกันตลอด ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องแบบนั้นเลย



ผู้สื่อข่าวถามว่า โกรธหรือไม่ นก-ฉัตรชัยตอบว่า

ไม่โกรธ เย็นลงเยอะแล้ว เพราะเจอข่าวแบบนี้มาเยอะมาก ไม่ว่าจะข่าวฉัตรชัยเป็นเกย์ ปั้นพระเอกหนุ่มตี๋แล้วพาไปเริงรักที่เกาะฮ่องกง ฉัตรชัยไปดูคอนเสิร์ตบอย แต่  ที่แท้ไปล่าหนุ่มๆ อะไรอย่างนี้ เฮ้ย อะไรกัน เขียนอะไร แรงมาก แต่ไม่เคยตอบโต้ เพราะไม่รู้จะทำเพื่ออะไร ได้ อะไรขึ้นมา แต่ถามว่ามีผลกระทบต่อเรามั้ย มีแน่ๆ ประ-ชาชนผู้อ่านก็จะคิดและเชื่อ บางคนอาจจะไม่เชื่อ แล้วยังมีผลกระทบต่อลูก สมมุติเพื่อนลูกถามลูกตนว่าข่าวบอกว่าพ่อมึงเป็นตุ๊ด อย่างนี้เสียหายมั้ย ก็เสียหาย ลูกรู้ อยู่แล้วว่าพ่อไม่ได้เป็น แต่ถ้าคุณเป็นลูก แล้วถูกเพื่อนถามแบบนี้ จะรู้สึกอย่างไร มันแย่นะ ไม่แฟร์กับครอบครัว เราเลย 


เมื่อถามว่า อยากฟ้องหรือไม่ นก-ฉัตรชัยตอบว่า

ไม่รู้จะฟ้องเพื่ออะไร ไม่อยากเป็นบาปเป็นกรรม อยากจะบอกเพื่อนๆ พี่ๆ นักข่าวว่าเราอยู่วงการเดียวกัน ควรจะเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนกัน ดูแลกัน อย่ามาทำร้ายกันด้วยสิ่งที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง อันไหนไม่ดีก็บอกกันดีกว่า ไม่ใช่มาทำแบบนี้ ทำให้ความเป็นพี่น้องมันหายไป อยากให้ทุกคนคิดนิดนึงก่อนจะเขียนอะไรลงไป 


ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า

ครอบครัวยังรักกันดีอยู่หรือไม่ เพราะมีข่าวว่านก-ฉัตรชัย แยกทางกับ นก-สินจัย แล้ว นก-ฉัตรชัย ตอบว่า ครอบครัวเรายังแข็งแรง เมื่อวันที่ 5 ธันวา ซึ่งเป็นวันพ่อ ยังไปทานข้าวด้วยกัน แล้ววันที่ 22 ธ.ค. จะมีละครบัลลังก์เมฆรอบสุดท้าย ตนกับครอบครัวก็จะไปดูนกหญิงแสดง

เมื่อถามว่า กลับบ้านทุกวันหรือเปล่า นก-ฉัตรชัย หัวเราะร่วนก่อนตอบว่า

กลับทุกวันรับรองได้ แต่อาจจะกลับดึกหน่อย ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ยังไม่ได้แยกบ้านกันอยู่แต่อย่างใด ไปถาม รปภ.ของหมู่บ้านได้เลย ทะเบียนสมรสก็ยังอยู่ ไม่ได้หย่า ไม่ได้แยกไปไหน เวลาทำละครแล้วตังค์หมด ยังบอกนกหญิง เค้าก็โอนตังค์มาให้ผ่านบัญชีกลาง ส่วนพี่ไก่จะดูแลในฐานะที่เราทำละครด้วยกัน แล้วตนก็ทำอยู่กับช่อง 3 ส่วนนกหญิงทำอยู่กับบอย-ถกลเกียรติ แล้วการจะไปบ้านพี่ไก่ในบางโอกาส เป็นเรื่องปกติมาก เพราะเราสนิทกัน เคยไปนั่งกินข้าวบ่อยๆ เป็นสิบคน นกหญิงก็ไป

เมื่อถามอีกว่า นกหญิงว่าอย่างไรกับข่าวนี้ นก-ฉัตรชัยตอบว่า

ยังไม่ได้คุยกันเลย เมื่อคืนเค้ากลับมาดึก เมื่อเช้าตนก็ออกมาเร็วเลยไม่ได้คุยกัน แต่เมื่อเช้ามีหลายคนส่งข้อความมาให้กำลังใจ แต่คนที่ต้องให้กำลังใจมากคือพี่ไก่  เพราะเค้าเดือดร้อนจริงๆ เมื่อถามอีกว่า ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเกย์ใช่หรือไม่ นก-ฉัตรชัย หัวเราะแล้วบอกว่า “ผมเนี่ยนะ...เอางี้ไปถามเพื่อนผมที่อัฒจันทร์เลยดีกว่า ทุกคนจะรู้ว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่า”



ขณะที่ไก่-วรายุฑ เผยในวันเดียวกันนี้ว่า

ได้รับโทรศัพท์จากนายอัษฎา อภิวงศ์งาม บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์มายาชาแนล เพื่อไกล่เกลี่ยกับข่าวที่เกิดขึ้น เขาโทร.มาขอโทษและยินดีจะลงแก้ข่าวให้ตามที่ต้องการ เจตนาของตนต้องการให้ลงแก้ข่าวตัวหนังสือเท่าเดิม สีเดิม ขึ้นหน้าหนึ่งเท่าๆกับที่ได้ลงข่าวไป และให้มีคำว่าขอโทษ ลงไปด้วย ซึ่งทาง บก.หนังสือรับปากจะลงแก้ให้ในฉบับวันจันทร์นี้ หากทำตามอย่างที่ได้รับปาก ตนยอมยุติเรื่อง แต่ถามว่า เพียงเท่านี้ทำให้ตนพอใจหรือไม่ ก็ในระดับหนึ่ง เท่านั้น บางคนบอกว่ามันง่ายไป แต่ตนอยากให้เรื่องมัน จบไป ขอให้ขอโทษเราเหมือนที่ด่าก็พอแล้ว ให้ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เขาลงข่าวไปนั้น มันไม่ได้เป็นความจริง 


ส่วนที่ตนบุกไปถึงสำนักงานแล้วไม่มีใครออกมาพบ ทำเหมือนหลบหน้านั้น ไก่กล่าวว่า
 
เขาอ้างว่า เรา ไม่ได้นัดเขาไว้ก่อน พอดีเขาติดประชุมกับผู้ใหญ่ แต่จริงๆ เราโทร.ไปแล้ว เพียงแต่เด็กๆอ้างว่า ไม่รู้เค้าอยู่ไหน เรา ถึงบุกไปเลย พอไปถึงไม่เจอใครเลย เชื่อว่าเขาคงเห็นเรา แล้วพยายามหลบหน้ามากกว่า คงคิดไม่ถึงว่าเราจะกล้าไปจริงๆ หลังมีข่าวออกไปมีคนโทร.มาให้กำลังใจเยอะ มีทนายความโทร.มาบอกว่าจะจัดการทำคดีนี้ให้เอง คือเราไม่อยากให้เรื่องมันยืดเยื้ออยู่แล้ว เกิดฟ้องชนะทางโน้น ไม่มีเงินจ่ายติดคุกเปล่าๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวลือที่ว่านก-ฉัตรชัย ไปเฝ้าหนุ่มมาริโอ พระเอกภาพยนตร์เรื่อง รักแห่งสยาม ไก่-วรายุฑ หัวเราะก่อนตอบว่า ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาดขอเอาหัวเป็นประกัน เพราะนกเป็นผู้ชาย จะไปเฝ้าใครทำไม ใครปล่อยข่าวนี้ออกมา เดี๋ยวก็ยุให้ฉัตรชัยฟ้องหรอก มัน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว



ด้านนายอัษฎา อภิวงศ์งาม บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มายาชาแนล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า

ได้โทรศัพท์ ไปหาไก่-วรายุฑ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. เจรจา ว่าจะลงชี้แจงในหนังสือพิมพ์ โดยเอาคำพูดของไก่-วรายุฑ ทุกคำ ในวันที่เดินทางมาที่มายาชาแนลลงไปทั้งหมด โดย วันนั้นได้ให้พนักงานในออฟฟิศอัดเสียงของไก่เอาไว้ทุก คำพูด โดยจะลงชี้แจงในหน้า 1 พาดหัวใหญ่ ตามด้วยหน้า 2 เต็มหน้า ต่อด้วยหน้า 12 อีกเต็มหน้า ที่เหลือถ้า ยังลงไม่หมดก็จะต่อให้อีก แล้วแต่ทางไก่จะร้องขอมา ถ้า บอกมาเราก็จัดให้อีก ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว


ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงได้หลบหน้าไก่ในวันที่ คู่กรณีเดินทางมาที่มายาชาแนล นายอัษฎากล่าวว่า

วันนั้น ตนและนักข่าวไม่ได้หนีไปไหน  แต่ด้วยตนติดธุระกับผู้ใหญ่ก่อน นักข่าวก็ออกไปงานกันหมด ประกอบเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ซึ่งวันนั้นถ้าไก่ได้โทรศัพท์มานัดก่อน ก็จะยกเลิกนัดกับผู้ใหญ่และจะอยู่รอรับ ตนไม่มีทางหนีแน่นอน จะหนีทำไม ไม่ได้ฆ่าคนตาย แต่ครั้งนี้เป็นความ ไม่เข้าใจกัน ไก่ระบุว่า ข้อมูลในหนังสือพิมพ์ตนผิดพลาด ไม่เป็นความจริง กระทบกระเทือนต่อความรู้สึก ต้องการให้ตนขอโทษ ก็ยินดี ไม่ได้กลัวว่าจะถูกฟ้อง แต่เพราะเป็นความรับผิดชอบอยู่แล้ว ถ้าข้อมูลที่ลงไปเกิดความผิดพลาดจริงอย่างที่ระบุ แต่การสู้รบปรบมือมันไม่ใช่แนว แนวของสื่อมวลชนคือ การนำเสนอข่าวตามวิชาชีพของเรา ตนจะยังคงนำเสนอข่าวของไก่ในด้านต่างๆต่อไป ไม่มีการระงับข่าวแน่นอน เพราะตนจะไม่เอาเรื่องงานกับเรื่อง ส่วนตัวมาปะปนกัน อาชีพสื่อมวลชนเป็นอาชีพที่ตนภาคภูมิใจที่สุด 

นายอัษฎายังกล่าวตัดพ้ออีกว่า

แต่ตนรู้สึกเสียใจตรงที่ไก่บอกว่าจะมาเยี่ยวรดหนังสือพิมพ์ตน ยังบอกกลับ ไปเลยว่า กรุณาอย่าทำอย่างนั้นเลย อยากเยี่ยวให้มาเยี่ยว ใส่ผมเถอะ อยากลงโทษให้มาลงโทษที่ตัวผมเอง หนังสือพิมพ์ ไม่เกี่ยว ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วต่อไปจะเสนอข่าวด้วยความ ระมัดระวังมากขึ้นหรือไม่ นายอัษฎาบอกว่า ในการทำงาน ข่าวแต่ละชิ้นตนระวังอยู่แล้ว ข่าวของไก่ตนก็ระวัง ถ้า ได้อ่านเนื้อข่าวของไก่จะรู้เลยว่ามันไม่มีอะไร แค่พาดหัว ข่าวให้รู้สึกตื่นเต้น คนทำหนังสือทุกคนจะรู้ข้อนี้ดี แต่ตนไม่คิดว่าไก่จะซีเรียสขนาดนี้ โดยส่วนตัวก็ไม่ได้คิดไม่ดีต่อตัวเค้า ไม่ได้รู้จักกันด้วย สงสัยคราวหน้าตนต้องออกไปหาผู้จัดละครบ้างแล้ว จะได้รู้จักกันไว้



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์