อนันดา ไม่แคร์ข่าว ผีผ้าห่ม

ยังคงเป็นประเด็นร้อนฉ่าไม่เลิกรา

เพราะมีเรื่องความรักมาให้ได้ตกใจกันอยู่เป็นประจำ สำหรับพระเอกมาดเซอร์ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ที่โดดมาเป็นพระเอกหนังเรื่อง ‘Memories’ ประกบคู่กับ “ ใหม่ เจริญปุระ” ก็ไม่วายมีข่าวเล่นผีผ้าห่มกันออกมาระหว่างไปถ่ายทำหนังเรื่องนี้ที่ต่างจังหวัด

เท็จจริงอย่างไร ‘อินฟราเรดซูม’ ขอสัมภาษณ์พระเอกมาดเซอร์คนนี้แบบหมดเปลือกทุกคำถามที่หลายคนสงสัย

ใครที่อยากรู้เรื่องเด่นประเด็นนี้ บอกได้คำเดียวว่า ห้ามพลาดเด็ดขาด นานทีปีหน ‘อนันดา’ จะออกมาพูดเปิดใจ

ข่าวกับ ‘ใหม่’ เท็จจริงอย่างไร ?
 

“ถ้าให้พูดตรงๆ ผมไม่ค่อยได้ตามข่าวอะไร เราจะไม่ค่อยรู้ว่า รายละเอียดของข่าวมันไปถึงขนาดไหน จริงๆ แล้วผมตอบไปหลายทีแล้วว่า มันเป็นเรื่องปกติของคนที่ทำงานด้วยกัน มันก็เกิดความสนิทสนมกันเลยอาจจะทำให้เป็นข่าว”


มีเลิฟซีนนอกจอ ?
 

“ไม่แรงมากนะ มันไม่ใช่สิ่งที่ผมเพิ่งเคยเจอ เล่นหนังเราก็จะเจอข่าวอะไรแบบนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว”

มีข่าวว่า นอนห้องเดียวกันด้วย ?
 

“เรื่องปกติอยู่แล้ว สมมุติว่าเราถ่ายหนังเสร็จ แล้วรถตู้ไปส่งที่โรงแรม ขึ้นลิฟท์อะไร มันก็ไปพร้อมกัน เข้าโรงแรมมันก็เข้าพร้อมกัน สมมุติว่าคนเขาไม่รู้ว่า เราถ่ายหนังอยู่ มันง่ายมากที่จะเข้าใจผิด เหมือนกับที่พี่เห็นคนสองคนที่พี่รู้จักเดินเข้าโรงแรมด้วยกัน อาจจะสรุปได้ว่า เขาอาจจะอะไรหรือเปล่า แต่ถ้ารู้ว่า มีกองถ่ายอยู่ตรงนั้น คงไม่คิดอะไรกันหรอก”

เล่นเลิฟซีนทุกครั้ง ก็เป็นข่าว ?

“มันอาจจะเป็นสิ่งที่คนยังตื่นตาตื่นใจอยู่ ให้พูดตรงๆ เรารู้สึกว่า เราไม่คำนึงถึงการที่เรามีตัวตนอยู่ทุกวันนี้ มันเกิดมาจากอะไร มันก็เกิดมาจากพ่อแม่เรามีอะไรกันใช่มั้ย เป็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน ไม่น่าจะเป็นเรื่องอะไรมากมายขนาดนี้ แล้วประเด็นหลักๆในหนัง จะมีไม่กี่ประเด็น รักกัน โกรธกัน เกลียดกัน งอนกัน น้อยใจกัน มันมีอยู่ไม่กี่อารมณ์ แล้วหนึ่งอารมณ์ที่สำคัญมาก คือ เรื่องของ Love การสื่อสารเรื่องของความรักออกมาทั้งทางกายทางใจอะไรก็ว่าไป เราว่า ไม่น่าจะเป็นเรื่องอะไรฮือฮามากมาย”


ไม่ค่อยแคร์เรื่องข่าว แต่กับ ‘พี่ ใหม่’ ?
 

“เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เขาก็เป็นพี่ผม ผมเกรงใจ รู้สึกแบบพี่ใหม่ พอมาเล่นหนังเรื่องนี้กับผมแล้วต้องเจอเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ ผมคุยกับเขา พี่เขาสบายๆ มากเลย กลายเป็นว่า เขาสบายกว่าผมอีก วันนี้ผมเกร็ง อาจจะไม่เกร็งเพราะตัวผมเอง รู้สึกเกร็ง เพราะเกรงใจคนรอบข้าง กลัวจะมีผลกระทบไปถึงคนอื่น แต่กลับกลายเป็นว่า เราสบายใจแล้ว ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากมายกับเขาเลย”

การวางตัว ต้องเว้นระยะ ?

“หวังว่าจะไม่นะ แต่ด้วยบุคลิกผม ไม่ค่อยคิดมาก แต่ว่าลึกๆ แล้วมันก็มีบางส่วนของเราที่เราต้องกลั่นกรองบางอย่างที่เราพูด ในฐานะที่ทำงานตรงนี้อยู่ มันต้องมีแบบนี้ เพียงแต่ว่า ส่วนที่ผมอึดอัดใจตรงนี้ คือ ผมพยายามจะยืนยันตรงนี้ตลอดเวลา พยายามจะเป็นนักแสดง พยายามจะสร้างคุณภาพในการแสดง แล้วมันก็จะกลายเป็นว่า เราเป็นที่จับจ้องของข่าว บางทีมันจะกลายเป็นว่า คุณเป็นดารา ผมอยากเป็นนักแสดงมาก่อน แล้วดาราค่อยรองจากตรงนั้นอีกที”

ทำไมไม่ค่อยเห็นว่า ‘อนันดา’ ออกมาแก้ข่าว ?

“มันไม่ถึงขั้นนั้น ถ้าจะให้ผมออกมาแบบว่า ผมไม่พอใจ อย่างโน้นอย่างนี้ งอแงใส่ มันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีเท่าไหร่ ต้องยอมรับสภาพ เรามีอาชีพอย่างนี้ มันอยู่ในสายตาของประชาชน จะมีสิ่งที่ตามมา รู้สึกว่า เรายอมรับมันได้ ถ้าสมมุติว่า ผมมานั่งบ่น ผมแม่งซวยอย่างนั้นอย่างนี้ มันคงไม่ใช่ ไม่มีเหตุผลที่จะทำอย่างนั้นไง”


หนังปิดกล้องแล้วต้องหยุดคุยกับ ‘พี่ใหม่’ หรือเปล่า ?

“ไม่ๆ ไม่ควร แล้วหวังว่า จะไม่เป็นอย่างนั้น รู้จักพี่ใหม่มา โห หลายปีมากๆ ตั้งแต่ผมเข้าวงการแรกๆ แล้วรู้จักกับครอบครัวเขา สนิทกับครอบครัวเขา ถ้าเราจะต้องเปลี่ยนไป เพราะว่า สิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราส่วนตัวสองคน เราว่าไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ”

ซีเรียสมั้ย ?

“ไม่ซีเรียส มันอาจจะดูแรงด้วยข่าวเก่าๆ ของคน อาจจะด้วยประวัติของพี่ใหม่ด้วยหรือเปล่า เขาเป็นรุ่นใหญ่มาก มันเลยอาจจะดูแรงในแง่นั้น ส่วนตัวผมก็ว่า เป็นเรื่องปกตินะครับ คนเล่นหนังด้วยกัน ต้องเล่นพวกเลิฟซีนด้วยกัน คนก็ต้องแซวกัน ต้องเม้าท์กัน เป็นเรื่องปกติ”

กลัวเป็นการตอกย้ำภาพ ?

“ส่วนตัวนะ ในแง่นั้น โอเค เราพูดตรงๆ รู้สึกเหมือนกัน เข้าใจว่า ไอ้ข่าวตรงนั้นมันไม่ได้ช่วยใคร ไอ้ข่าวที่มันจะแซวกัน ที่มันจะเม้าท์กัน เราเข้าใจตรงนั้นทั้งหมดเลย มันเป็นข่าวที่น่าอ่าน เหมือนเราหยิบหนังสือกอสซิปมา เราก็ชอบอ่านถึงข่าวแบบใครได้กับใครยังไง มันสนุกดี แต่ส่วนของการที่จะเหมารวมคนว่า คนบุคลิกอย่างนี้ มันต้องเป็นอย่างนี้ ชีวิตจริงต้องเป็นอย่างนี้ หนังที่เขาเล่นต้องเป็นอย่างนี้ คือ เมื่อไหร่ที่อิมเมจตรงนั้นมีผลต่องานที่เราทำ อันนั้นเราสงสารคนทำงานไง ก่อนที่เขาจะจ้างเรา เขาต้องมานั่งคิดว่า เฮ้ย ทำหนังเรื่องนี้ไป หนังของเราจะโดนคิดว่า เป็นหนังเซ็กซี่อะไรแบบนี้หรือเปล่า เรากลัวว่า มันจะกลายเป็นแบบคุณค่าของมันอยู่ที่ผิวเผินอย่างเดียว ซึ่งเราเสียตรงนั้นซะมากกว่า”


หลังจากที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้างหรือยัง ?
 
“คุยครับ เรื่องอย่างนี้ มันไม่ใช่เรื่องต้นๆ ที่ผมต้องคุยกับเขา ปกติเราคุยเรื่องส่วนตัวของเรา คือ ไม่ได้รู้สึกว่า ต้องมานั่งอธิบายว่า ข่าวมันเกิดมาจากไหนอะไร ยังไง”

เซ็งมั้ยกับกระแสข่าวที่มีออกมาเรื่อยๆ ?
 

“ไม่เซ็งครับ แต่เรารู้สึกว่า บางทีอยากจะบอกว่า มันอยู่ที่เนื้องาน เราจะแฮปปี้มากกว่านี้เยอะเลย ถ้าสมมุติว่า หนังออกมาไม่ดีแล้วคนออกมาด่า เล่นหนังห่วยมากเลยนะ แทนที่ว่าจะมายิงประเด็นที่มันไม่เกี่ยวข้องกับหนังโดยตรง”

กลัวมั้ยคนจะมองว่า โปรโมทหนัง ?

“ไม่ครับ คือ หนังยังไม่มีวันเข้าเลย มีหลายคนถามผมว่า นี่คือการโปรโมทหนังหรือเปล่า ส่วนตัวผมก็ไม่ทราบว่า เกิดกระแสอะไร ไวกันขนาดนี้ เข้าใจนะว่า หนังใกล้เข้าก็มักจะมีอะไรแบบนี้ เป็นการโปรโมทหนัง หรือ ไม่โปรโมทหนังคงต้องวัดกันเอาเอง”


กลัวจะมีผลกระทบกับงานชิ้นต่อไป ?
 

“นี่ไงที่เราบอกไปว่า ถ้าให้มาเจาะจงว่า ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก มันแบบองค์รวมนะ ไอ้คำว่า อนันดา มันใหญ่กว่าสิ่งที่ผมเป็น อันนี้ก็น่ากลัวเหมือนกัน ผมพูดแล้วพูดอีกว่า ผมอยากจะดังด้วยการเป็นนักแสดงก่อน แล้วค่อยตามมาเป็นดาราอีกที เพราะผมคงไม่ให้ใครมาพูดว่า เกิดมาจากการไปอีเว้นท์ หรือ เกิดมาจากการที่อยู่ในข่าวตลอดเวลา ยกตัวอย่างของเมืองนอกที่ทุกคนรู้จักอย่าง ปารีส ฮิลตัน ที่ทุกๆคนสนใจ แต่ไม่รู้ว่า สนใจถึงทำไม”

มีข่าวว่า ‘อนันดา’ กับ ‘จี๊ด’ จะเลิกกัน ?

“มันคงไม่ต่างจากที่ผมเล่น Me myself แล้วผมมีข่าวกับ แอม ตอนนั้นผมก็คบกับ จี๊ด อยู่ ไม่รู้จะแยกให้มันต่างกันยังไง เรื่องส่วนตัวผม ยังเป็นเรื่องส่วนตัวเหมือนเดิม มันจะดี จะไม่ดี มันก็จะเกิดขึ้นในเวลาของเราเอง”
 
หลังจากมีข่าว ได้พูดคุยกับ ‘จี๊ด’ ?

“คุยครับ จึ๊ด เป็นคนที่ไม่ใส่ใจอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ที่เราคบกัน มันก็แค่เรื่องระหว่างเราสองคน เรื่องของกระแสรอบนอกเรารู้สึกว่า มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย”


‘จี๊ด’ เข้าใจข่าว ?
 

“เข้าใจครับ เข้าใจ จริงๆ แล้วเราก็สงสารแกอยู่เหมือนกัน เพราะว่า แกจะเป็นคนที่โดนก่อน โอเค เราต้องยอมรับว่า สื่อในไทย มันไม่บาลานซ์ระหว่างเพศหญิงเพศชาย เพศชายบางทีเราดูป็นคาสโนว่า มีเรื่องเซ็กส์เรื่องอะไรเนี่ย มันกลับกลายเป็นว่า ไม่ได้ดูร้ายแรงมาก แต่ส่วนของผู้หญิงนี่ เราเป็นห่วง มันมีผลกระทบต่อฝ่ายหญิงซะมากกว่า อย่าง จี๊ด ผมเป็นห่วงเขา แต่ตัวเขาเองเขาก็โอเค”

มีถามอะไรบ้างมั้ย ?

“ไม่นะ ปกติของเขา ยอมรับตอนที่คบกันแรกๆ แล้วเขาเจอไอ้พวกข่าวแบบนี้ ตอนแรกๆ เขาก็คงสะดุดอยู่เหมือนกัน เพราะเขาไม่เคยเจอ แต่พออยู่กับผมไปพักนึงแล้ว เขาก็คงชิน”

ค่อนข้างไว้ใจซึ่งกันและกัน ?

“ ถ้าคบกันจริงจัง มันต้องไว้ใจกัน มันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสองคน คือ ถ้าไว้ใจกันไม่ได้ มันก็ไปกันยาก”

ทุกครั้งเวลาที่มีข่าว ไม่ถึงขั้นทะเลาะกัน ?
 

“ไม่มี ไอ้ทะเลาะเราก็จะทะเลาะเรื่องอื่นเหมือนคู่รักทั่วไป เราทะเลาะกัน แต่ไม่ทะเลาะกันเรื่องข่าว อาจจะทะเลาะเรื่องกลับดึก ทำไมไม่รับสาย เป็นเรื่องปกติของคนที่จะน้อยใจกัน งอนกัน”

หมอดูฟันธงว่า ไม่ใช่คู่แท้ ?

“ถ้าถามผมเรื่องคู่แท้ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่า ต้องยึดเหนี่ยวอะไรกับคำๆ นี้ ถ้าเป็นคู่แท้เนี่ย เราจะพิสูจน์ด้วยเวลา คำว่าคู่แท้เนี่ย ไม่สำคัญอยู่แล้ว มันวัดด้วยเวลา คือ ถ้าอยู่ด้วยกันได้ ก็อยู่ด้วยกัน ไม่ได้วางแผนว่า 3 - 4 ปี ผ่านไปเรายังจะอยู่ด้วยกัน ถ้าวันหนึ่งเขาไม่อยากอยู่กับผมๆ ก็รับได้ ไม่ต้องอยู่กับผมก็ได้ แต่ถ้า 30-40 ปีผ่านไปเรายังอยู่ด้วยกันก็อยู่ด้วยกัน คิดง่ายๆ ดีกว่า” 

 ต้องมาลุ้นกันว่า ‘อนันดา+จี๊ด’ จะเป็นคู่แท้หรือไม่!?


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นิตยสารทีวีอินไซต์

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์