จากหนึ่งไอน้ำ...ที่กลายเป็นฝน

เป็นระยะเวลาหลายปีที่ผมและเพื่อนวง ไอน้ำ ได้เข้ามาสู่วงการเพลง

จากวันนั้นมาถึงวันนี้ ก็เป็นระยะเวลานานประมาณ 6 ปี จนพวกผม  เกือบจะลืมไปว่ากว่าที่จะมีวันนี้ได้นั้น จุดเริ่มต้นของชีวิตนักร้องวงไอน้ำเราผ่านอะไรกันมาบ้าง พวกเราในวงทุกคนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามาก เรียกว่าทำทุกอย่าง ต่อสู้กับอุปสรรคทุกเรื่องมาด้วยกัน จนวันนี้เรามายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้และพวกเราก็คือ “วง ไอน้ำ” 

จุดเริ่มต้นของผมและเพื่อน ๆ ในวง ก็    จะมี “แอร์-กษิต พลวัน”, “ฟัก-เมธา พิเลิศ”, “ก๊อบ-อุดมชัย บุญพรหมอ่อน” และ “ใหม่-   ใหม่ สุขะเดชะ”

พวกเราเริ่มมาจากการชอบร้องเพลงและชอบเล่นดนตรีด้วยกันในเวลาว่าง พวก  ผมจะมาเล่นดนตรีด้วยกันตามประสาวัยรุ่นทั่วไป หัดร้องเพลงกันทุกแนว ตั้งแต่สตริง ป๊อป ร็อก หรือ ลูกทุ่ง เราลองกันมาหมด ขอแค่ได้ร้องและแสดงออกทางเสียงเพลงเท่านี้ผมและเพื่อน ๆ ก็พอใจแล้ว 


ในวันนั้นผมและเพื่อน ๆ รู้สึกว่าเป็นเหมือนกับไอน้ำหรือหยดน้ำเล็ก ๆ หยดหนึ่งที่มีความฝันว่าสักวันอยากที่จะเป็นนักร้องอาชีพ

อยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่คิดที่จะฝันเกินตัวจนเกินไป จนมาถึงวันหนึ่งมีเวทีประกวดการร้องเพลงผมและเพื่อนก็ได้ลองสมัครดูเพื่อที่จะลองทำตามฝัน (จากวันนั้นเป็นเหมือนกับบันไดก้าวสู่ดวงดาว) ที่คิดว่าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีด้วยใจรักมันไม่ใช่แล้ว 

กลายเป็นว่าผมและเพื่อน ๆ ร้องเพลงด้วยใจที่รักมากกว่าเดิม

 และอยากที่จะสร้างความฝันให้เป็นความจริงขึ้นมา และวันนั้นเองหยดน้ำเล็ก ๆ หรือไอน้ำที่พวกเราเคยเป็น ก็พร้อมที่จะกลั่นเป็นน้ำฝนที่พร้อมจะตกลงสู่พื้นดิน (เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ทุก ๆ คนที่ชื่นชอบและรักในการฟังเพลง) 


ผมเองอยากจะบอกน้อง ๆ ที่มีความฝันทุกคนว่า

อกาสนั้นไม่ได้เดินมาหาเราเองแต่เราต้องเดินไปหาโอกาส แม้ว่าโอกาสนั้นไม่ได้ดีเลิศ แต่ผมเองก็อยากที่จะขอให้น้อง ๆ ทุกคนที่รักในเสียงเพลงได้ลองทำดูก่อน ไม่ใช่ว่าให้ไปหาความผิดหวังหรือว่าความพ่ายแพ้ จนทำให้ตัวเองท้อแท้ไม่กล้าที่จะลองทำอีกครั้ง แต่ให้ถือว่าเป็นการหาประสบการณ์ให้กับชีวิตเราเอง เปิดโอกาสชีวิตให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ศึกษาว่าตอนนี้คนที่ชอบดนตรีเหมือนกับเรา ในรุ่นเดียวกันเค้าพัฒนาไปถึงไหนแล้ว หรือเรายังยืนอยู่ตรงจุดไหน (เราควรพัฒนาตัวเองอย่างไร) อะไรที่เราถนัดมากที่สุด

ที่สำคัญเราต้องเปิดใจรับกับความเป็นจริงให้มาก

รับฟังทุกเสียงที่ติและชม เพื่อเป็นแนวทางในอนาคตข้างหน้า ทุกเสียงบอกเล่าทั้งดีและไม่ดีคือ “ครู” ของเรา ไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นผู้ชนะทุกเวทีทุกครั้ง 


คำว่าชนะนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นผู้ชนะต่อไปในทุก ๆ เวทีได้ หรือคุณจะประสบความสำเร็จได้ตลอด

ผมคิดว่าคนที่ล้มบ่อย และเก็บประสบการณ์เหล่านั้นมาปรับปรุงตัวเอง ว่าเราพลาดตรงไหน สิ่งไหนที่ดีแล้วก็พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ตรงไหนที่เป็นจุดบอด ก็ต้องเร่งพัฒนาตัวเองให้มากกว่าเดิม น้องคนไหนที่สามารถทำแบบนี้ได้จะกลายเป็นศิลปินที่ดี เพราะเค้าได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดและผิดหวังมามากแล้ว พวกเค้าเหล่านั้นจะไม่ยอมเจ็บอีกเป็นครั้งที่สองที่สามแน่นอน 

ผมเองก็อยากให้น้องรุ่นใหม่ได้ก้าวขึ้นมายืนตรงจุดที่ผมและเพื่อน ๆ ได้ยืนในวันนี้

ผมเองอยากให้ประเทศของเรามีนักดนตรีรุ่นใหม่ไฟแรงที่ก้าวออกมาสร้างสรรค์งานเพลงใหม่ ๆ ให้มาโลดแล่นในวงการเพลงเมืองไทยเรา สำหรับผมเองและเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้หยุดนิ่งแม้ว่าจะก้าวมายืนตรงจุดที่ตัวเองฝันแล้ว 


ผมและเพื่อนก็ยังต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

 เพราะถ้าวันไหนที่หยุดคิดหรือว่าหยุดเดินก็เท่ากับว่าเราจะไม่ก้าวไปข้างหน้าอีกแล้ว ผมและเพื่อนในวันนั้นก็เป็นหยดน้ำและไอน้ำเม็ดเล็ก ๆ และวันนั้นได้กลายเป็นสายฝนไปเป็นที่เรียบร้อย 

วันนี้พวกเราก็เฝ้าดูเหล่าน้องที่เป็นหยดน้ำทั้งหลายที่มีความฝัน

ว่าสักวันจะกลายเป็นน้ำฝนเม็ดใหญ่เหมือนกับพวกเราที่ตกลงมาบนพื้นดิน พร้อมสร้างความชุ่มชื่นให้กับเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ต่อไปให้เจริญงอกงามขึ้นมาใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์