สู้เอง ! ‘บีม วรานิษฐ์’ ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากพ่อของลูก

เรียกว่าเป็นคุณแม่สุดแกร่งคนหนึ่งของวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้ สำหรับ บีม – วรานิษฐ์ จิราโรจน์เจริญ ลูกสาวคนโตของตลกดังผู้ล่วงลับ ดี๋ ดอกมะดัน ที่ล่าสุดวันนี้ (3 ตุลาคม) ได้ไปเปิดใจถึงชีวิตช่วงนี้ในรายการ ‘โชว์ข่าวเช้านี้’ ที่สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี โดยเธอว่า ชีวิตช่วงนี้เริ่มลงตัวแล้ว หลังจากสูญเสียคุณพ่อไปก็เหลือกันอยู่ 3 คน แต่ตอนนี้มี ‘น้องโซร’ ลูกชายของตนเพิ่มเข้ามาก็กลายเป็น 4 คนดังเดิม ถึงอย่างนั้นก็มีความเหนื่อยอยู่บ้าง เพราะต้องทำงานไปด้วยแล้วเลี้ยงลูกเองคนเดียว ไม่ได้จ้างพี่เลี้ยง แต่ก็ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด

“ก่อนหน้านี้ตอนที่พ่อไม่สบายแล้วเราต้องทำงานเอง ตอนนั้นที่ดูแลครอบครัวจะเหนื่อยจากการทำงานนะคะ แต่ว่าตอนนี้เราทั้งทำงานด้วย แล้วก็เลี้ยงลูก ถ้าเกิดคนที่มีลูกเล็กจะเข้าใจว่า มันเป็นความเหนื่อยที่พอเวลาที่เราป่วย เราต้องการพักเราไม่ไหวแล้ว มันไม่ได้นะ ถ้าลูกยังเล่นอยู่ เราก็ต้องอยู่กับเขา คืออย่างเมื่อวานนี้ตื่นมาตอนตีสามครึ่ง แม่ก็วิ้งเลย ก็ขับรถพาไปซุปเปอร์มาร์เก็ต เราต้องเปลี่ยนแปลงตามลูกตลอดเลยค่ะ ยังโชคดีที่มีแม่และน้องสาว ที่ช่วยกันเราไม่ได้ ตัวคนเดียวซะทีเดียว” บีมเล่า

และว่า อีกประมาณ 1 ปีครึ่งลูกชายก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว ตอนนี้จึงได้เริ่มดูโรงเรียนไว้ให้ โดยจะหาที่อยู่ใกล้บ้าน เพราะไม่อยากให้ลูกต้องตื่นเช้า ใช้ชีวิตบนรถ ส่วนพอลูกไปโรงเรียนแล้วจะใจหายเหมือนที่หลายคนบอกหรือไม่คงต้องรอให้ถึงวันนั้น เพียงแต่รู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปเร็วมาก บางเรื่องคิดไว้ว่าเดี๋ยวค่อยทำแต่ก็ไม่ได้แล้วจึงต้องพยายามทำทุกวันให้ดีที่สุด สำหรับเรื่องความพร้อม ลูกชายอาจจะยังไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ของแม่คือต้องเตรียมสตางค์ให้พร้อม เพราะว่าค่าเทอมสมัยนี้ราคาสูง

อย่างไรก็ตามบีมว่า ไม่ใช่แค่ตนที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะตอนนี้ เบล ชยานิษฐ์ น้องสาวก็ช่วยทำงานและดูแลลูกให้อีกแรง  โดยอีกฝ่ายทำงานเป็นครูสอนการแสดงอยู่ ‘เดอะ ดราม่า อะคาเดมี่’ ซึ่งถ้าขาดน้องหรือแม่ไป ตนคงแย่ สำหรับอาการป่วยของน้องสาวหลังจากผ่าตัดนำเซลล์มะเร็งตรงเนื้อเยื่ออ่อนที่ต้นแขนซ้ายออกไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงติดตามผล ต้องไปพบแพทย์ทุก 3 เดือน ซึ่งล่าสุดอาจจะยืดระยะเวลานานขึ้นอีก เพราะไม่มีอะไรผิดปกติ อาการดีขึ้นมาก ไม่มีการลามไปที่อื่น เพียงแต่ห้ามประมาท โดยครอบครัวตนก็เข้มแข็งอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าถ้าจิตใจเข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ โรคต่างๆ ก็มาทำร้ายเราไม่ได้

“ตอนที่พ่อป่วยตอนนั้น เขาเพิ่งเรียนจบ ตอนนั้นบีมหนักอยู่คนเดียว แต่ว่าตอนนี้ถือว่าเราโชคดีมาก เราสบายดี สภาพจิตใจนี่ดีมาก เพราะว่าการมีลูกมันเป็นอะไรที่มีความสุข มันเป็นความเหนื่อยแต่ว่าเหนื่อยที่มีความสุข ทุกครั้งที่เขาทำอะไร แค่เขายิ้มมากอดคือลูกเขามีอารมณ์แบบ พอบอกว่าแม่เหนื่อยจังเลยมากอดแม่มาให้กำลังใจแม่ เขาจะเข้ามากอดให้กำลังใจ ทำได้ตั้งแต่ยังเดินไม่ได้ อันนี้เป็นกำลังใจแค่เขายิ้ม แค่พูดเล่นกับแม่ มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มาก” บีมกล่าว

ก่อนจะว่าถึงคุณพ่อของลูกว่า อีกฝ่ายได้เจอลูกชายแล้วตอนเกิด แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะเจอ และตนก็ชัดเจนว่าจะเป็นซิงเกิลมัมทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อแม่จึงอยากให้อีกฝ่ายได้ใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเอง ไม่ต้องห่วงลูก

“บอกเลยว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะว่าบีมเชื่อว่าเขาจะโตมาอย่างไม่ขาด หลายๆ คนอาจสงสัยว่าถ้าเขาถามถึงพ่อแล้ว จะกีดกันไหม เราไม่กีดกันแน่นอนค่ะ ตั้งแต่เราตัดสินใจว่าเราจะเป็นซิงเกิ้ลมัม เราก็คุยกับทุกคนที่เป็นซิงเกิ้ลมัม แล้วคนที่ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า คือเราคุยว่าลูกที่เกิดมา กับไม่ได้อยู่กับพ่อ แม่จะเป็นมีปัญหาอะไรยังไงและบีมก็เชื่อว่า การที่ทั้งบีมทั้งคุณยาย ทั้งน้าเนี่ย ให้ความรัก ความอบอุ่นเขาอย่างเต็มที่ เขาจะไม่ขาด เราอย่าไปเห็นว่าเขาเป็นเด็กแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว เชื่อว่าเขารู้ เขาทราบ ว่าครอบครัวเขาเป็นยังไง”

“แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดลูกเขาถามถึงอยากที่จะทำความรู้จัก แต่บีมจะบอกเขาเสมอว่าพ่อเขาคือใคร เพราะเด็กต้องทราบเราไม่มีทางที่จะไปบอกเขาว่า ไม่รู้ไม่ได้ คือต้องบอกเลยว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แล้วถ้าวันหนึ่งเราอยากจะเจออยากทำความรู้จัก อยากใช้เวลากับคุณพ่อ ก็ยินดีเสมอ แต่ว่าแค่ตอนนี้มันไม่จำเป็น และยังไม่ถึงเวลา เพราะตอนนี้โซร ยังไม่รู้เรื่องขนาดนั้น เพราะมาเจอมาเล่นมามีความสนุกก็ไม่ต้อง เพราะว่าทุกวันนี้ทุกเวลา สิ่งที่บีมทำคือทำเพื่อลูก จริงๆ เราใช้เวลาอย่างมีค่า เราทำงานการที่เราไปเที่ยวเล่น หรือนัดเจอกันไม่ใช่ประเด็นแต่ว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน” บีมกล่าว

และว่าถึงความช่วยเหลือจากคุณพ่อของลูกว่า “เขารู้จักนิสัยบีมดี เขาไม่พูดอะไร เขารู้ค่ะบีมไม่ได้พูดบอกอะไร คือถ้าเขาอยากที่จะดูแลหรือให้ลูก  ให้เขาเก็บไว้ก่อนเลย วันหนึ่งให้โซรโตขึ้นแล้วรับกับคุณพ่อเอง เพราะว่าตัวบีมเองบีมไม่รับอยู่แล้ว เราชัดเจนเนอะ เราอยากดูแลลูกอย่างดีที่สุด เราเป็นซิงเกิ้ลมัมชื่อก็บอกอยู่ เลี้ยงลูกเองแม่เลี้ยงลูกเดี่ยว เพราะฉะนั้นเลี้ยงเองดูแลเอง ตอนนี้บีมไม่สามารถตอบอะไรแทนลูกได้ ต้องให้เขาเลือกตัดสินใจเอง”

“ยอมรับว่าเหนื่อยค่ะ เกิดเป็นมนุษย์ทุกคนก็มีความเหนื่อย ความเหนื่อยคือมันพักก็หายนะ เราแค่อย่าไปยอมแพ้กับมันเท่านั้นเอง เราเตรียมตัวแล้ว เราเหนื่อยจากเรื่องพ่อมาแล้ว สภาพจิตใจตอนน้องป่วยก็ลุ้นนะ พอมีลูกเรารู้แล้วเป็นแม่คน เหนื่อยแต่พอมาเจอจริงๆ เหนื่อยกว่าที่คิด แต่ว่ามันมีความสุข มากอย่างที่เราไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันนี่แหละมันเป็นรสชาติของการใช้ชีวิตถือว่าโอเคคุ้ม” บีมว่าทิ้งท้าย

สู้เอง ! ‘บีม วรานิษฐ์’ ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากพ่อของลูก


สู้เอง ! ‘บีม วรานิษฐ์’ ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากพ่อของลูก


สู้เอง ! ‘บีม วรานิษฐ์’ ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากพ่อของลูก


สู้เอง ! ‘บีม วรานิษฐ์’ ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากพ่อของลูก


สู้เอง ! ‘บีม วรานิษฐ์’ ไม่ขอรับเงินช่วยเหลือจากพ่อของลูก

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์