เป้อ้อนขอพบหน้าลูกษาใจแข็งขู่แจ้งจับ

"ษา" วรรณษา ยังผวา หลังถูก "เป้ ไฮร็อค" จู่โจมบุกเข้ารถ


เผยครั้งนี้ยอมให้อภัย แต่หากมีครั้งต่อไปเจอแจ้งความ โทษฐานกักขัง หน่วงเหนี่ยว ขณะที่คู่กรณีโต้อดีตภรรยา เผยทำทุกอย่างแค่ต้องการพบหน้าลูก ครวญต้องตรอมใจกว่า 1 ปี หลังไม่เคยเห็นหน้าลูก อัดทนไม่ได้ที่เห็นแม่สอนให้ลูกด่าพ่อ

ความคืบหน้าภายหลังน.ส.สาธิตาวงษ์ทอง หรือ วรรณษา ทองวิเศษ (ษา) นักแสดงชื่อดัง

ขึ้นโรงพักให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันห้ามอดีตสามี นายสุรัช ทับวัง หรือเป้ ไฮร็อค เข้ามายุ่งเกี่ยว หลังถูกบุกเข้ารถแล้วให้ของขวัญ อีกทั้งยังขับรถตามตลอดเส้นทาง  ล่าสุดเมื่อเวลา16.15  น. วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ร้านบาร์ โค้ด ย่านประชาชื่น น.ส.วรรณษา เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันที่ 14  พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ไปร่วมงานที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ภายหลังจากเสร็จงาน ระหว่างที่เดินขึ้นรถ นายสุรัช เปิดประตูรถเข้ามานั่งข้างๆ ทำให้รู้สึกตกใจอย่างมาก 



กระทั่งเรื่องไปจบที่โรงพัก


"ที่ษาให้ตำรวจลงบันทึกประจำวัน เพื่อจะรักษาความปลอดภัยไว้ในอนาคต ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไร แต่ก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัวเอง ซึ่งตอนที่พบตำรวจ เขาก็เรียกร้องอยากพบลูก ย้อนกลับไปษาเคยบอกว่า เจอลูกได้เดือน 1-2 ครั้ง พอโทรไปตาม เขาก็บอกว่าไม่ว่าง และษาย้อนกลับ ว่าทำไมไม่ว่าง ษาก็เลยบอกว่า งั้นให้ลูกโตก่อนดีกว่า ให้ลูกรับรู้อะไรได้ เพราะษาไม่ใช่คนใจร้าย ษาไม่ได้กีดกั้น แต่ให้โอกาสเขาแล้ว เขาไม่มาเอง" น.ส.สาธิตา  กล่าว
 

ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงก่อนหน้านี้ อดีตสามีมีพฤติการณ์คุกคามบ้างหรือเปล่า ดาราสาวตอบทันควันว่า 

มีหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นขับรถผ่านไปมาหน้าบ้าน ปีนรั้วเข้ามาในบ้าน และมากที่สุดคือการโทรศัพท์เข้ามือถือของมารดาในช่วงเวลาตีสองเป็นต้นไป  ตำรวจก็ถามว่าโทรมาทำไม เขาก็บอกว่าเขาทำงานร้องเพลง เลิกดึก ก็มีอารมณ์คิดถึง แต่ในความเป็นจริงตี 1-2 มันดึกแล้ว บางครั้งตี 5 ก็โทรมา จนษาต้องเปลี่ยนเบอร์ คุณแม่ก็ต้องปิดเบอร์นั้นไป เรื่องการจะกลับมาอยู่กันเป็นครอบครัว บอกได้เลยว่าไม่มีทางกลับไปแล้ว เพราะมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้ษาเจ็บ แต่ไม่ขอพูด ส่วนที่บอกว่าษาจะยกลูกให้คนอื่น จนเขาต้องฟ้องศาล จริงๆ ไม่ใช่ คนอื่นในที่นี่คือน้าสาวของษา ซึ่งเลี้ยงเซเด (วาคิม วงษ์ทอง) มาตั้งแต่เด็ก แล้วษาพูดว่ายก ก็ไม่ได้ยกให้จริงๆ ษาก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงทำกันแบบนี้ แต่เรื่องตรงนี้ ขอไม่พูดอะไรมาก เพราะเป็นเรื่องของรูปคดี" ษากล่าวเสียงเครียด


ต่อคำถามที่ว่าฝ่ายชายให้เหตุผลว่าที่ดาราสาวไม่กลับมาใช้ชีวิตครอบครัวแล้ว 

เพราะอดีตนักร้องดังยากจนหรือไม่  ดาสาวตอบว่า หากเป็นเหตุผลนั้นจริง คงไม่ตัดสินใจแต่งตั้งแต่แรก เพราะรู้อยู่แล้ว ทั้งนี้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ให้อภัยได้ แต่หากต่อไปทำแบบนี้อีก ก็จะแจ้งตำรวจข้อหากังขังหน่วงเหนี่ยว ทำอนาจาร  เดี๋ยวนี้เจอคนผมยาวไม่ได้ จะรู้สึกหลอนมาก ถามว่ากลัวเหตุการณ์แรงขึ้นมั้ย อันนี้ษาไม่รู้ แต่ษาอ่านหนังสือที่เขาให้สัมภาษณ์ เขาบอกว่า รู้เรื่องษาหมด รู้ว่าษาอยู่ไหน แต่ไม่ปรากฏตัว ษาหนีเขาไม่พ้นหรอก ษาก็ยิ่งกลัว อยากบอกเขาว่าเลิกเถอะกับสิ่งที่คุณทำอยู่ ส่วนเรื่องที่อนาคตหากษาจะมีคนใหม่ กลัวหรือไม่จะเกิดปัญหา ตรงนี้ษาไม่รู้ " ดาราสาว กล่าว 



วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่14/30128 หมู่บ้านบัวทองธานี ย่านไทรน้อย


ซึ่งเป็นบ้านของนายสุรัช วัย 40 ปี  ทั้งนี้ก่อนให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว นายสุรัชถอนหายใจ และบ่นว่า ษาไม่น่าเลย จากนั้นเล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟังว่า จริงๆเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย โดยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน  ไปห้างสรรพสินค้ากับเพื่อน และเห็นนาฬิกาที่อดีตภรรยาเคยชอบจึงซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด แล้วคิดเหมือนกันว่าจะไปให้ยังไงดี "ทีนี้เพื่อนผมไปเจอษาที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ เขาก็ถามว่าผมจะมามั้ย ผมก็เลยไปจอดรถข้างๆ รถษา ระหว่างรอก็กลัวว่าเขาจะโมโหผมมั้ย พอเขามานั่งในรถ ผมก็เปิดประตูไปนั่งข้างๆ และก็ให้ของขวัญ บอกว่าสุขสันต์วันเกิด 

ก่อนลงผมก็บอกว่า จับมือหน่อยได้มั้ย ผมอยากกอดอยากหอมเขามาก
 

แต่เขาไล่ให้ผมลงจากรถอย่างเดียว พอลงมาผมน้ำตาซึม ไม่รู้จะทำยังไงจึงขับรถตาม แต่เขาขับรถช้ามาก แค่ 60-70 กม/ชม. ผมก็คิดว่าทำไมเขาไม่ขับหนี ทั้งๆ ที่ถ้าจะหนีก็หนีได้  เพราะเขาเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน แต่แล้วสักพักหนึ่งเขาก็เลี้ยวรถเข้าโรงพัก" เป้ กล่าว


อดีตนักร้องชื่อดังกล่าวอีกว่า 

ตอนนี้ไปไหนมีแต่คนด่า แต่ตนเป็นอิสลาม ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และไม่มั่วกับผู้หญิงที่ไม่แต่งงาน อีกทั้งไม่คิดเลยว่าจะอยู่กับความตรอมตรมมาได้ถึง 1 ปี ส่วนที่อยู่ได้เพราะนั่งสมาธิ และทำละหมาด ไม่เช่นนั้นคงยิงตัวตายไปแล้ว  อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้อดีตภรรยาเคยให้สัญญากับพี่ชายที่เจ็บหนักว่า จะพาลูกมาเยี่ยม 

แต่เมื่อพี่ตายไปแล้วก็ยังไม่มีวี่แววจะพาลูกมาหา

"ผมอยากให้ทุกคนรู้ ว่าผมต่างหากที่แย่ไม่ใช่เขา ทุกวันนี้ ผมรอคอย ว่าลูกผมจะกลับมาบ้านเมื่อไร ผมซื้อของเล่นมารอลูก ผมไม่มีทางเลือก ผมคิดถึงลูกผม  ไม่ได้เจอลูกมา 1 ปีเต็มแล้ว ที่เขาสัญญาว่าจะให้เจอหน้าลูกเดือนละ 2 ครั้ง ก็ไม่เคยได้เจอมาตลอด เวลาผมโทรไปทางคุณแม่ของเขารับ ขอคุยกับน้องเซเด ก็บอกว่า หลับแล้ว ทั้งๆ ที่ผมได้ยินเสียงลูกเล่นอยู่ข้างๆ  ผมซึ้งมากเลย ไอ้เรื่องฟ้องน่ะ จริงๆ ผมไม่อยากจะฟ้องร้อง แต่ษาเขาโทรมา บอกว่าจะยกลูกให้คนอื่น ผมก็เลยฟ้อง แต่จะแพ้หรือชนะก็ไม่เป็นไร  ผมทำดีที่สุดแล้ว ในฐานะพ่อคนหนึ่งที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูก" นายสุรัช กล่าว



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์