พระเอกลูกผู้ชาย หรือ ผู้ร้ายสันดานโจร

ดูเหมือนเรื่องของ “ลูกผู้ชาย” ที่ชื่อ “สมชาย เข็มกลัด” จะไม่เคยห่างหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์ได้นานเลยนะ

เดี๋ยวแต่งงาน อ้าว เลิกกันซะแล้ว ต่อมาก็บวช แป๊บเดียวก็สึก นึกว่าธรรมะจะขัดเกลาให้เต๋าเป็น “คนเต็มคน” แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะสึกออกมาไม่นานก็มีข่าวไปฟาดปากผู้กำกับภาพยนตร์ของค่ายๆหนึ่งเข้าให้จนมีข่าวว่าถูกผู้กำกับหนังทั้งหลายจะสุมหัวกัน “แบน” พระเอกนักเลงโต แต่สุดท้ายก็หายเงียบไป จนหนังเรื่อง “โอปปาติก” ลงโลง เอ๊ย ลงโลงฉายอยู่เวลานี้

ก็เลยรู้ว่า ผู้กำกับหนุ่มคนนั้น “ถูกชกฟรี” !!

และก่อนหน้านี้ไม่นานก็คงจำกันได้ว่า เต๋า ไปออกรายการทอล์กโชว์รายการหนึ่ง
“พระเอกลูกผู้ชาย” ได้ทีเลยถือโอกาสระบายความอัดอั้นเรื่องที่ถูก “หมอดู” เที่ยวเอาดวงเขามาทายสะเปะสะปะก่อนนั้นว่าดวงตกบ้างล่ะ จะตายบ้างล่ะ !
พอพูดๆไป เต๋า ก็หลุดอาการ “นักเลง” ออกมานอกจอ ถึงกับประกาศจะเอา “เท้าไปฟาดปากหมอ” เฮ่อ “เจ๊เขียว” ดูๆอยู่ กำลังจะเห็นใจในวิบากกรรมของเต๋า อยู่เชี้ยว เปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน


มันเกินไปหน่อยสำหรับคนที่ได้ชื่อว่า “ตัวอย่างเยาวชน”

พวกนักเรียนนักเลงช่างกลล่ะก็อาจจะมองว่าเป็น “ตัวอย่างเยาวชน” พวกนักเรียนนักเลงช่างกลล่ะก็อาจจะมองว่าเป็น “ไอดอล” แต่สำหรับพ่อแม่คนแล้ว รับไม่ได้กับ “พฤติกรรมป่าเถื่อน” เช่นนั้น

เคยได้ยินไหมคำว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”

บางทีเพียงเราฟังแค่ “คำพูดจา” ก็สามารถตัดสินได้แล้วว่า คนๆนั้นเป็นคนประเภทใด

อย่างกรณีล่าสุด ข่าวที่ เต๋า กับพวกไปก่อคดี “ยำตีน” หนุ่มซ่อมโทรศัพท์มือถือกลางเมืองเชียงใหม่นี่ก็เหมือนกัน

แค่ภาพพจน์ที่ผ่านมาของเต๋าเนี่ย ก็ทำให้คนเชื่อ “คู่กรณี” ของ “เต๋า” ไปแล้วกว่าครึ่งทั้งที่ยังไม่สรุปว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ ยิ่งท่าทาง และคำพูดที่ดูแข็งกร้าว ก็ยิ่งทำให้ภาพพจน์ของ เต๋า ดูแย่ลงไปกันใหญ่


เอ้า มาดูข้อเท็จจริงของคดีนี้กัน

คืนวันเกิดเหตุ จากปากคำของสองฝ่ายตรงกันที่ว่า เต๋า กับพวกขี่รถช้อปเปอร์มาจอดรอสัญญาณไฟแดงอยู่ที่สี่แยกแอร์พอร์ต โดยมีรถเก๋งของคู่กรณีมาจอดจ่อกัน และสุดท้ายยังมีรถเก๋งแก๊งค์ของ เต๋า อีกคันนึง จากนั้นพอสัญญาณไฟเขียวปุ๊บ เต๋า ยังจอดแช่คุยกับเพื่อนไม่ขยับช้อปเปอร์ คนขับเก๋งคันหลังเลยบีบแตรไล่ นั่งเองเป็นชนวนให้ เต๋า พิโรธ คู่กรณีที่อยู่ในรถเก๋งเห็นท่าไม่ดี เพราะ เต๋า กับชาวแก๊งค์เดินล้อมกรอบเข้ามาที่รถ ก็เลยคว้าปืนปลอมออกมาตั้งใจจะขู่ ถ้าเป็นคนอื่น เห็นปืนยังไม่ทันเพ่งมองให้ชัดหรอกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ก็คงเปิดตูดเผ่นแน่บไปแล้ว

แต่นั่นไม่ใช่พระเอกนักบู๊ลูกผู้ชายตัวจริงสิงห์คะนองเมืองอย่าง เต๋า-สมชาย!!

เพราะ เต๋า พุ่งสวนเข้าไปหาปล้ำกอดต่อสู้แนบประชิดตัวจนแย่งปืนไปได้ แต่แทนที่ไอ้หนุ่มช่างโทรศัพท์คู่กรณีจะหยุดเพียงเท่านั้น มันกลับหันไปควักมีดพับดีดสปริงขึ้นมา ใบมีดคมกริบขาววับน่ากลัวเด้งออกมาทันที ซึ่งถ้าเป็นคนปกติก็คงตกใจจนเข่าอ่อนอีกน่ะแหละ

แต่ก็อย่างว่า ลูกผู้ชายอย่าง เต๋า-สมชาย ไม่ใช่คนประเภท “ใจเสาะ”

พอเห็นมีดคบกริบ เต๋า กลับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือ ก่อนจะจับสะบัด ฟาดๆๆ จนมีดหลุดจากมือของผู้ร้าย เอ๊ย ไอ้หนุ่มช่างซ่อมมือถือหลังจากหมดเขี้ยวเล็บที่ป้องกันตัวเองแล้ว ช่างหนุ่มที่นึกว่าตัวเองกำลังเล่นหนังบู๊ ก็ต้องเจอกับฉากแอ๊กชั่นในแบบฉบับของ ฉลอง ภัคดีวิจิตร


เพื่อนเต๋า คนหนึ่งลากคอช่างหนุ่มออกมาจากรถ

ก่อนจะเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นถนน จากนั้นก็ไม่รู้ว่ามียาทากี่คู่ต่อกี่คู่ที่พร้อมใจกันย่ำๆๆๆลงไปตามตัวและใบหน้า เหมือนประหนึ่งว่ากำลังเต้นแท็บ พลั่กๆๆๆ !!ใบหน้าของเหยื่อเมนู “ยำตีน” จึง “ยับเยิน” อย่างที่เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์นั่นแหละแต่รายละเอียดที่จะระบุว่าใครเป็นฝ่ายผิดหรือถูกจริงๆนั้น ไม่มีใครรู้หรอก นอกจากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายนั่นเอง

แต่ที่แน่ๆ ฝ่ายที่ “เสียหาย” นั้นย่อมเป็น เต๋า

เท่ากับไปย้ำภาพความเป็น “แบดบอย” ให้ชัดเข้าไปอีก !ทำให้นึกไปถึงข่าวที่บอกว่า มาช่า ไปชวน เต๋า มาเล่นมิวสิควีดิโอเพลง “ผู้ชายห่วยๆ” แต่ เต๋า ปฏิเสธไปว่า “ผมไม่ใช่ผู้ชายห่วยๆ เพราะคำนี้มันหมายถึงบ่มิไก๊ ผมเป็นผู้ชายเลวแต่ถ้าเป็นผู้ชายเลวๆผมจะเล่น” ฟังดูตอนแรกก็ขำๆนะ แต่มาเกิดเหตุการณ์นี้ก็ขำไม่ออกเหมือนกัน


เรื่องราวทำท่าจะลุกลามบานปลายไปกันใหญ่

เมื่อสื่อมีการลากเอา “มวลชน” มาอยู่ข้างของไอ้หนุ่มช่างซ่อมมือถือซึ่งเป็นลูกหลานเชียงใหม่โดยมีการระบุว่าชมรมฮาร์เล่ย์ฯบอยคอต เต๋า แถมยังชักชวนให้คนเชียงใหม่ให้แอนตี้ซึ่งหากลากข่าวยาวต่อไป เต๋า มีสิทธิ์สูงที่จะต้องหอบเอา “โรงเบียร์” กลับบ้านไป ทำมาหากินที่เชียงใหม่ไม่ได้

คู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างก็ตั้งทนายสู้ เรื่องทำท่าจะเป็นหนังม้วนยาว

แต่สุดท้ายกลับ “หักมุม” จบแบบ “แฮปปี้เอนดิ้ง” ในเวลาอันรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อเมื่อมีผู้กว้างขวางของเชียงใหม่ ออกมาเป็นกรรมการจับทั้งสองฝ่ายมาเจรจายุติศึก ก่อนจะเชิญสื่อมาถ่ายภาพและร่วมเป็นสักขีพยาน เรื่องของไอ้หนุ่มช่างซ่อมมือถือก็จบลงเท่านี้แหละ


แต่นิยายบู๊ของ เต๋า ยังคงดำเนินต่อไป

ถามว่าเหตุการณ์นี้เป็น “บทเรียน” ที่ทำให้ เต๋า จดจำมั๊ย ?เจ๊ขอฟันธงเลยว่า...ไม่ ! เต๋า บอกว่าจบเรื่องนี้แล้ว จะขอไปบวชอีกทีที่จ.เพชรบุรี เจ๊อยากบอกว่า ต่อให้โบสถ์ 3 โบสถ์ หรือ 10 โบสถ์ ก็ตาม ก็ไม่ทำให้คนมัน “เปลี่ยนแปลง” ได้หรอก ถ้าเขายังไม่ “รู้จักตน” ให้ดีก่อน เต๋า เคยดูตัวเองมั๊ยว่า ทำไมจึงเกิดเรื่องร้ายกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆ เจ๊ตอบแทนให้ก็ได้ว เพราะ “ไม่รู้ตักการควบคุมอารมณ์โกรธ” ปล่อยให้ตัวเองเป็น “ทาสของอารมณ์”  ขอเพียงแค่ เต๋า ท่องคาถานี้ให้ขึ้นใจ“อภัย อภัย อภัย อถัย อภัย…”ท่องเอาไว้ รับรองไม่เกิดเรื่อง !


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: นิตยสารทีวีอินไซต์

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์