บุ๋ม ยันสามี ไม่ใช่เกย์!

อดีตนางสาวไทย 'บุ๋ม-ปนัดดา' เปิดใจอีกรอบถึงสาเหตุรักร้าว ยันสามีไม่ใช่เกย์ ไม่ใช่ลูกแหง่


เพียงแต่ติดครอบครัวไปหน่อย เหมือนใช้ชีวิตคนละเส้นทางจนทนอยู่ต่อไปไม่ไหว ยันยังรักกันเหมือนเดิม ยอมรับเคยคิดจะหวนคืนดี แต่จะไม่กลับไปอยู่บ้านใหญ่อีกแล้ว ให้ทนายเจรจาเรื่องเงินค่าเลี้ยงดูลูกสาว


เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม ภายหลังเสร็จจากการทำหน้าที่พิธีกรรายการสด


'ร้านชำยามเช้า' ดาราพิธีกรสาวและอดีตนางสาวไทยปี 2543 'บุ๋ม' ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เปิดใจ 'ข่าวสด' กรณีแยกทางกับสามีนักธุรกิจหนุ่ม 'วี' วีระพงศ์ พิพิธสุขสันต์ โดย 'บุ๋ม-ปนัดดา' เปิดใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไร้ร่องรอยเศร้าหมองว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นหลายเดือนแล้ว เราพูดอะไรได้เยอะขึ้นเพราะทำใจได้แล้ว หลังจากมีข่าวบุ๋มได้คุยกับวี เขาไม่มีปัญหากับข่าวที่ออกมา เป็นเหตุผลที่ไม่ได้รุนแรงทั้งสองฝ่าย

แต่กับทางครอบครัวเขายังไม่ได้คุยกัน


'การที่เราแยกกันอยู่ เป็นการตัดสินใจของบุ๋มกับคุณวี เป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้ปรึกษาใคร และบุ๋มเองอยู่ในฐานะสะใภ้จะไปอะไรกับผู้ใหญ่มากไม่ได้ ส่วนครอบครัวบุ๋มรับรู้มาตลอด ปัญหาไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว เรื่องนู้นนิดเรื่องนี้หน่อย หลายๆ เรื่องมารวมกันเริ่มหนัก ด้วยบุคลิกบุ๋มเป็นคนตรง โผงผาง แต่กับเรื่องส่วนตัวบุ๋มเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมาก บุ๋มแคร์คนรอบข้างมากๆ กับเรื่องที่แยกกันอยู่ ช่วงหลังมีคนวงในรู้เรื่องมากขึ้น มีบางงานติดต่ออยากให้โชว์ตัว 3 คนพ่อแม่ลูก บุ๋มไม่รับ บางทีใช้วิธีเลี่ยง เลยทำให้มีข้อสังเกตว่าช่วงหลังๆ บุ๋มกับคุณวีไม่ได้ออกงานด้วยกัน แล้วคุณวีไม่ได้ไปรับบุ๋มเหมือนเคย'


ผู้สื่อข่าวถามเรื่องที่สามีถูกมองว่าเป็นลูกแหง่ติดครอบครัว พิธีกรสาวตอบว่า

'เขาไม่ใช่ลูกแหง่ เพียงแต่ว่าเขาต้องทำงานเลี้ยงดูครอบครัว ทำงานฝั่งเขา บุ๋มไปทำให้เขาไม่ได้ บุ๋มยังต้องทำงานในวงการ งานเราเลยเป็นคนละทางกัน บางทีกลับถึงบ้านเขาหลับแล้ว เราตื่นไปทำงานเขายังไม่ตื่น เจอกันเหมือนไม่ได้เจอ บางทีเป็นวันหยุดของเขา แต่เป็นวันทำงานของเรา อย่างว่ามันเป็นเหมือนเวรกรรมของคนทำงานวงการอย่างหนึ่ง คือถ้าเขาและครอบครัวเขาไม่เข้าใจจริงๆ ยากนะที่จะมีใครอยู่กับเราได้ เพราะเราทำงานไม่เป็นเวลา'



ครอบครัวฝ่ายชายมีส่วนทำให้ตัดสินใจแยกกันอยู่หรือไม่ บุ๋ม-ปนัดดา กล่าวว่า


'จะบอกว่าไม่มีส่วนเลยมันไม่ใช่ มีส่วนบ้างแต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะถ้าคนเรายอมเสียสละกันทั้งหมดมันคงฝ่าฟันอะไรไปได้ แต่บุ๋มยังรักงานที่ทำอยู่ ไม่อยากทิ้งงานที่เรารัก ต้องยอมรับว่าบุ๋มเป็นผู้หญิงทำงาน และอยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตส่วนตัวหรือพื้นที่ส่วนตัวบุ๋มต้องมีไว้ ถ้าไปทำงานบุ๋มทำเต็มที่ แต่เมื่อกลับบ้าน บ้านก็ต้องเป็นที่ส่วนตัวสำหรับเราบ้าง

แต่บ้านที่บุ๋มอยู่กับคุณวีเป็นครอบครัวใหญ่

บุ๋มบอกปัญหากับคุณวีแล้ว แต่เราเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ ทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวคุณวีไม่ได้ขออะไร ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป เรื่องไหนอดทนได้ก็อดทน เรื่องไหนอดทนไม่ได้ก็ไม่ต้องอดทน นิสัยบุ๋มเป็นแบบนี้'


ต่อข้อถามว่า ความเป็นสาวมั่นมีส่วนทำให้แยกทางกันหรือไม่ บุ๋มตอบว่า '

ไม่ใช่ค่ะ มันเป็นเรื่องของครอบครัว บุ๋มแคร์ทุกคนมากเกินไป แบกความรู้สึกตนเอง ความรู้สึกของคนที่บ้านเขา คนทางบ้านเรา เลยรู้สึกว่าทำไมเราเหนื่อยขนาดนี้ เหมือนทำคนเดียว ทั้งๆ ที่คุณวีพยายามช่วย แต่ช่วยเต็มตัวไม่ได้ เพราะยังต้องดูแลครอบครัวของเขาอยู่ บุ๋มก็ต้องดูแลครอบครัวของเรา ต่างคนต่างดูแลคนละฝั่ง จนรู้สึกทำไมเหนื่อยจังเลย ถอยออกมาก่อนดีไหม เหนื่อยอย่างนี้มันไม่ไหว พอแยกออกมา วันนี้บุ๋มได้ทำงานเต็มที่ หลั่นล้ามาก กลับบ้านมาเจอลูกได้อยู่กับตัวเอง'



อดีตนางสาวไทย กล่าวต่อว่า


ปัญหาเริ่มปะทุตั้งแต่ช่วงบุ๋มท้อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่บุ๋มเป็นคนไม่เคลียร์ เลี่ยงได้คือเลี่ยง อดทนได้ก็อดทน แต่พอสะสมหลายๆ เรื่องมาทับถมกัน เริ่มทนไม่ไหวเลยระเบิด เราพยายามนั่งคุยกันด้วยเหตุผล ทะเลาะกันบ้าง ถึงขั้นรุนแรงก็มีจนมาถึงจุดที่ ไม่อยากทะเลาะแล้ว คุยกันดีๆ ดีกว่า ในวันที่เราตกลงกัน เราไม่มีอารมณ์โกรธเลย เป็นเรื่องที่เสียใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย'

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวลือว่าสามีเป็นเกย์ บุ๋มเผยว่า

'มีข่าวนี้มาตั้งแต่ก่อนบุ๋มท้อง อาจเป็นเพราะคุณวีเป็นคนที่ดูเรียบร้อย บุ๋มแต่งงานกับเขามา เขามีลูกได้นะ ไม่น่าเป็นเกย์' ส่วนที่ว่า ฝ่ายชายไม่ได้ช่วยดูแลลูกสาวเท่าที่ควร คุณแม่คนสวยเผยว่า 'ผู้ชายแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเขาจะเห่อลูกไม่สนใจเมียเลย บางคนสนใจเมียอย่างเดียวไม่เห่อลูก แต่ในความรู้สึกของบุ๋ม ลูกต้องมาก่อน แต่เมื่อความต้องการของเราไม่ตรงกัน เลยไปด้วยกันไม่ได้'


เมื่อถามถึงโอกาสที่จะกลับมาเป็นคู่ชีวิตกันอีกครั้ง บุ๋มกล่าวว่า

ยืนยันได้ว่าเราไม่ได้เกลียดกัน เราจากกันด้วยดี เราคุยกันดีๆ ถามว่าเขาอยากมาอยู่คอนโดไหม เขาอยากมาอยู่ แต่ด้วยความรับผิดชอบงานและครอบครัวของเขา เขาต้องอยู่บ้านของเขาต่อไป เลยเหมือนว่าเราแยกกันอยู่สักระยะหนึ่ง ถามบุ๋มว่าอยากกลับไปอยู่ที่บ้านเขาไหม บุ๋มไม่กล้ากลับไป เพราะเราออกมาแล้ว ส่วนที่ถามว่ามีโอกาสกลับไหม เราอยากกลับกันทั้งคู่ ยังรักกันอยู่ แต่ถ้าเรากลับไปเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ ที่บุ๋มมองไว้คือ อยากมีบ้านหลังใหม่ ลูกจะได้มีพื้นที่วิ่งเล่น



ผู้สื่อข่าวถามถึงค่าเลี้ยงดูลูก ปนัดดา กล่าวว่า


ยังไม่ได้ระบุจำนวน ที่ผ่านมาเขาส่งเป็นรายเดือน รายละเอียดต้องให้ทนายเป็นคนจัดการ ต่อข้อถามว่า หวั่นลูกสาวได้รับผลกระทบหรือไม่ บุ๋ม เผยว่า 'ไม่กลัว บุ๋มเองเห็นหลายครอบครัวที่อยู่ด้วยกันแต่ทะเลาะกันทุกวัน แต่อย่างนี้พอยังไปมาหาสู่ลูกได้ พ่อแม่ไม่ได้ทะเลาะกัน ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง และพ่อแม่เองก็ดูแลลูกเต็มที่ ลูกน่าจะเข้าใจ กว่าเขาจะโตเขาคงรับรู้อะไรได้เยอะ ในวันนี้สำหรับบุ๋มถือว่าเราตั้งสติได้ และคิดอะไรกับมันได้เยอะ ยอมรับว่าตอนแรกร้องไห้หนักมาก แต่เมื่อร้องเสร็จ ออกไปทำงานเราก็ต้องไม่ร้องแล้ว'


ถามถึงเรื่องสินสอดทองหมั้น คุณแม่ลูกหนึ่งเผยว่า

'เราไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ดังนั้นบุ๋มไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรจากเขาอยู่แล้ว ส่วนสินสอดแต่งงาน และของหมั้นตามธรรมเนียมตามกฏหมายเป็นของฝ่ายหญิง แต่อย่างบ้านอย่างรถที่เขาซื้อมันเป็นของเขา เพราะเราไม่ได้จดทะเบียนสมรส และเขาซื้อในนามกงสีเป็นของตระกูล' ส่วนที่ไม่จดทะเบียนเพราะเขาบอกว่าด้วยรูปแบบงาน ด้วยธุรกิจของเขา อย่าจดเลยดีกว่า เป็นคำพูดของเขาเอง ซึ่งบางทีที่บุ๋มออกงาน เจอนักข่าวชอบเปลี่ยนนามสกุลให้บุ๋ม ก็พยายามอธิบายว่า บุ๋มยังใช้วงศ์ผู้ดีอยู่


อยากจะบอกว่าที่บุ๋มเข้มแข็ง กลับมาทำงานได้เร็ว

ออกมาทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นเพราะว่าครอบครัวบุ๋มให้กำลังใจเยอะมาก ทั้งที่ตอนแรกคิดหนักมาก คิดทั้งในเรื่องของความรู้สึก ถ้ามีข่าวออกมาเราจะเป็นยังไง ซึ่งเราเองก็โดนข่าวหนักๆ ในชีวิตมาเยอะแล้ว ถ้าจะมีอีกสักข่าวจะเป็นอะไรไหม คุณแม่บุ๋มท่านก็ให้สติว่า ถ้ามัวมานั่งเครียด นั่งทนเก็บกด คนที่จะทุกข์ที่สุดก็คือตัวบุ๋มนะ

ถ้าสังเกตจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่บุ๋มดูเบลอๆ

แต่เมื่อคิดได้ว่าชีวิตเรายังต้องก้าวต่อไปข้างหน้า อยู่เพื่อลูกให้ได้มากที่สุด ก็เลยตัดสินใจที่จะแยกออกมาอยู่ลำพังแม่ลูกดีกว่า' บุ๋ม กล่าว และว่า กับข่าวในวันนี้บุ๋มเองต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ที่เราต้องเผชิญเพราะเราเป็นคนในวงการ เราพยายามที่จะไม่ให้ข่าวเปลี่ยนแปลงประเด็นมากนัก ก็แค่แยกกันอยู่ ไม่ได้เกลียดกัน และไม่ได้กีดกันไม่ให้เขามาเจอลูก

ต่อข้อถาม 2 เดือนก่อนยังเห็นฝ่ายชายไปดูแลบุ๋มอยู่ที่กองละคร บุ๋มรับว่า

'ใช่ค่ะ เขายังดูแลเราอยู่ ยังเจอกัน ไม่ได้เกลียดกัน เพียงแต่ว่าสิ่งแวดล้อมข้อบังคับของชีวิตเขากับบุ๋มไปด้วยกันไม่ได้ ส่วนที่หลายคนกลัวว่าจะมีคนใหม่เข้ามาจีบเพราะด้วยความที่เราเป็นสาวมั่น สาวทำงาน บุ๋มบอกว่าจะเป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงลูกหนึ่ง ลูกก็เพิ่งขวบกว่าๆ อะไรจะง่ายขนาดนั้น ตอนนี้เรายังคุยกันอยู่เรื่อยๆ ทางโทรศัพท์ และคงทำใจไม่ได้ถ้าอีกฝ่ายจะมีคนใหม่ คงเป็นความรู้สึกเสียดายของคนที่เคยรักกันมากกว่า ไม่ใช่ว่าหึงหรือหวง ใจจริงบุ๋มเองก็ยังอยากที่จะกลับไปอยู่ด้วย'

อดีตนางสาวไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า

'ที่บุ๋มออกมาพูด ไม่ใช่เพราะอยากประจานตัวเอง แต่ไม่อยากให้สื่อเขียนเกินเลย เรื่องเป็นยังไงบุ๋มก็พูดให้สัมภาษณ์ไปอย่างนั้น และบุ๋มอยากให้เรื่องนี้จบ เพราะบุ๋มคำนึงถึงความรู้สึกของลูกสาว น้องอันดามัน มากกว่าใคร'



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์