โจ้-ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนและกลยุทธ์ บริษัท ช.การช่าง หนุ่มหล่อหน้าใหม่ไฟแรงแห่งปี
กรี๊ดดดังๆ กับตัวตนนอกจอของ โจ้ ช.การช่าง กรรมการรับเชิญ the face 2
โจ้-ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนและกลยุทธ์ บริษัท ช.การช่าง หนุ่มหล่อหน้าใหม่ไฟแรงแห่งปี
"ตอนที่อยู่นิวยอร์กก็หางานด้วยตัวเอง ผมคิดว่าครั้งหนึ่งเราต้องลองสู้ชีวิตด้วยตัวเองสักครั้งว่าเราจะไปได้ไกลขนาดไหน เพราะคุณพ่อคุณแม่อุตส่าห์ส่งเราไปเรียนอเมริกาจนจบปริญญาโท ถ้าเราไม่ได้ความรู้ที่จะทำให้เรายืนได้ด้วยตัวเองก็เหมือนเราเสียเวลาเรียนไปเปล่าๆ"
โจ้-ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนและกลยุทธ์ บริษัท ช.การช่าง หนุ่มหล่อหน้าใหม่ไฟแรงแห่งปี เผยถึงความคิดในช่วงชีวิตหนึ่ง ที่ทำให้เขาตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกานานถึง 16 ปี เพื่อเรียนรู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตในการทำงานกับบริษัทใหญ่ ก่อนที่จะกลับมาช่วยกิจการครอบครัวต่อ
โจ้ไปเรียนต่อที่สหรัฐตั้งแต่มัธยมปลาย หลังเรียนจบปริญญาตรีก็สอบชิงทุนเรียนต่อจนจบปริญญาโทด้านการเงินที่อเมริกา ตอนนั้นเขาเลือกที่จะเรียนจนจบปริญญาเอกก็ทำได้ แต่อยากใช้เวลาในการเก็บประสบการณ์ทำงานเพื่อพิสูจน์ว่าสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาทางบ้านมากกว่า จึงเริ่มงานทำในบริษัทการเงินที่นิวยอร์ก ทำอยู่ประมาณ 6 ปีจนคิดว่าตัวเองได้ความรู้มากพอ อีกทั้งตัวเขาเองก็อาศัยอยู่ต่างประเทศมาประมาณ 16 ปีคงถึงเวลาที่ต้องกลับมาช่วยงานที่บ้าน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้บริหารหุ่นหล่อล่ำขนาดนี้ถึงเพิ่งปรากฏตัวต่อสาธารณชนคนไทย
"พอมาถึงเมืองไทยคุณพ่อไม่อยากให้ผมเข้ามาอยู่ในตำแหน่งบริหารทันที เพราะผมมีพื้นฐานจากบริษัทด้านการเงินมาก่อน ไม่มีความรู้และประสบการณ์วิศวโยธา งานแรกที่ผมกลับมาเมืองไทยก็คือส่งไปคุมงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง คุมได้ 1 ปีก็ไปดูสายสีเขียวต่อซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้เราได้เรียนรู้ระบบการทำงานครบทุกกระบวนการ ซึ่งมีรายละเอียดหลายอย่างที่เราต้องมานั่งดู
เหมือนกับเราต้องกลับมาเรียนรู้ระบบการทำงานใหม่ทุกอย่าง ซึ่งผมคิดว่าเป็นการท้าทายความสามารถอย่างมาก ตอนทำงานสายการเงินผมมีความสุขอยู่กับตัวเลข ผมเป็นคนชอบคณิตศาสตร์ ชอบการคำนวณมาตั้งแต่เด็ก เวลาที่ได้ทำงานกับตัวเลขทำให้ผมมีความสุข แต่พอคุมงานก็เป็นความสุขในอีกแบบที่เป็นการทำงานนอกออฟฟิศ ทำให้เราได้เดินทางไปดูงานสถานที่ต่างๆ พบปะติดต่อทางธุรกิจ ได้เห็นว่าบริษัทของคุณพ่อ ท่านสร้างสะพานแขวน รถไฟฟ้าลอยฟ้า สร้างสิ่งต่างๆ ที่มีส่วนในการพัฒนาประเทศ ผมถือว่าเป็นช่วงที่ผมต้องเรียนรู้งานต่างๆ อีกมากจากคุณพ่อและพี่สาว เพื่อพร้อมรับกับการทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้นในอนาคต" ผู้บริหารหนุ่มหล่อเล่าถึงการทำงาน ซึ่งเขารู้สึกสนุกกับการทำงานที่หลากหลายมากขึ้น เมื่อเทียบกับการทำงานที่อเมริกา
เพราะที่เมืองไทยนอกจากจะช่วยงานคุณพ่อแล้ว เขายังมีโอกาสได้รับงานถ่ายแบบนิตยสาร โฆษณาหลายชิ้นที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็คือ เอสบีเฟอร์นิเจอร์ ช็อกโกแลตแฟร์เรโร รอชเชอร์ โจ้เล่าต่อด้วยแววตาสดใสว่า เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราจะได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง ผมถือว่าเป็นสีสันไม่ได้คิดรับงานจริงจังอะไรมาก แล้วแต่จะมีคนติดต่อมา ผมก็ต้องดูว่างานที่จะรับนั้นมีความเหมาะสมหรือเปล่า เพราะเราเองก็มีภาพลักษณ์เป็นถึงผู้บริหาร อาจมีผลต่องานบริหารในอนาคตได้
แรกๆ ที่กลับมาอยู่เมืองไทยผมยังติดนิสัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า นั่งแท็กซี่ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ก็อาศัยแอพในไอโฟน ผมถือว่าขาดไม่ได้เลยในการใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ในการหาสถานที่ต่างๆ แล้วแอพนี้จะบอกได้ว่าเราต้องเดินทางด้วยรถเมล์สายอะไรต่อรถไฟฟ้าสายไหน
เรียกได้ว่าตอนอยู่ใหม่ๆ นี่ขาดไอโฟนไม่ได้เลย แต่พอเริ่มเดินทางบ่อยขึ้น ไกลขึ้น ถี่ขึ้น เพราะต้องวิ่งดูงานหลายที่ ต้องขับรถเองก็ต้องใช้ไอโฟนนำทางอีก กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผมไปแล้ว ขาดไปนี่อาจจะถึงขั้นทำงานไม่ได้เลยทีเดียว เพราะทั้ง อีเมล รูปภาพไซต์งาน กลุ่มแชตเพื่อน และแอคเคาต์ติดต่องานอยู่ในนี้หมด
"ผมว่าเทคโนโลยีทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ประหยัดเวลาในแต่ละวันได้ถึง 2 ชั่วโมง ไม่เสียเวลาไปกับการเดินทางที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องรอว่าจะต้องมาตอบอีเมลที่เครื่องโน้ตบุ๊ก หรือเสียเวลาไปกับการหลงทาง เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่คนรุ่นปี ค.ศ.1980 เติบโตมากับเครื่องเล่นเกมแฟมมิคอม เพลย์สเตชัน กับเทคโนโลยีในยุคแรกๆ จะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในสังคม ทำให้เห็นว่าการเล่นเกมเป็นแค่เรื่องความบันเทิงธรรมดาในบ้านยุคใหม่ และการใช้เทคโนโลยีในการทำงานไม่ใช่เรื่องไร้สาระของเด็กๆ อีกต่อไป
เพราะทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีขับเคลื่อนสังคมโลกในทุกด้านให้เป็นหนึ่งเดียวจริงๆ" โจ้เสนอมุมมองเทคโนโลยีส่วนตัวถึงเทคโนโลยีในปัจจุบัน ที่เข้าถึงทุกคนไม่ว่าจะอยู่ระดับใดในสังคม
https://www.facebook.com/teeneedotcom