“แมน การิน” ฉะ ! “แพท ณปภา” อย่าเอาเรื่องเงินมาโจมตี ลั่นต้องปิดบริษัทให้เรียบร้อย

หลังจากเกิดเรื่องราวมีปัญหากันมานานหลายเดือน ระหว่างแพท ณปภา ตันตระกูล นางเอกช่อง 3 และ แมน การิน ดาราหนุ่ม ที่ร่วมกันเปิดคลินิกเสริมความงามย่านสาทร

แต่ล่าสุดแพทได้แตกคอในการทำคลินิกเสริมความงามที่ร่วมกับ แมนการิน เรียบร้อยแล้ว

เรื่องราวดังกล่าวมีความเป็นไป เป็นมา ที่ค่อนข้างยาว โดย แมน การิน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนอยากให้จบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดและไม่อยากให้มีข่าวออกมาแล้ว ไม่ว่าแพทจะสัมภาษณ์อะไร เพราะตนไม่ต้องการความขัดแย้ง 

เพราะตอนนี้ต่างคนต่างอยู่แล้ว เนื่องจากตนกับแพท ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน ตนก็งงว่าทำไมเขาจึงบล็อคทั้งไลน์  เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม โทรศัพท์ ช่องทางการติดต่อสื่อสารทุกอย่างระหว่างตนกับแพท   

“ผมมองว่าเรื่องคลินิกเสริมความงามที่แพททำในตอนนี้ ( ย่านสุขุมวิท ) ที่เขาใช้ชื่อเดิมก็น่าจะรุ่ง ผมไม่ได้ว่าอะไรเรื่องชื่อคลินิก อยากให้เขาประสบความสำเร็จมากๆ ขยายสาขาเยอะๆ ร่ำรวย มีงาน มีเงิน 

เพราะผมเห็นใจเขา ผมไม่โกรธที่เขาจะออกมาให้ข่าวต่างๆ นานาที่ไม่เป็นความจริง แต่สิ่งเดียวที่ผมต้องการคืออยากให้เคลียร์เรื่องที่ยังคาราคาซังให้จบ” แมน กล่าวกับ ผู้สื่อข่าวโดดเด่นดอทคอม   

แมน การิน กล่าวต่อว่า เรื่องของคลินิกเสริมความงามที่เราลงทุนด้วยกันทั้งหมด 4 คน มีตน แพท  เกล ( แฟน แมน การิน )  และพี่อีกหนึ่งคนนั้น ในระยะเริ่มแรกธุรกิจดีมากมีคนไข้เข้ามาใช้บริการอย่างหนาแน่น ได้กำไรดี

แต่ทั้งนี้ พอมาปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่ก็ทำให้ธุรกิจทรุดลงเรื่อยๆ ผลประกอบการไม่ดี รวมทั้งทำเลที่ตั้งก็ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นตนจึงอยากจะยุติธุรกิจและถอนตัวออกมา แต่แพทก็บอกว่าอยากจะทำต่อ ตนก็พยุงธุรกิจไปอีกเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม พอธุรกิจเริ่มไปไม่ไหวตนก็อยากให้เลิก แต่แพทไม่เลิก ซึ่งตนก็ดำเนินการทำให้ถูกต้องทุกประการ โดยการถอนหุ้นของตนและเกล และในเมื่อถอนหุ้นออกมา ตนก็ต้องได้ในสิ่งที่ลงทุนไปเท่านั้น ไม่ได้อยากจะได้ส่วนอื่นๆ เลย

แต่แพทอยากให้ตนถอนหุ้นออกมาอย่างเดียวโดยที่ไม่ต้องนำสิ่งที่ลงทุนออกมาด้วย ซึ่งตนมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะเครื่องมือแต่ละอย่างก็มีราคาสูง และเป็นสิ่งที่เราลงทุนทำมาด้วยกัน  

ส่วนกรณีที่แพทบอกว่าตนต้องการเงินและพูดในทำนองว่าตนไม่ได้ผลประโยชน์นั้น เรื่องนี้ตนค่อนข้างซีเรียสเพราะเรื่องเงินไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เนื่องจากตนทำธุรกิจอื่นๆ อยู่แล้ว การที่ออกมาพูดเรื่องเงินทำให้ตนเสียหายมาก

รวมทั้งตนอยากให้แพทปิดบริษัทเดิมที่ตนมีชื่ออยู่ด้วยเพราะคลินิกใหม่ที่แพทไปเปิดย่านสุขุมวิทนั้น ตนเกรงว่าหากสมมุติมีปัญหาเรื่องการทำหน้าคนไข้ หรือ หากเกิดสิ่งใดก็ตาม ตนในฐานะหุ้นส่วนบริษัทต้องร่วมรับผิดชอบด้วย

ซึ่งทางที่ดีทำให้เรียบร้อยปิดบริษัทเดิม แล้วไปเปิดใหม่เป็นชื่อแพทกับคุณหมอที่แพทการันตีบอกว่าดี เก่ง ทุ่มเท่ทำงาน  ซึ่งก็ขอให้โชคดี ร่ำรวยกันนะครับ และเราก็สามารถร่วมงานกันได้ เพราะแพทเก่งเรื่องความงาม ศัลยกรรม ส่วนผมไม่ได้ทำด้านนี้แล้ว เราจึงพูดคุยกันได้เสมอ”