ผู้พันเบิร์ด นายทหารหนุ่มใหญ่ลุคอบอุ่น! ยกให้เลย..แฟมิลี่แมนตัวพ่อ!!!

โดยในภาคนี้เจ้าตัวถึงกับยิ้มแก้มปริ เพราะได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากกว่าภาคที่แล้ว แถมรายได้ยังพุ่งทะยานจนฉุดไม่อยู่อีกด้วย.

" กระแสตอบรับของภาคนี้ ดีกว่าภาคที่แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าคนไม่ทราบมาก่อนว่าภาคนี้จะได้เห็นอะไรบ้าง จะได้เจออะไรบ้าง เมื่อคนเข้าไปดูแล้วก็จะรู้สึกได้ว่ามันไม่มีการคาดหวังมาก่อน เพราะฉะนั้นกระแสตอบรับดีกว่าสำหรับคนที่เข้าไปดูแล้วนะครับ เพียงแต่ความตื่นตัวที่จะเข้าไปดูไม่ค่อยกระตือรือร้นกว่าภาคที่แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าภาคที่แล้วเราโชว์ความยุทธหัตถี หมายถึง ชนช้าง คนก็ต้องการที่จะเข้าไปดูฉากชนช้าง

 เมื่อเข้าไปดูแล้วมันก็อาจจะมีคนที่ชอบบ้างไม่ชอบบ้างสำหรับภาคที่แล้วด้วยเหตุผลที่ว่าฉากมันอาจจะเขียน CG ไม่เหมือนบ้างอะไรทำนองนี้ แต่เสียงตอบรับของเนื้อหาภาพยนตร์ภาคนี้ดีกว่าแต่เงียบกว่า เพราะว่าคนไม่รู้ว่าจะไปดูอะไร บางคนก็ตัดสินใจไม่ค่อยเข้าไปดู แต่รายได้ดีกว่าภาคที่แล้วเพราะว่าคนไปดูแล้วอาจจะบอกต่อ แล้วก็พอเข้าไปดูแล้ว ด้วยความที่ใช้ CG ไม่มากเท่าไหร่ แล้วคนไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่าจะดูฉากอะไรเขาก็จะดูตามเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นว่า คนที่เข้าไปดูแล้วจะบอกว่า ชอบกว่าภาคที่แล้ว "

" กับท่านมุ้ยก็แล้วแต่ท่านมุ้ยท่านจะสร้างอะไร แต่ก็คิดว่าท่านก็คงจะสร้างอยู่นะ ท่านก็คงอยากจะสร้างต่อไป แล้วก็ผมก็คงจะอยู่ในหนังของท่านไปตลอด แต่คราวนี้จะเป็นสมัยใหม่มากขึ้น หรืออาจจะเป็นเรื่องที่ท่านมุ้ยเคยทำในสมัยก่อนที่ผ่านมา ท่านมุ้ยจริงๆ ท่านชอบสร้างเรื่องราวของคนเล็กๆ ในสังคม เพราะดูจากผลงานที่ผ่าน นอกจากเรื่องสุริโยทัย และพระนเรศวร ซึ่งกินเวลาชีวิตการทำหนังของท่าน ทำให้ท่านหายจากการสร้างสิ่งที่ท่านรักไป 20 กว่าปี ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องมาสร้างหนังใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งเป็นไฟต์บังคับด้วยเป็นพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ทำเรื่องสุริโยทัย แล้วก็ทำเรื่องพระนเรศวรต่อ

แต่โปรเจ็คที่ท่านจะทำต่อไปเร็วๆ นี้ ก็จะเป็นหนังเล็กๆ ของคนๆ หนึ่ง ตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมา ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น นี้ก็เป็นหนังเล็กๆ คนหนึ่ง เสียดาย ก็เป็นหนังเกี่ยวกับยาเสพติด คนเลี้ยงช้างก็เกี่ยวกับหนังการตัดไม้ทำลายป่า มือปืนสาละวิน จะเป็นเรื่องของคนๆ หนึ่งที่อยู่ในสังคม และเร็วๆ นี้ที่กำลังจะทำอยู่ก็จะเป็นเรื่องหนังกลางแปลง ซึ่งจะเป็นเรื่องเหมือนวาระสุดท้ายของหนังกลางแปลงที่มันเริ่มหายไปจากสังคมไทย เป็นคนๆ หนึ่งที่ตัดต่อหนัง ฉายหนังเร่ตามชุมชนต่างๆ อันนี้คือท่านก็เริ่มทำแล้ว จะใช้เวลาสร้างเรื่องนี้ประมาณสัก 2 เดือนก็เสร็จครับ "

ส่วนผลงานในวงการบันเทิงอื่นๆ ล่าสุดก็ยังเป็นละครของพ่อท่าน เรื่องแหวานทองเหลืองซึ่งจบไปแล้ว แล้วก็จะมีละครของช่องนี้อีกนะครับ ที่กำลังถ่ายทำอยู่ หนังนี้จริงๆ ปฏิเสธไปหลายเรื่องด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีเวลา คือวันธรรมดาผมก็ทำงานตามปกติ แต่พอเสาร์-อาทิตย์ก็จะไปถ่าย พอเวลารับละครไปแล้ว ก็ไม่สามารถจะแทรกอะไรอื่นได้แล้ว จันทร์ถึงศุกร์ก็ต้องไปทำงานตามปกติ แล้วก็ถามว่าชีวิตจริงๆ ของผมเองนี้ ก็ยังทุ่มเทให้กับงานราชการทางทหาร 100% เหมือนเดิม นอกจากเสาร์-อาทิตย์มีงานทางราชการก็ต้องปฏิเสธทางกองละคร "

เห็นงานยุ่งขนาดนี้ ใช่ว่าจะทำให้ชายชาติทหารของเราย่อท้อละทิ้งงานแสดง เพราะ "ผู้พันเบิร์ด" ยืนยันหนักแน่นว่ายังติดใจงานสายบันเทิง ที่สามารถช่วยเกื้อหนุนงานทางราชการได้อย่างดีทีเดียว

" จะอยู่ในวงการต่อไปหรือเปล่ายังอยู่ต่อไป สิ่งที่ยังต้องอยู่ต่อเพราะว่าเมื่อเราอยู่ในกระแสของสื่อทางบันเทิงก็จะมีโอกาสได้บอกกล่าว หรือพูดคุยกับประชาชนได้ง่าย มีโอกาสที่จะได้พูดถึงงานทางทหารเพิ่มเติมด้วย เลยจำเป็นต้องอยู่ในกระแสต่อไป หรือแม้กระทั่งการเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนในภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการความร่วมมือจากประชาชนก็เหมือนกับเอาดาราไปคนก็จะสนใจ ทีนี้ตัวเราเองไปทำหน้าที่ของเราด้วย แล้วก็เป็นนักแสดงด้วยอยู่ในจอที่คนยังเห็นอยู่ เขาก็เริ่มจะมาฟังกันบ้างอะไรอย่างงี้ เพราะฉะนั้นมันจะเป็นงานทางการแสดงของผมถือว่าเป็นงานสนับสนุนงานทางการทหาร

ส่วนงานที่ยุ่งๆเหล่านี้ จะมีกระทบกับชีวิตส่วนตัวบ้างไหม ก็มีบ้าง อย่างถ้าผมต้องเดินทางไปสนามบินก็ต้องเดินทางไปเร็วหน่อยเพราะว่าเผื่อเวลาถ่ายรูป (อมยิ้ม) เพราะบางทีถ้าเกิดเรารีบแล้วมันไปไม่ทันเฉียดฉิวจริงๆ คนเขาก็อยากถ่ายรูปกับเรา แล้วเราไม่ๆๆๆ เดี๋ยวผมตกเครื่องแล้วไม่ทัน เขาก็จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะฉะนั้นวิธีการก็คือยอมที่จะไปเร็วขึ้นแล้วก็ปล่อยให้เขาถ่ายรูปสบายๆ ไป ก็มีแบบนี้บ้าง ส่วนชีวิตส่วนตัวอื่นๆ ก็ไม่มีผลกระทบอะไรเพราะว่าดำเนินชีวิตตามปกติ "

" ไม่มีครับ เพราะว่าผมก็ถือโอกาสเป็นประสบการณ์ให้กับครอบครัวด้วยลูกด้วย เช่น ปัจจุบันมานี้ ผมเดินทางไปกลับนครนายกทุกวันเพราะว่าทำงานอยู่ที่โรงเรียนนายร้อย นอกจากบางวันไม่ไปกลับก็จะพาลูกไปด้วย ไปนอนที่โรงเรียน และเมื่อทำงานที่นั้นก็พาลูกไปดูโรงเรียนนายร้อยก็บรรยากาศก็ดี ก็ถือโอกาสนี้ไปเลย หรือแม้กระทั่งเข้าไปในกองละครก็บางครั้งก็พาลูกไปด้วย แฟนไปด้วย ก็ไปดูวิธีการทำงาน ดูความวุ่นวาย หรือว่าเสียงโหวกเหวกโวยวายในกองละครก็ไปตามนั้น หรือแม้กระทั่งอาจจะมีงานอีเว้นท์บางงานที่ต้องไปก็พาไป เราไม่ได้ห่างกันเลยครับ แล้วก็ทุกวันหยุด ถ้าไม่มีถ่ายละครก็จะอยู่ด้วยกันตลอด ส่วนน้องจะมีแนวโน้มเดินตามรอยพ่อเข้าวงการบันเทิงไหม ต้องอยู่ที่เขาว่าโตขึ้นแล้วจะชอบหรือเปล่า ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ "

ยืนยันความเป็น "แฟมิลี่แมนตัวพ่อ" อีกอย่างของ "ผู้พันเบิร์ด" ที่จะมีการสรรหากิจกรรมทำร่วมกันกับครอบครัวไม่ได้ขาด

" กิจกรรมที่ทำร่วมกัน ส่วนมากก็ไปเที่ยวตามสวนสัตว์พิพิธภัณฑ์ ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปทะเล ส่วนเรื่องของกีฬา มีอยู่เรื่อยๆ ครับ เพราะว่าผมเองก็ยังเล่นกีฬาให้กับกองทัพอยู่ เล่นเทนนิส ก็จะพาลูกเกี่ยวไปด้วยตลอด แล้วก็ไปให้เขาเห็นให้เขาดู ที่บ้านก็มีไม้เทนนิสให้เขา มีลูกเทนนิสแขวนไว้ให้เขาตี คือที่ผมวางแผนให้เขาเล่นกีฬาเทนนิสเพราะว่าผมเองก็ชอบเล่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพียงแต่ว่ากีฬาที่เสริมให้เขาเป็นกีฬาทุกประเภทหมายความว่า ผมต้องการให้ลูกชายในช่วงวัยนี้มีการเคลื่อนไหวเป็นหลัก มีการพัฒนากล้ามเนื้อเป็นหลัก มีการเคลื่อนที่ การใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็กของเขาเอง และความสัมพันธ์ของสมอง ความสัมพันธ์ของสายตา การกะระยะของมือ ของเท้า การเดินหน้าถอยหลัง เพราะฉะนั้นผมเลยให้พื้นฐานในปัจจุบันนี้ ในเรื่องของการเคลื่อนที่เป็นหลัก เพราะฉะนั้นกีฬาทุกประเภทที่เข้ามาใส่ให้เขาก็เป็นกีฬาแบบง่ายๆ เช่น เทนนิส ก็ให้เขากะระยะลูกที่มาถึงแล้วก็เคาะ ใช้ไม้ตีได้ หรือลูกฟุตบอล ให้เขาวิ่งและเตะได้ หรือโยนลูกให้มันกระทบผนัง พาไปว่ายน้ำ หรือให้เขาวิ่งก็ถือเป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวเป็นหลัก

เห็นครอบครัวอบอุ่นขนาดนี้ ใช่ว่าจะไม่มีโครงการเพิ่มทายาทตัวน้อย เพราะงานนี้ผู้พันถึงกับออกปากว่าอยากได้ "ลูกสาว" เพิ่มแล้ว!

" ก็วางแผนจะมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แต่ก็คอยมาเกือบน่าจะเกือบปี ไม่สำเร็จๆ ก็เลยว่าจะใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ครับ ปีนี้แหละครับ จริงๆแฟนเคยตรวจเหมือนเจอว่าท้องแล้ว แล้วพอหลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งก็หลุดไป เศร้าไหมตอนนั้น ก็ไม่นะครับ ปกติ "

สุดท้ายกับข้อคิดเล็กๆในการดำเนินชีวิต

" ผมเองเป็นคนที่เดินทางสายกลาง คือไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองดีใจมาก เรื่องที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเดี๋ยววันหนึ่งมันก็ผ่านไป เหมือนกันเหมือนเรื่องที่เรารู้สึกไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่ได้ตามสิ่งที่ต้องการ เหมือนวันหนึ่งมันก็จะผ่านไป จะไม่ปล่อยให้ตัวเองดีใจมากเกินหรือว่าเสียใจมากเกิน ดีใจนานเสียใจนานให้มันเป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวก็ผ่านไปทั้งหมดครับ ก็ดำเนินชีวิตต่อไปเรื่อยๆ

ถ้าจะให้เป็นคำจำกัดความ ปรัชญาชีวิตของผมเองคือ ...ความรู้นั้นสำคัญ แต่อุปนิสัยที่ดีนั้นสำคัญกว่า... คือหมายความว่าเราก็ให้ความสำคัญของเรื่องการศึกษาการเรียนด้วยนะครับ แต่สิ่งที่มันสำคัญไปกว่าเรื่องของความรู้ ผมว่าเรื่องของอุปนิสัยที่ดีคือการเข้าได้กับคนทุกคนเพราะผมเชื่อว่าถ้ามีเพื่อนที่มีความจริงใจต่อกัน มันจะช่วยเราไปตลอดทั้งชีวิตความหมายก็คือเราก็ต้องจริงใจกับเขา ช่วยด้วยความจริงใจ เขาก็จะช่วยด้วยความจริงใจเหมือนกัน มันจะยั่งยืนกว่า ความรู้บางทีช่วยตัวไม่ได้หรอก แต่เพื่อนช่วยได้แน่นอน !! " ....พ.ท.วันชนะ สวัสดี