ชิมงานพิธีกร นุ้ย สุดเกร็ง แต่มีแววทำยาว

ชิมงานพิธีกร "นุ้ย" สุดเกร็ง แต่มีแววทำยาว

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 ธันวาคม 2548 11:42 น.

ถูกจับมาเป็นพิธีกรรายการ โมโชว์ แทน หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนา (ชั่วคราว) ทำเอาสาว นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ถึงกับบ่นอุบว่าสุดกดดัน เหตุหวั่นจะทำได้ไม่ดีเท่าพิธีกรตัวจริง พร้อมประเมินฝีมือตัวเองแค่เด็กเตาะแตะที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้ เผยหากมีโอกาสอนาคตอยากมีรายการเป็นของตัวเอง

ช่วงนี้งานรุ่งโดยเฉพาะงานพิธีกรมีถึง 3 รายการ สาวนุ้ยถึงกับหน้าบาน ล่าสุดได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรรับเชิญในรายการ โมโชว์ แทน หนูแหม่ม แต่งานนี้ไม่หมูอย่างที่คิดเพราะนุ้ยกลัวว่าจะทำได้ดีไม่เท่าพี่หนูแหม่มที่ถือว่าเป็นอาจารย์เลยทีเดียว

ตอนนี้เป็นพิธีกรอยู่ 3 รายการ รายวันบันเทิงตอนเช้า ริงไซด์โชว์ตอนเช้าวันเสาร์ และโมโชว์ที่แทนพี่หนูแหม่ม มาชั่วคราวเฉยๆ สำหรับโมโชว์บอกได้ว่าผลตอบรับดี การที่นุ้ยได้ไปทำตรงนี้ถือว่าเป็นเกียรติมาก พี่หนูแหม่มเป็นเหมือนอาจารย์คนหนึ่งเหมือนกัน ทำงานพิธีกรนุ้ยก็ต้องศึกษาพิธีกรว่าแต่ละท่านมีสไตล์การจัดรายการยังไง"

"อย่างพี่หนูแหม่มก็เป็นพิธีกรคนหนึ่งที่นุ้ยดูแบบอยู่ เพราะพี่เค้าเป็นพิธีกรอย่างเป็นธรรมชาติ เวลาตอบคำถามการยิงคำถามการเลือกคำถามพี่หนูแหม่มจะคมกริบ แล้วที่เรามารับผิดชอบหน้าที่แทนพี่หนูแหม่มชั่วคราวตรงนี้มันก็ทำให้เราหนักใจเหมือนกัน เพราะพี่เขาทำได้ดีมากแล้วอย่างเราถ้าเทียบก็เป็นรุ่นน้องอยู่ เพราะฉะนั้นการที่เราจะไปทำตรงนี้ต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะมาก

กับการรับหน้าที่แทนครั้งนี้ทำสาวนุ้ยกดดันสุดๆ ต้องขยันทำการบ้านเรียนรู้งานพิธีกรอย่างหนัก เพราะกลัวจะทำได้ไม่ดีเท่าหนูแหม่ม แต่งานนี้มีลุ้นเพราะหากฝีมือเข้าตากรรมการมีสิทธิ์เลื่อนขั้นเป็นพิธีกรประจำ
จริงๆ ตรงนี้ทางบริษัทไม่ได้บอกระยะเวลา ตอนแรกก็บอกไว้ว่าสิบเทปก็บอกยังไม่แน่ว่าอาจจะมีต่อ เกรงมั้ยก็มีนิดนึงความรู้สึกตอนแรกคิดว่า อุ๊ย! จะไหวเหรอ รู้สึกว่าหนักใจเหมือนกันแต่ว่าต้องทำการบ้านเยอะมากเลย คืออย่างที่บอกว่าพี่หนูแหม่มทำไว้ดีมาก วันแรกๆ ก็จะดูเกร็งๆ ความรู้สึกของตัวเอง เพราะทำวันแรกจะรู้สึกเกร็งไปหมดทุกอย่าง ไม่กล้าพูดไม่กล้าถามไม่กล้าทำไรเลย แต่โชคดีที่ว่ามีพี่บ๊วยพี่กิ๊บพี่บ็อบที่โอเครุ่นเราใกล้กัน เขาก็พูดคุยกับเราทำให้เราคลายความกังวลไปแล้วไม่ค่อยเกร็ง

ทำงานพิธีกรมานุ้ยรู้สึกว่าต้องฝึกฝนวิชาอีกเยอะ เพราะการทำพิธีกรมันไม่มีวันที่จะจบหรือว่าจะหมด นุ้ยรู้สึกว่าการเป็นพิธีกรเราต้องมีความรู้ ศึกษาไปเรื่อยๆ สำหรับนุ้ยเองยังรู้สึกว่ายังอยู่ชั้นประถมต้นที่กำลังฝึกปรือฝีมือ ยังต้องเรียนรู้ประสบการณ์ไปอีกเยอะ และผู้ใหญ่ก็บอกว่าจริงๆ ทำได้ดีแล้วระดับหนึ่งก็ต้องอาศัยประสบการณ์ ต้องพูดสรุปเวลาที่เราถามคำถามไป แล้วเอาคำตอบของแขกรับเชิญมาย่อยเสนอไปให้ผู้ชมว่าวันนี้เราได้เนื้อหาสาระประมาณเท่าไหร่ การที่เราต้องสรุปให้ตรงใจของผู้ชม หรือว่าถามคำถามให้ตรงใจผู้ชมหรือว่าสรุปรวบยอดให้กินใจ หรือรวบยอดให้สมบูรณ์มันต้องใช้ระยะเวลา

แอบหวังว่าอยากทำรายการเพื่อสังคมเป็นของตัวเอง แต่ติดตรงไม่มีเงินทุนอีกทั้งยังกลัวรายการจะเจ๊งเพราะไตร่ตรองดูแล้วว่าการทำรายการนั้นมีความเสี่ยงหลายๆ ด้าน
ทำรายการของตัวเองคิดแล้วแต่ไม่มีตังค์(หัวเราะ) จริงๆ แล้วนุ้ยก็ดูรายการที่มีอยู่ในประเทศไทยศึกษาที่จะหารายการใหม่ๆ อยากทำอะไรเพื่อคนรุ่นราวคราวเดียวกันหรือรุ่นน้องเรา คือตอนนี้ปัญหาเยาวชนค่อนข้างเยอะ"

"ถามว่าเราจะไปช่วยแก้ปัญหาระหว่างประเทศคงจะไม่ได้ อย่างน้อยๆ เราก็มีกระบอกเสียงเราจะช่วยเยาชนไทยในด้านใดด้านหนึ่งให้เขามีจิตสำนึก คนที่พลาดพลั้งให้เขากลับมาเป็นคนดี น่าจะมีรายการส่งเสริมเพราะคนเหล่านี้จะเป็นกำลังที่จะพัฒนาประเทศต่อไป ถ้าเราไม่ดูแลเขาไม่สร้างให้เขาเป็นคนดีมันก็น่าตกใจเหมือนกันนะ ว่าต่อไปประเทศเราจะเป็นยังไง

ก็คงอีกสักพักหนึ่งตอนนี้การผันผวนทางเศรษฐกิจเยอะมาก ก็ต้องคิดดีๆ ตอนแรกที่เราคิดมันง่าย แต่พอจริงๆ แล้วจะไปอยู่ช่องไหน แล้วช่องจะไปขายสปอนเซอร์ยังไง แล้วพออยู่ไป 3 เดือนช่องบอกเรตติ้งไม่กระเตื้องถูกถอดจะทำไง ลงทุนไปแล้วบางทีมีการเปลี่ยนผังคือเรามาสู่ในโลกความเป็นจริงปัญหาต่างๆ ในโลกความเป็นจริงเยอะมาก การที่เราทำอะไรเราก็อยากเจ็บตัวน้อยที่สุดค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำค่อยๆ ก้าวไปที่ละก้าว

หากได้ทำรายการของตัวเองจริง งานนี้พี่ "หนุ่ม ศรราม" คงเป็นได้แค่ที่ปรึกษาเท่านั้น
ถามว่าทำร่วมกันเรายังไม่ได้คิดจริงๆ ถ้าเราอยากจะทำก็ปรึกษาพี่เขาเพราะพี่เขาอยู่ในวงการมานานแล้วแล้วเขาก็รู้กระบวนการความเป็นไปการจัดลงของรายการเขา จริงๆ แล้วถ้าทำรายการร่วมกันก็ไม่ได้คิดเท่าไหร่

ขอเงิน อันนั้นหนักยิ่งกว่า แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปคืนเขาล่ะแย่เลยนะ สำหรับนุ้ยคือไม่อยากจะไปรับภาระแค่ทำเจ๊งก็เงินเราเงินที่เราไปยืมหรือกู้ธนาคารมาลงทุนไม่ใช่ว่าเงินของพ่อแม่เงิน เราจะรู้สึกผิดนะ แต่เวลาเราไปบอกเขาเราก็วาดฝันไว้สวยงาม แต่ถ้าวันหนึ่งเกิดมันเจ๊งขึ้นมาเราก็รู้สึกผิดว่าเขาน่าจะเอาเงินไปทำอย่างอื่นมากกว่ามาให้เรายืม