อุทาหรณ์ศัลยกรรม “ซันนี่ ยูโฟร์” เคยยืนขายตัว แต่ไม่มีใครซื้อ!?


อุทาหรณ์ศัลยกรรม “ซันนี่ ยูโฟร์” เคยยืนขายตัว แต่ไม่มีใครซื้อ!? งดกินเนื้อสัตว์ 15 ปี เพื่อขอโทษตัวเอง!?

“ยูโฟร์” กลุ่มบอยแบนด์ในตำนานของเมืองไทย โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน จากภาพลักษณ์ความหล่อ ผนวกรวมกับบทเพลงที่โดนใจ เรียกทั้งความสนใจ และชื่อเสียง ในตลาดวงการเพลงไทยยุคพ.ศ.2535-2539 ได้อย่างงดงาม

แต่เมื่อเวลาผ่าน หลายอย่างเปลี่ยนแปลง รวมถึงหนึ่งในสมาชิกของวง ที่เคยเป็นชาย “ซันนี่ ยูโฟร์” หรือ ญาณวรุตม์ สุทธวาส ก็ได้สร้างความฮือฮา ผันตัวเองจากชายเป็นหญิง เผยตัวว่าเป็น สาวประเภทสอง!!

เหมือนรูปการจะดี เมื่อได้ปลดเปลื้องความจริง แต่ชีวิตกลับไม่บันเทิงสมใจ เพราะมีเรื่องราวเลวร้ายพัดพาให้ล้มลุกคลุกคลาน!?



“เคยแม้กระทั่ง นำข้าวที่เขาจะทิ้ง มาเทรวมกันเพื่อกินประทังชีวิต” เส้นทางฝันของ “ด.ช.ซันนี่”

ร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ และได้รางวัลมาตลอดค่ะ แต่เวทีที่เป็นความฝันของเราคือสยามกลการ (ยามาฮ่าสมัยนั้น) ภาวนาให้ตัวเองอายุ 15 ไวๆ เพื่อจะได้ประกวด พออายุถึงก็รีบไปลงประกวด โดยต้องอัดเทป ใช้เงินประมาณ 500 บาท ซึ่งถือว่าเยอะมากในสมัยนั้น เราก็ทำงานเก็บเงินเพื่อให้ได้ประกวด พอประกวด ผลคือติด 1 ใน 100 คน จากนั้นก็ประกวดมาเรื่อยๆ จนถึงเวทีที่โซนี่จัด ทางโซนี่จะส่งนักร้องไปประกวดระดับเอเชีย เราติด 5 คนสุดท้าย ได้ไปดูการประกวดที่ฮ่องกง แต่ไม่ได้ลงประกวด เพราะเราไม่ชนะ แต่ตรงนั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ค่ะ

ครอบครัวคัดค้าน

            ตอนนั้นต้องปีนหนีออกจากบ้านเพื่อไปร้องเพลงค่ะ แล้วต้องเอาชุดมาเปลี่ยนเพื่อไม่ให้เขาจับได้ แต่เขาก็จับได้อยู่ดี สมัยก่อนอาชีพนี้ถือเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน แต่เราพยายามบอกครอบครัวให้เข้าใจว่า อาชีพนี้อาจดูไม่ดี แต่เราจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ถูกต้อง เลี้ยงตัวเองได้ เราจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น


อุทาหรณ์ศัลยกรรม “ซันนี่ ยูโฟร์” เคยยืนขายตัว แต่ไม่มีใครซื้อ!?


ฐานะทางบ้านไม่เป็นใจ

          ลำบากมาก ที่บ้านขายพวกน้ำใบบัวบก น้ำกระเจี๊ยบแก้วละ 50 สต. เราต้องผ่าฟืน งานกรรมกรก็เป็นมาแล้ว แต่ไม่เคยบอกที่บ้านให้รับรู้ เคยเอาข้าวที่เขาจะทิ้งมาเทรวมกันเพื่อกินประทังชีวิต ซึ่งไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ฉะนั้นเมื่อเจอความลำบาก เราจะไม่ท้อ เพราะที่ผ่านมาเราเคยลำบากมากกว่าที่เป็นอยู่
เข้าสู่วงการบันเทิง

          ตอนนั้นไปฮ่องกง เราเจอวงสว๊อมที่ตอนนั้นเขาเซ็นสัญญากับทางแกรมมี่แล้ว เขามาถามว่าสนใจจะเป็นนักร้องไหม เราก็ถามไปทันทีว่าได้เงินไหม เขาบอกว่าได้ แต่มีข้อแม้ว่า เวลาขึ้นเวทีจะต้องเป็นผู้ชายต้องบอกก่อนว่าสมัยก่อน เราออกท่าทางชัดเจน แต่แค่เก็กแมนไว้ ตอนนั้นตอบตกลงทันทีแต่ก็บอกเขาไปว่าบนเวทีฉันแมนให้ แต่ชีวิตส่วนตัวข้างล่างอย่ามายุ่งกับฉัน แล้วเราก็ไปรวมตัวเพื่อนๆมาอีก 3 คน จนเป็นวงได้ จะเรียกว่าบอยแบรนด์ก็ไม่ผิด เพราะไม่มีเครื่องดนตรี แต่เป็นบอยแบรนด์ที่คิดโชว์ขึ้นมาให้แตกต่างสนุกๆ ช่วงแรกใช้ชื่อวงว่า Dangerous 4 แล้วไปขึ้นเวทีตามผับใหญ่ๆ เพื่อฝึกตัวเอง พอปี 2535 ก็ช่วยกันแต่งเพลงแล้วไปเสนอ ค่ายแรกที่ไปเสนอคือแกรมมี่แต่แกรมมี่บอกให้เรา 4 คนแยกกัน  พวกเรารู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกัน เลยตัดสินใจพักไป 2 อาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นก็ไปเสนอทางค่ายคีตา ซึ่งทางค่ายคีตาตกลงเซ็นสัญญาเลย ทำให้เราดีใจจนบอกไม่ถูก

ดังชั่วข้ามคืน

          พอยิงทีเซอร์ปุ๊ป ทุกคนให้ความสนใจ คงเป็นเพราะเป็นบอยแบรนด์วงแรกในยุคนั้นด้วย เราไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ อย่างเช่นขึ้นมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เขาก็จะชวนเราคุย บางคนก็ตะโกนเรียกชื่อ ตอนแรกเราคิดว่าอะไรจะขนาดนั้น แต่ก็รู้สึกดีใจมากๆ ตัวเราเองไม่เคยคิดว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่อยู่กับคีตาชีวิตมีความสุขมาก

จุดเปลี่ยนของชีวิต

            อยู่ๆ ค่ายคีตาก็ปิดตัวลง กลายเป็นว่าชีวิตตกกระป๋อง ใช้เงินเก็บทั้งหมดผ่อนบ้านผ่อนรถรับงานทุกอย่างจนหลายๆ คนไม่คาดคิดว่าคนอย่างซันนี่จะลงมาทำอะไรแบบนี้ แต่เราไม่แคร์ คนเรามีจุดสูงสุดต่ำสุด วันหนึ่งเป็นวิศวกร อาจจะลงมาเป็นกรรมกรได้ ชีวิตลำบากมาก จนถึงขั้นโดนยึดรถ บ้านก็ขึ้นศาลเรียบร้อย ไฟฟ้าก็โดนตัด เวลากินก็กินมาม่ากับน้ำปะปา แต่เราคิดว่าอยู่เฉยๆไม่ได้อะไร จนออกไปหางานได้งานร้องเพลง แต่ว่าได้วันละ 300 บาท มาสาย ขาด หรือลาหักเงิน เราก็ตกลงจะไปทำงานนี้ พอไปร้องวันแรกเจ้าของร้านพอใจตกลงจ้างประจำ แต่ลูกค้าพอใจมากกว่า คงเพราะเราขึ้นเวทีในร้านแล้วไม่ห่วงภาพพจน์ว่าเป็นใคร ขึ้นเวทีปุ๊ปเล่นมุขกระจาย ออกท่าทางทุกอย่างแบบที่เขาไม่คิดว่าจะทำ ใช้เวลาอยู่ประมาณ 8 เดือนชีวิตก็กลับมาได้ด้วยการทำงานทีนี่ เก็บเงินอยู่ประมาณ 1 ปีก็ออกรถกระบะเพื่อวิ่งงานร้องเพลง สูงสุดที่รับคืนหนึ่งคือ 9 ร้าน ฉะนั้นช่วงนั้นจะเจอซันนี่ทุกที่(หัวเราะ)


อุทาหรณ์ศัลยกรรม “ซันนี่ ยูโฟร์” เคยยืนขายตัว แต่ไม่มีใครซื้อ!?


กลับเข้าสู่แวดวงมายา

          ปี 2545 ได้ไปฉีดหน้า ตอนนั้นไม่ได้แคร์แล้วว่าจะได้งานในวงการไหม คือไว้ผมยาวไว้เล็บแต่งหน้าทุกอย่าง โดยมารู้ที่หลังว่าเป็นหมอเถื่อน ทำให้หน้าเราไม่เหมือนเดิม แล้วตอนนั้นเรามีโอกาสได้ไปออกรายการของเจเอสแอล แล้วทีมงานจะต้องมาเก็บข้อมูลก่อน พอเขามาเจอเราเขาคงช๊อค คือตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครในวงการเห็นหน้าเราเลย ทีมงานนั่งอยู่ข้างๆ จำเราไม่ได้ เขาเลยติดต่อให้เราออกรายการเจาะใจอีกรายการ เผยชีวิตที่ผ่านมา เรื่องการสู้ชีวิตที่ผ่านมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ และกำลังใจแก่ทุกคน พอรายการออกอากาศวันที่ 1 มิ.ย. 2543 ตั้งแต่นั้น “ซันนี่” ได้กลับเข้าวงการอีกครั้ง

คนนอกยอมรับความสาว แต่ที่บ้านไม่!!

          ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นเด็กกำพร้า คนที่เลี้ยงดูเราเป็นแม่บุญธรรม เวลาอยู่บ้านก็จะเก๊กแมนตลอดเพื่อที่จะต้องทำมาหากิน เมื่อครั้งตอนเป็นยูโฟร์เพื่อนๆทุกคน ทีมงาน และบริษัทรับรู้ว่าเราเป็นอะไร ทุกคนรับรู้หมด แต่ถือว่าเรายังทำหน้าที่อาชีพของเราได้ดี ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย สำหรับที่บ้านรู้เรื่องพร้อมกับประชาชน คือเมื่อครั้งออกรายการเจาะใจ ใช้เวลานานมากเพื่อให้เขาเข้าใจ เกือบ 2 ปี เราก็สงสารเขาที่เขาทำใจไม่ได้ แต่เขามองว่าเราเป็นแบบนี้จะอยู่คนเดียวได้เหรอ ขนาดผู้หญิงยังต้องใช้การมโนช่วยบ้างเลย เรารู้ว่าเขาก็เป็นห่วงเรา แต่ในเมื่อเราเลือกที่จะเป็นแบบนี้ก็ต้องต่อสู้เพื่อให้ทุกคนเห็นว่ากระเทยไม่ได้เป็นเพศที่น่ารังเกลียดของสังคม หรือว่าการร้องเพลงก็ไม่ใช่อาชีพที่ไม่ดี บางครั้งก็มีความคิดว่าทำไมเราไม่ต่อสู้ตั้งแต่เด็กๆนะ แต่ก็มาคิดว่าถ้าตั้งแต่เด็กเรายอมเผยตัวตนก็คงไม่มี ซันนี่ ยูโฟร์ วันนี้ ถามว่า 4 ปีที่แอ๊บแมนมาเหนื่อยไหม ตอบเลยว่าไม่ เพราะถือว่าเป็นการสร้างความสุขให้แฟนที่เขารักเรา และเราก็ภูมิใจในยูโฟร์ และนามสกุลนี้ เลยไม่คิดเสียใจ

“ดัง” อีกครั้ง

          ปี 2547 เริ่มรู้สึกว่าหน้าที่ไปฉีดมา ไม่ไหวแล้ว รู้สึกรำคาญมาก เลยตัดสินใจจะไปเอาที่ฉีดมาออก  ก็ไปหาหมอ ซึ่งหมอคนนี้เราตื้อมาตั้งแต่ปี 2543 ตอนฉีดใหม่ๆ แล้ว พอตกลงเรื่องเวลาผ่าตัด เลยโทรไปบอกเพื่อน เพราะไม่รู้ว่าจะกลับมาเป็นปกติไหม เพื่อบอกให้เพื่อนช่วยดูแล อย่าทิ้งเรานะ แล้วเพื่อนก็เริ่มกระจายข่าวทันที จนเรื่องไปถึงหูนักข่าว เรียกว่าผ่าตัดวันเสาร์ พอเช้าวันอาทิตย์หนังสือพิมพ์ทุกฉบับทีวีทุกช่องมีแต่ข่าวนี้หมด นอนโรงพยาบาลอยู่ดีๆ พันหน้าหมด รายการตีสิบก็โทรมาให้ไปออกอากาศ เราบอกไปตรงๆว่าอยากไปออก ถ้าได้เงิน แล้วเราก็อยากโชว์ซิลิโคนให้ทุกคนเห็น เขาก็บอกได้ แต่ต้องออกรายการเขารายการแรกนะ เราก็โอเคจัดเต็มไปอัดรายการทั้งที่ขยับปากพูดไม่ค่อยได้ ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน และเราก็จะกลายเป็นโลโก้นอกจากเป็นบอยแบรนด์วงแรกแล้ว ยังเป็นคนแรกที่เผยว่าเป็นกระเทยทั้งๆที่เมื่อก่อนเป็นนักร้องชายที่แมนมาก และเป็นคนที่ถ้านึกถึงหน้าศัลยกรรมต้องนึกถึงหน้าซันนี่ยูโฟร์
ย้อนถึงวันที่ตัดสินใจทำศัลยกรรม

          มีคนชวนค่ะ เขามาชวนแล้วบอกว่าไปทำสิ ทำเสร็จปุ๊ปกลับมายืนร้องเพลงได้ ตอนนั้นก็คิด ถ้าเราหยุดงานร้องเพลง เงินก็ต้องโดนตัด ถ้าหายไปเป็นเดือนคงโดนไล่ออกจากงาน เราก็ถามวิธีของเขาว่าต้องทำยังไง พอตกลงก็เลยไปสถานที่เป็นคอนโดอย่างสวยงามติดป้ายอย่างดี ยังไงซะถ้าใครเห็นก็ต้องคิดว่าเป็นคลีนิคส่วนตัวคุณหมอแน่นอน แล้วมีดารานักแสดงมานั่งรอทำในคอนโดด้วย เราเลยหมดคำถาม แต่พอเข็มแรกที่จิ้มไปเรารู้ตัวเลยว่าเขาไม่ใช่หมอ เพราะเขาจิ้มผิดจิ้มถูก เราไม่สามารถเบรกเขาได้แล้ว ตั้งแต่วันนั้นมา เลยปรับตัวเองไม่กินเนื้อสัตว์งดเนื้อสัตว์ หน้าจะได้ไม่เป็นผังพืด ทำไปด้วย ขอโทษตัวเองและพ่อแม่ไปด้วย และเป็นการสร้างบุญกุศล เผื่อฟ้าดินจะช่วย ซึ่งเรามีความเชื่อว่าบุญกุศลทำให้เรามีชื่อเสียงจนทุกวันนี้ คือหายไปจากวงการละก็กลับเข้ามาใหม่ได้ รวมๆแล้วงดกินเนื้อสัตว์มา 15 ปีแล้วค่ะ

อุทาหรณ์ศัลยกรรม “ซันนี่ ยูโฟร์” เคยยืนขายตัว แต่ไม่มีใครซื้อ!?



ถอยจากวงการและกลับเข้ามาใหม่

            มีช่วงหนึ่งหลังคอนเสิรต์คีตา ที่จัดโดยทรูแฟนตาเซีย ได้ตัดสินใจออกจากวงการเอง งดรับงานเพื่ออยากไปพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นใคร ต้องการอะไร แล้วรู้สึกว่าวงการบันเทิงชอบลืมคน ใช้ๆแล้วก็เบื่อ และเป็นคนลืมคนง่าย เลยรู้สึกนอยๆ เลยตัดสินใจไปเมืองนอก เพื่อไปหาเพื่อน จนมีข่าวว่าเราไปขายตัวที่นู่น พูดตรงๆ นะว่าเราก็เคยไปยืนขาย แต่ไม่มีใครซื้อ เขาให้เหตุผลว่าบุคลิกของคุณไม่ใช่คนขายตัว ที่ต่างประเทศใช้ชีวิตไปๆมาๆหลายที่ เลี้ยงตัวเองด้วยการร้องเพลง และการดูดวง เมื่อปี 2552 เลยตัดสินใจกลับมาเมืองไทย และทำงานประจำทั้งขายคูปอง ผู้ช่วยคลินิก แค่อยากเรียนรู้ว่าคนทั่วไปเขาใช้ชีวิตยังไง จนปี 2553 มีคนมาชวนไปร้องเพลงที่รีสอร์ทโดยเซ็นสัญญา 6 เดือน ซึ่งเราก็รับ แล้ววันหนึ่งไปงานที่เป็นเรียลตี้ศัลยกรรมทั้งงานคนชัดเจนเรื่องศัลยกรรมที่สุดคือเรา นักข่าวเลยเข้ามารุมถามว่าตอนนี้มีอะไร  ทำอะไรบ้าง เลยบอกว่าเขียนพ๊อคเกจบุ๊คเรื่อง “ศัลยเวรกรรม ซันนี่สตอรี่ ภาค 2”แต่ยังไม่ได้พิมพ์ ข่าวก็เลยออกวันรุ่งขึ้น แล้วคุณพจน์ อานนท์ ก็เลยชวนมาเล่นหนัง และมีสำนักพิมพ์ติดต่อมาให้ตีพิมพ์เรื่องศัลยกรรมของเรา ยอดหนังสือ 20,000 เล่มขายหมดเกลี้ยง และยังได้ไปออกรายการอีกหลายรายการ

ปัจจุบันยึดอาชีพ “หมอดู”

            จริงๆ ดูดวงมาตลอด จนตอนนี้กลายเป็นอาชีพหลัก เพียงแค่ไม่ได้บอกใคร มีหลายคนถามว่าเราดูยังไง ซึ่งไม่สามารถตอบได้จริงๆ คือไม่ใช้วันเดือนปีเกิดไม่ใช้อะไรเลย เรียกว่าเป็นเคล็ดลับแล้วกัน แค่โทรมาบอกชื่อแค่นั้น หรือส่งข้อความมาก็ได้ ขอแค่คำถามพอ แล้วเราก็จะดูให้ ถ้าแม่นก็แม่น ถ้าไม่แม่นก็ด่าได้(หัวเราะ) ตอนนี้มีคิวดูทุกวัน ทั้งทางโทรศัพท์ หรือส่งข้อความมา โทรมาจะไม่ค่อยรับเบอร์แปลกเท่าไหร่ค่ะ

ความในใจที่อยากฝากทิ้งท้าย

          อยากฝาก “ซันนี่ เกาดวง” ซึ่งทางบริษัทสามารถได้กรุณาให้เป็นหมอดูลำดับที่ 6 ใครสนใจก็สามารถกดเข้าไปได้ที่ 1900 111 199 แต่ถ้าดูส่วนตัวทางโทรศัพท์ หรือการส่งข้อความ จะแจ้งรายละเอียดค่าใช้จ่ายไปโดยคิดค่าบริการครั้งละ 999 บาท หากใครเดือดร้อนจริงๆก็มีติดต่อเข้ามานะคะ เงินไม่พอบ้าง หรือต้องการความช่วยเหลือ เราก็จะช่วยเป็นกรณีๆไปแต่ขอให้บอก ส่วนรายการตอนนี้ มีรายการแฉแต่เช้า ทาง 94 EFM สามารถฟังได้ทางวิทยุ และรับชมทาง Green Channel และตอนนี้มีบริษัท Seoul clinic คลินิกเวชกรรมความงามทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็ทำผลิตภัณฑ์ของตัวเองร่วมกับคุณหมอตัวแรกที่ออกมาคือ Step Up สุดท้ายมีเพลงที่แต่งเองร้องเองชื่อ “รักล้มลุก” ปล่อยใน YouTube สามารถไปหาชมหาฟังได้แล้วค่ะ(เยอะแยกมากมายนะคะ) แล้วก็ฝากถึงผู้จัดละคร หรือผู้ที่สนใจจะจ้าง ยังยินดีรับงานละครหรืองานแสดง และงานอื่นๆอยู่นะคะ สามารถติดต่อได้โดยการส่งข้อความมา หรือทางโทรศัพท์ได้ตลอดเลยค่ะ แต่ถ้าทางข้อความจะสะดวกมากกว่าค่ะที่เบอร์ 081-5556335


คอลัมภ์โดย:: พรหมประภา

อุทาหรณ์ศัลยกรรม “ซันนี่ ยูโฟร์” เคยยืนขายตัว แต่ไม่มีใครซื้อ!?


ซันนี่ ยูโฟร์ซันนี่ ยูโฟร์


ซันนี่ ยูโฟร์ซันนี่ ยูโฟร์


ซันนี่ ยูโฟร์ซันนี่ ยูโฟร์


ซันนี่ ยูโฟร์ซันนี่ ยูโฟร์

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์