ฟิล์ม รัฐภูมิ โพสต์ IG โต้! หลังมีข่าวจัดฉาก Ice Bucket

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เว็บไซต์เกาหลีตั้งข้อสังเกตกรณี "ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์" แชร์คลิปผ่านอินสตาแกรม ขณะถูกตำรวจเกาหลีใต้จับระหว่างร่วมกิจกรรม Ice Bucket โดยกล่าวว่า ฟิล์ม รัฐภูมิ นั้น จัดฉากขึ้นมา และมีหลายจุดที่ผิดปกติ ทั้งชุดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงการที่ฟิล์มได้พูดตอนต้นคลิปว่า ประเทศเกาหลีใต้ไม่ส่งเสริมให้เล่น Ice Bucket

ทั้งนี้ เมื่อฟิล์มได้ทราบข่าวดังกล่าว ก็ได้โพสต์ IG ทันที มีข้อความว่า ไอพวกมั่วๆเดียวเห็นดีกัน คุณเป็นสื่อคุณดูแหล่งที่มาหน่อยครับ ว่าเป็นสื่อเกาหลีจริงมั้ย เพราะที่ผมรู้มา ไม่ใช่ครับ เป็นเพียงแค่เว็บที่ทำที่ไทยแล้วให้คนเกาหลีอ่านกัน แล้วยังมาเขียนมั่วอีกว่าได้ไปถามตำรวจเกาหลีมาแล้ว ขอโทษครับผมยังไม่เคยบอกเลยว่าโดนจับที่จังหวัดหรือเขตไหน"รู้ได้ไงวะ"เก่งกันจังเรื่องว่าคนอื่น ตัวปลอมทั้งนั้น มีมาบอกอีกเน็คไทไม่ใช่ เก่งอีกแล้ว เบื่อ!!ผมมีแต่ทำความดีช่วยสังคมและผมก็จะทำต่อไป จบ แม่งไม่หยุดเดียวเจอกัน ไอเขียนอะไรไม่เคยว่าแต่อย่ามากระทบ ไม่ชอบ พึ่งพากันดีกว่าครับ ขึ้นเลย!!

ต่อมาเมื่อเวลา 17.39 น. ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้ลบโพสต์ก่อนหน้าและได้โพสต์ข้อความใหม่ว่า ผมขอลบข้อความก่อนหน้านี้นะครับ เพราะทางบ้านและผู้ใหญ่โทรมาว่าผม ผมมาคิดดูแล้วมันก็จริง ผมเข้าใจกลุ่มคนที่ว่าผมนะครับเรื่องแบบนี้เข้าใจผิดกันได้ครับ เช่น เขาไม่ได้จับผมเรื่องทำ Ice Bucket ที่เกาหลีไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น อาจจะเพราะว่าตัดต่อมาเน้นให้ขำเกินไป ขอโทษทุกๆ ท่านจริงๆ ครับ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 57 "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับที่ประเทศเกาหลีใต้ หลังทำกิจกรรม Ice Bucket โดยบอกว่า ถูกจับที่เกาหลีจริง เนื่องจากตัวเองตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องของภาษา ที่ทำให้ไม่เข้าใจกัน จนตำรวจมองว่าเราเป็นคนไม่เต็ม 

ส่วนการตัดต่อคลิปเพื่อต้องการให้มันสนุกขึ้น ซึ่งๆ จริงๆ ไม่ได้สนุกอย่างนั้น โดนค่าปรับประมาณ 5,000 บาท ด้านดาราเกาหลีเค้าจะไม่ทำอะไรแบบนี้กัน ส่วนใหญ่จะทำ Ice Bucket ในห้องน้ำมากกว่า ซึ่งมีหลายกลุ่มหลายมุมมอง บางท่านบอกว่าเปลืองน้ำ บ้างก็ว่าไร้สาระ แต่ผมไม่สนใจเรื่องตรงนั้น เน้นฮาอย่างเดียว ส่วนตัวเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่ามีรถตำรวจมาจอด ผมก็คิดว่าตำรวจไม่ได้ว่าอะไร ตอนหลังเค้าก็แค่มาด่า ไม่ได้จับไม่ได้โหดร้ายอะไร 

บริเวณนั้นก็มีทีมงานและมีไกด์อยู่ช่วยเคลียร์ปัญหาตรงนั้น เชื่อว่าค่าปรับที่เสียไปนั้นคุ้มกับการที่ได้ร่วมทำบุญ โดยส่วนตัวกลับมาเมืองไทยก็ได้บริจาคเพิ่มอีก 100,000 บาท ส่วนเรื่องที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าตนเองสร้างกระแสนั้น ก็เข้าใจได้ว่า เป็นเรื่องปกติที่จะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ผมไม่แคร์ เพราะผมแคร์ที่ว่า ผมคิดดีทำดีแค่นั้น จบ!