‘เอ-ไชยา’ ผู้ชายธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา..!

“ไชยา มิตรชัย” เมื่อได้ยินชื่อนี้หลาย ๆ คนคงนึกถึงภาพพระเอกลิเกหน้าหวาน เสียงเพราะ ผู้ที่ทำเอาแม่ยกทั้งน้อยใหญ่ใจละลายกันถ้วนหน้า นักร้องที่ฝากผลงานเพลงที่ฮิตติดหูจนดังเปรี้ยงปร้างมาแล้วไม่น้อย นอกจากนี้ยังเป็นพระเอกที่ฝากฝีไม้ลายมือในละครอีกหลายเรื่อง จนนับได้ว่าในวงการนี้ไม่มีอะไรที่ชายคนนี้ยังไม่ได้ทำ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของพระเอกลิเก ตลอดกาลคนนี้ว่าเขามีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ก้าวมาสู่ความสำเร็จได้จนถึงปัจจุบัน

“เส้นทางบันเทิง”

ก้าวเข้าสู่วงการ จากลิเกสู่นักแสดงและนักร้อง ?

“เข้ามาสู่วงการผมเริ่มจากลิเกเป็นอาชีพแรกครับ ประมาณอายุ 10 ขวบ ก็เริ่มติดตลาดลิเก เพราะเป็นลิเกเด็กคณะแรก โดยที่เราได้รับการฝึกมาอย่างหนัก เราสามารถรับบทหน้าเวทีได้จริง มันก็เหมือนเราได้เรียนการแสดงมาตั้งแต่เด็ก พอเล่นลิเกมาจนอายุ 12 ขวบ ก็เริ่มได้แสดงละคร เรื่อง “เจ้าชายน้อย” และ “พยัคฆ์สองแผ่นดิน”แล้วต่อมาก็ได้อัดเพลงเลย โดยเพลงก็มาจากการที่หลวงพ่อวัดสระแก้ว จ.อ่างทอง ท่านทำเทปการกุศลแจกให้กับผู้ที่มาทำบุญได้ฟังกันคนเลยรู้จักผมในนาม เด็กกำพร้าวัดสระแก้ว 

หลังจากนั้นมีโอกาสโชว์ลิเกผ่านทีวีในรายการ “ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา” ของแม่เล็ก-ภัทราวดี ก็ทำให้คนเริ่มรู้จักลิเกมากขึ้น ช่วงนั้นผมเล่นลิเกทุกคืน แล้วพอก้าวเข้ามาเป็นนักร้องมีค่ายเพลงสนับสนุนจนเพลงมีชื่อเสียงก็เลยกลายเป็นว่าเรามีแฟน ๆ ทั้งด้านของลิเกและเพลงและพอมีละครติดต่อเข้ามาก็เลยได้มาเล่นละครตั้งแต่นั้นมาก็จับสามทาง ทั้ง ลิเก เพลง ละคร ในคนคนเดียวกัน”

ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมมากไหม?

“ถามว่าเปลี่ยน ไปไหม มันไม่ได้เปลี่ยนมาก ผมยังเหมือนเดิมเพราะผมรู้ว่าจุดเริ่มต้นผมเองมาจากไหน แต่คนก็คิดไปเองว่าผมเปลี่ยนลือกันว่าเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ตัวผมยังเป็นเหมือนเดิมเพราะผมก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปทำไม ไม่รู้ว่าจะหยิ่งไปทำไม แต่บางทีอาจจะด้วยหน้าที่การงานเราก็มีปรับบ้างครับ”

อะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ทำ ให้เป็นไชยา มิตรชัย อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ?

“เป็นไชยา มิตรชัย ได้จนถึงทุกวันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ผู้ใหญ่สอนอะไรแล้วเราฟัง เราทำตาม สิ่งหนึ่งที่พ่อผมสอนเสมอคือ ความกตัญญู และไม่หลงระเริงกับสิ่งที่เราเป็น ตัวผมไม่เคยพูดเลยนะว่าผมดังแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะพูดไปทำไม”

“เสน่ห์ของไชยา” 

คิดว่าเสน่ห์ของตัวเองคืออะไร ?

“ผมก็รู้ว่า คนที่ชอบผม เขาชอบผมเพราะอะไร แต่ผมมีความรู้สึกว่าผมเข้ากับคนได้ทุกระดับชั้นเท่านั้นเอง จากชั้นสามัญจนถึงระดับสูง ๆ ซึ่งมีโอกาสน้อยมากจากคำว่าลิเกที่คนเคยดูถูกจะได้มีโอกาสร้องเพลงในทุกสถานที่ให้คนในทุกระดับชั้นได้ฟังและพวกเขาก็รักผม แต่อย่างที่บอกคือผมมีพ่อแม่ที่ดี ครูที่ดี ที่สอนผมให้เป็นคนที่ดีได้ในสังคมครับ”

ขอถามเรื่องความรักบ้าง วันนี้มีแฟนแล้วหรือยัง ?

“ผมเองก็เป็นเหมือนคนทั่วไป เคยมีแฟนเคยมีความรัก อยากไปไหนมาไหนกับแฟนบ้าง แต่ด้วยงานทำให้เราไม่ค่อยได้เจอกันก็ทำให้เลิกร้างห่างกันไปคนแล้วคนเล่า เป็นแบบนี้มาตลอด แต่ก็คิดซะว่าเป็นดวงของนักแสดง แต่ถามว่าเสียดายในเรื่องนี้ไหม ไม่เคยเสียดายเลยเพราะความรักที่ผมได้รับมาตลอดจนถึงทุกวันนี้มันก็มากอยู่แล้ว คนที่เคยผ่านเข้ามาผมต้องขอบคุณเขามากแต่ผมจะไม่เห็นแก่ตัวที่ต้องให้เขารอเราไปเรื่อย ๆ ถ้าเขาเจอทางที่ดีกว่าคนที่ดีกว่าก็ไปเถอะ 

เพราะผมยังคงมีความสุขอยู่กับงาน อีกอย่างวงการลิเกไม่เหมือนวงการทั่วไป เพราะเรื่องการมีแฟนในวงการลิเกไม่ได้เปิดเหมือนวงการทั่วไปครับ แต่ผมผ่านจุดพีคเรื่องอกหักรักคุดไปแล้ว ผ่านจุดหวานอมขมกลืนไปแล้ว พอตอนนี้เราโตเป็นผู้ใหญ่มากพอแล้วเพราะฉะนั้นคู่ชีวิตเราก็ต้องเป็นผู้ใหญ่พอ”

ทุกวันนี้ ไชยาวางแผนเรื่องครอบครัวไว้บ้างไหม?

“ไม่ได้แพลนครับ เพราะผมมีความสุขตรงจุดนี้แล้ว ถึงผมจะมีคนรู้ใจเราทั้งคู่ก็ต้องรู้ใจกันว่าเราจะคบกันได้ประมาณไหน แต่ถามถึงแพลนแต่งคือตราบใดที่ผมยังเป็นไชยา มิตรชัยอยู่ ยังเป็นคนกล่อมโลก ยังให้ความสุขกับคนทุกคนได้ ผมก็ยินดีที่จะทำตรงนั้นก่อน”

“ลิเก” 

ลิเกกับเด็กรุ่นใหม่ ?

“อันนี้ต้องฝากทางผู้ปกครอง เพราะเราก็จะไปยัดเยียดให้เขามากก็ไม่ได้ เราต้องค่อย ๆ บ่มเพาะเขาไป ไม่ต้องถึงลิเกหรอกครับเอาแค่เพลงลูกทุ่งถ้าผู้ปกครองไม่เปิดให้เขาฟังเขาก็จะไม่รู้จักเพลงลูกทุ่งแล้ว เพราะฉะนั้นผู้ปกครองมีส่วนมากครับ ทำให้เขารู้จักว่าของไทย ๆ ของเราเป็นยังไง ความเป็นไทยมีอะไรบ้าง 

เคยกลัวว่าลิเกจะหายไปไหม ?

“กลัวจนไม่กลัวแล้วครับ เรากลัวในจุดหนึ่งของเราเองมากกว่า เราถึงต้องมีการพัฒนาและแข่งกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ถามว่ากลัวลิเกจะหายไปไหม ไม่กลัวครับถึงจะเป็นเสียงเล็ก ๆ เสียงเดียวที่บอกแบบนี้ เพราะผมยังมีกำลังใจมีคนรักอยู่และผมจะใช้ตรงนี้เป็นกำลังใจ ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวผมจะทำได้ มีลูกสอนลูกมีหลานสอนหลานไม่ให้เขาทิ้งตรงนี้แน่นอน”

คติประจำใจ ?

“คติของผมหนึ่งคือ ความกตัญญู สองคือ รู้กาลเทศะ นั่นหมายถึงเราอย่าได้มองข้ามผู้ใหญ่เป็นอันขาดเพราะกว่าเขาจะบุกเบิกมาได้มันต้องใช้เวลาและผ่านประสบการณ์แค่ไหน อย่างเช่นการไหว้คน การอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นสิ่งที่ครอบครัวพี่สอนมาตลอดว่าการที่เราอ่อนน้อมถ่อมตนดีกว่าการที่เราเจอใครบางคนแล้วเราจากไปเขามาด่าตามหลัง”


“ไชยา มิตรชัย”“ไชยา มิตรชัย”


“ไชยา มิตรชัย”“ไชยา มิตรชัย”


“ไชยา มิตรชัย”“ไชยา มิตรชัย”


“ไชยา มิตรชัย”“ไชยา มิตรชัย”


“ไชยา มิตรชัย”“ไชยา มิตรชัย”

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์