“เปิ้ล” เซ็กซี่แค่ภายนอก แต่มีธรรมะยึดเหนี่ยวใจ

ถึงจะไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อระดับท็อปของเมืองไทย แต่เชื่อว่าในช่วงที่ผ่านมา ชื่อของ เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว เป็นที่รู้จักขึ้นมา เพราะมีข่าวคราวเกิดขึ้นกับเธอมากมาย ทั้งเรื่องศึกเกาเหลากับนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เรื่องโดนปลดออกจากหนังกลางอากาศ และเรื่องที่ไปออกรายการทีวีแล้วตัวพิธีกรโดนวิจารณ์จนกลายเป็นกระแสสังคม วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยไปเจาะลึกถึงตัวตนของเปิ้ลว่าแท้จริงแล้ว ภาพที่เห็นนั้นใช่ตัวตนของเธอหรือไม่

หลังจากเรื่องราวร้าย ๆ ผ่านไป ตอนนี้ชีวิตของเปิ้ลเป็นอย่างไรบ้าง?

เหมือนฟ้าหลังฝนเลยค่ะ เพราะเปิ้ลเชื่อว่าเหตุการณ์ที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่เข้ามา มันเหมือนเหรียญสองด้าน ตอนนั้นยอมรับว่าสภาพจิตใจยํ่าแย่พอสมควร แต่พอผ่านมาได้ก็เข้มแข็งมากขึ้น ที่สำคัญเราได้รับกำลังใจจากประชาชนมากมาย และมีผู้ใหญ่ที่รักใคร่เมตตาหยิบยื่นงานให้ทำด้วยจากที่เราคิดว่าอาจจะต้องว่างงานอีกหลายเดือน 

 วงการบันเทิงกับชีวิตของเปิ้ลมันผูกพันกันอย่างไร?

ต้องบอกว่าวงการบันเทิงเป็นอาชีพแรกในชีวิต ตั้งแต่อายุ 16 เปิ้ลก็ถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบแล้ว วงการนี้ให้อะไรเปิ้ลเยอะมากจริง ๆ ทั้งการวางตัวในสังคม การใช้ชีวิต การพิสูจน์ความสามารถที่หลากหลาย เปิ้ลไม่ได้ติดว่าจะต้องเป็นดารา เรายังได้ทำเพลงเป็นนักร้อง เป็นพิธีกรบ้าง เป็นนางแบบ เขียนหนังสือด้วย เรียกว่างานในวงการบันเทิงได้พิสูจน์และท้าทายความสามารถอย่างแท้จริง ถ้าถามว่าภูมิใจอะไรที่สุดในชีวิต มี 2 เรื่องค่ะ เรื่องแรกเราได้ทำงานที่เรารัก เรื่องที่สองคือได้เป็นพุทธศาสนิกชน

ดูเป็นคนธรรมะธัมโม แต่ก็ขัดกับลุคเซ็กซี่เอามาก ๆ?

โดยเนื้อแท้เปิ้ลเป็นคนเรียบง่าย ติดดิน ตรงไปตรงมา ลุคเซ็กซี่แต่ทำบุญบางคนมองว่าสร้างภาพ ทำไมไม่มองว่าความเซ็กซี่เป็นสิ่งที่เราสร้างภาพล่ะ เพราะตัวจริงเราไม่ได้เซ็กซี่ แต่ด้วยหน้าที่การงานที่เขาวางให้เราเซ็กซี่ เราก็เลยต้องเซ็กซี่มาตลอด บุคลิกจริงจะห้าว ๆ ลุย ๆ ด้วยซํ้า การที่เรานุ่งขาวห่มขาวไปบวชในวัด มันไม่มีสิ่งเร้าหรือสิ่งยั่วยุอะไรเลย แต่การที่เรามีลุคเซ็กซี่ สิ่งไม่ดีก็จะเข้ามาหาเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีครอบครัวแล้วเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเราบ้าง หรือเพื่อนบางกลุ่มที่ชักนำเราไปเที่ยวกลางคืนหรือปาร์ตี้ แต่เราก็สามารถเอาชนะตรงนั้นมาได้ เปิ้ลไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนดี แต่เราพยายามครองตนอยู่ในศีล 5 ตลอด ตั้งแต่เด็กคุณยายจะพาไปเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในวัด เปิ้ลเห็นการปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก ๆ ก่อนนอนคุณยายยังให้สวดมนต์ หนังสือธรรมะในบ้านก็เยอะมาก เราหยิบมาอ่านตลอด มันเลยเป็นสิ่งที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราทุกข์หรือมีเรื่องจากโลกภายนอกก็จะใช้ธรรมะเป็นตัวบำบัดให้เราหายทุกข์ค่ะ

กิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้เลยคือการใส่บาตร?

ใช่ค่ะ การใส่บาตรของเปิ้ลมีสาเหตุหลักคือ คุณแม่ คุณยาย และน้องสาวเพิ่งเสียไปพร้อม ๆ กัน เราสามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เราทำเขาจะได้รับจริง ๆ เพราะฉะนั้นเราคิดว่าการที่เราตื่นแต่เช้าแล้วซื้ออาหารดี ๆ ไปถวายพระไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา ถ้าทำให้เขาสุขสบายและเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิได้ แล้วก็ทุกคืนก่อนนอนไม่ว่าจะเหนื่อยหรือเพลียแค่ไหนเปิ้ลก็ต้องสวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา กรวดนํ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิบัติมาเกือบตลอดชีวิตเลย เปิ้ลเป็นคนรู้จักศาสนาแบบวิทยาศาสตร์ ไม่งมงาย เชื่อเฉพาะสิ่งที่เราได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้ว เราศรัทธาเรื่องการนั่งสมาธิ เพราะเป็นการเอากายและจิตมารวมกัน ทำให้เรามีสมาธิ ก่อให้เกิดปัญญา จะปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ ที่สำคัญที่เปิ้ลยังอยู่ในวงการได้เพราะเราตั้งใจว่าเราจะเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ด้วย 

มองชีวิตของตัวเองที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?

เปิ้ลว่าชีวิตของเปิ้ลเหมือนหนังเรื่องหนึ่ง มันเข้มข้นมากเลย เป็นบทเรียนสอนใจหลายคนได้ อย่างที่บอกว่าเราโตมากับป้าที่เป็นครู โดนสอนมาแบบเคร่งครัด เรียนโรงเรียนอัมพรไพศาล สมัยเด็กครอบครัวฐานะรํ่ารวย เพราะคุณแม่แต่งงานกับเจ้าของโรงสีที่ จ.สกลนคร เราโตมาในครอบครัวที่สุขสบาย แต่พออายุ 16 ที่บ้านล้มละลาย เปิ้ลเลยแยกตัวออกมา จากลูกคุณหนูต้องมานั่งรถเมล์มาเรียนที่ไทยวิจิตรศิลปซึ่งค่าเทอมถูกกว่า หลังเลิกเรียนไปขายกางเกงยีนที่มาบุญครอง และเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านกุ้งเผา คือเปิ้ลทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินส่งเสียตัวเองเรียน แต่เหนื่อยแค่ 1 ปี เราเจอโมเดลลิ่งขณะนั่งขายกางเกงยีน เขาชวนถ่ายโฆษณา ก็เลยมีงานโฆษณาเป็นสิบ ๆ ชิ้น 1 ปีที่ว่านั้นเปิ้ลไม่ถือว่าลำบาก แต่สนุกมากกว่า ได้รู้ค่าของเงิน การทำงานด้วยลำแข้งและศักดิ์ศรีของตัวเองเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตมนุษย์แล้ว ช่วงนั้นเปิ้ลเปิดร้านอาหารกึ่งผับด้วย แม่หาเงินทุนมาให้เราก้อนหนึ่งบวกกับเงินจากการขายกางเกงยีน เราเอาความรู้จากการเรียนศิลปะมาตกแต่งร้าน เปิดร้านได้ 2 ปี เปิ้ลก็สามารถซื้อบ้านให้แม่ได้

มีความผูกพันกับคุณแม่มากน้อยแค่ไหน?

น้อยมากเลย สิ่งที่เปิ้ลเสียใจที่สุดในชีวิตคือเรื่องนี้ เพราะตอน    เด็ก ๆ เราไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่กับแม่ เราอยู่กับคุณป้า พอคุณป้าเสียก็อยู่กับคุณยาย แล้วค่อยย้ายมาอยู่กับคุณแม่อีกที พอโตมาเราก็ไม่มีเวลาเลี้ยงดูเอาใจใส่เขาได้ 100% เมื่อตอนที่เขาเสียไป เปิ้ลทุกข์มาก จะเอากระดูกแม่ห้อยคอไว้ตลอด ยังเสียใจอยู่ อยากย้อนเวลากลับไปตอนที่อยู่กับเขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้

เข้าวงการมานานแล้ว แต่ไม่ดังอย่างต่อเนื่อง? 

จริง ๆ แล้วเป็นความตั้งใจของเปิ้ลนะ คนไม่ค่อยรู้ เรารู้สึกว่าเราไม่อยากดังหรือขึ้นไปจุดสูงสุดมาก ๆ เปิ้ลเคยมีละครพร้อมกันถึง 5 เรื่อง ช่วงนั้นชีวิตไม่ได้มีความเป็นตัวของตัวเองเลย เลยตัดสินใจไปเรียนต่อ รู้สึกว่าเราได้สานฝันตัวเอง เราได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติธรรมดาบ้าง แล้วพอคิดถึงงานเราก็กลับมา ความที่เราไม่ใช่คนดังเลยสามารถรับบทได้หลากหลายรูปแบบและรับงานได้หลากหลายอย่าง ไม่อยากขึ้นไปถึงจุดสุดยอด เพราะยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว เลยอยากทำงานที่เรารักไปเรื่อย ๆ มากกว่าค่ะ

ชีวิตอยู่คนเดียวรู้สึกเหงาบ้างไหม?

ช่วงชีวิตที่เหงาก็มีบ้างค่ะ เหงามากที่สุดคงเป็นช่วงที่คุณแม่เสียไปใหม่ ๆ ปีนั้นไม่ใช่แค่เหงาอย่างเดียว มันเป็นปีที่โหดร้ายจริง ๆ ตอนแรกเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องปีชงนะ แต่พอเดือน ก.พ. น้องเสีย มี.ค. คุณยายเสีย ผ่านไปไม่กี่เดือนคุณแม่ก็เสียอีก หลังจากนั้นอีกประมาณหนึ่งเดือน แฟนเราที่คบมา 5 ปี ก็มีเหตุให้ต้องเลิกกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เปิ้ลเหงามากที่สุดเลย เหมือนเราเสียคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิตพร้อมกันถึง 4 คน แล้วตอนนั้นนํ้าท่วมใหญ่ด้วย เราต้องอยู่ในบ้านคนเดียว ไปไหนก็ไม่ได้ ไม่มีใครช่วยเหลือ เหงามาก 

มีคนเข้ามาจีบไหมหรือว่าปิดตัวเอง?

เปิ้ลยังไม่พร้อมกับความรักมากกว่า เพราะเป็นคนที่รักใครแล้วรักจริงมาก คบใครก็คบนาน เราไม่อยากเลิกคนนี้แล้วไปคบคนนั้น เริ่มต้นใหม่บ่อย ๆ เปิ้ลเชื่อพรหมลิขิตนะ ถ้ายังไม่เจอใครที่เรารู้สึกว่าฟ้าส่งมาจริง ๆ เราก็อยู่คนเดียวได้ เพราะเรามีงานให้ทำเรื่อย ๆ มีเพื่อนดี ๆ ตั้งหลายคน จริง ๆ แล้วเป็นคนไม่เคยโหยหาความรักเลย เพราะชีวิตก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องความรักทั้งในครอบครัวและความรักแบบหนุ่มสาว ตั้งใจไว้ว่าถ้าอายุขึ้นเลข 5 เปิ้ลอยากจะไปปฏิบัติธรรมอยู่บนดอยสักแห่ง วางเป้าหมายชีวิตไว้ 2 อย่างเลย คือถ้าไม่ปฏิบัติธรรมตลอดชีวิตตอนอายุ 50 ก็อาจจะมีรีสอร์ทเล็ก ๆ สงบ ๆ อยู่ที่ไหนสักแห่ง เพราะเป็นคนที่ชอบต้นไม้ ชอบธรรมชาติ ชอบบริการคน และชอบพบปะผู้คนใหม่ ๆ ค่ะ
 

อยากลบภาพความเซ็กซี่ออกบ้างหรือเปล่า?

คงค่อนข้างยาก เพราะเป็นคาแรกเตอร์ที่ติดตัวเราแล้ว แต่มันก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ถ้าคนเขายังมีความสุขและเรายังสามารถทำงานตรงนี้ เปิ้ลก็จะทำต่อไป หลายคนแสดงความเห็นว่าเมื่อก่อนไม่เคยชอบเปิ้ลเลย เพราะโป๊มากเกินไป เปิ้ลถือว่าเป็นคำติที่ให้แง่คิดเปิ้ลพอสมควร เราเลยพยายามไม่ให้เซ็กซี่มาก เปิ้ลไม่ได้ภูมิใจในความเซ็กซี่แบบนี้หรอก แต่อย่างที่บางคนบอกว่าทำไมปฏิบัติธรรมแต่โป๊ขนาดนี้ เปิ้ล อยากบอกว่าถ้าเรามองร่างกายเป็นสิ่งที่เกิดมาแล้วมีเหตุปัจจัยที่พระเจ้าสร้างมาให้เรามีภาพลักษณ์และบุคลิกที่เซ็กซี่แล้วต้องทำงานแบบนี้ เราก็ดำเนินชีวิตของเราไปแบบนี้ แต่เนื้อแท้เราเป็นอย่างไรอยู่ที่การกระทำและการวางตัวของเรามากกว่า 

หลักในการดำเนินชีวิตของเปิ้ลคืออะไร

เปิ้ลศรัทธาในความดี ความดีและบุญเท่านั้นจะเป็นเกราะป้องกันภัยต่าง ๆ ได้ ไม่ช้าก็เร็ว วันหนึ่งความดีที่เรากระทำมา ทองที่ปิดไว้หลังพระก็ต้องล้นออกมาหน้าพระแน่นอน คิดทุกเช้าที่ตื่นมาทำบุญว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเราแล้ว เราต้องทำบุญและทำดีเหมือนเป็นวันสุดท้ายของเรา

สุดท้ายนี้ฝากอะไรถึงแฟน ๆ บ้าง

อยากให้มองเปิ้ลเป็นตัวอย่างและเป็นแง่คิดว่าจริง ๆ แล้วชีวิตของคนเรามีทั้งสุขและเศร้าปะปนกันไป วันนี้เศร้าวันหน้าเราก็สุข วันหน้ามีทุกข์เดี๋ยวก็สุขได้ อยากให้มองเป็นพลังว่าทุกปัญหาถ้าเราสามารถอยู่เหนือมันได้เราจะมีความแกร่งและจะภูมิใจเมื่อย้อนกลับมาดูทุกครั้ง สุดท้ายนี้ฝากเมตตาและติดตามเปิ้ล-ไอริณ ผู้หญิงตัวคนเดียวคนนี้ที่สู้ชีวิตมาตลอดด้วยนะคะ เปิ้ลจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังค่ะ

ถึงภาพลักษณ์ภายนอกจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าเนื้อแท้ในจิตใจเป็นคนดีแล้วละก็..ชีวิตนี้ก็หาความสุขได้ไม่ยาก.


เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้วเปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว


เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้วเปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว


เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้วเปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว


เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้วเปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว


เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้วเปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์