‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’ พระเอกใหม่ป้ายแดง มาแรงเพราะแฟชั่น

“พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน” หนุ่มคนนี้มาแรงแซงทางโค้งจริง ๆ เพราะทางต้นสังกัด ทั้งผลักทั้งดันขึ้นแท่นพระเอกอย่างเต็มตัว แต่ก่อนหน้านี้ พุฒ ก็ทำเอาทั้งสาวแท้ สาวเทียม ใจสั่นกันไปแล้วกับแฟชั่นในนิตยสารดังเล่มหนึ่ง เอ้า....มาแรงขนาดนี้ เราจึงต้องจัดพื้นที่ให้เขาได้มาแสดงตัวตนกันนิดหนึ่ง และตอนนี้หนุ่มพุฒ พร้อมแล้ว เราไปทำความรู้จักกับหนุ่มพุฒกันเลย

“วัยเด็ก”

เล่าถึงครอบครัวของพุฒหน่อยค่ะ?

“ครอบครัวผมเป็นคนราชบุรีครับ ก่อนหน้านี้คุณพ่อคุณแม่ทำอาชีพเกษตรกร ปลูกผลไม้ ทำสวนที่ราชบุรี เป็นสวนมะม่วง องุ่น ชมพู่ ฝรั่ง และอีกหลาย ๆ อย่าง ที่ดินค่อนข้างเยอะเลยปลูกคละกันไป แต่ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ทำน้อยลงเพราะอายุเยอะแล้ว บวกกับลูกๆ ทุกคนก็ไม่ได้อยู่ทำต่อจากท่าน เข้ามาตามหาความฝันของตัวเองที่กรุงเทพฯ กันหมด มาเรียนสิ่งที่ตัวเองอยากเรียน ทำงานที่ตัวเองอยากทำ ผมเองมีพี่น้อง 6 คนครับ เป็นผู้ชายหมดเลย ผมเป็นคนที่ 4 ด้วยความที่เป็นผู้ชายเราก็จะไม่ค่อยเหมือนแบบผู้หญิงที่จะคุยจะปรึกษากันตลอด แต่ละคนจะมีความสันโดษ มีโลกส่วนตัว เหมือนไม่

ค่อยคุยกันเท่าไหร่ แต่ว่าเวลามีปัญหาใหญ่ก็ช่วยกันตลอดครับ”

ตอนเด็ก ๆ พุฒเป็นคนยังไง?

“ไม่ค่อยซน แต่เป็นคนโมโหร้าย อารมณ์ร้อนถ้าอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะขว้างของ กระแทกของ นั่นคือเด็ก ๆ เลย แต่พอเราโตขึ้นมันเริ่มคิดได้รู้ว่าไม่ดีก็เลิกทำ แต่ถึงจะไม่ค่อยซนก็เคยมีครั้งนึงแก๊งเพื่อน ๆ สมัยประถมเค้าจะมีจักรยานปั่นคนละคัน แต่คุณพ่อของผมสั่งให้อยู่บ้าน ไม่ให้ไปไหน เพราะกลัวเราไปทำอะไรที่จะเจ็บตัว แต่ด้วยความเป็นเด็กแล้วหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อนปั่นจักรยานมาที่บ้าน เราก็อยากออกไป พอจังหวะที่พ่อนอนเราก็แอบจูงจักรยานออกไป จำได้ว่าไปโหนต้นไม้ด้วยตามประสาเด็ก ๆ เห็นเพื่อนโหนกิ่งไม้แล้วรู้สึกว่าโห! เท่! เราก็โหนบ้างแล้วด้วยความที่ร่างกายเราไม่แข็งแรง บวกกับกิ่งไม้กิ่งนั้นมันคงเล็กแล้วมันก็หัก เราก็ตกลงมาเจอตอไม้ที่มีตะปูตอกอยู่
 

ด้วยความโชคร้ายหน้าผากเราไปโหม่งตรงตะปูพอดี เลือดอาบทั้งหน้าทั้งตัว ยังมีแผลเป็นอยู่เลย เราก็ยังมีสติอยู่แต่ก็เจ็บเพื่อนก็หน้าซีดกันหมด ก็เลยบอกให้เพื่อนพากลับบ้าน เราก็แอบย่องเข้าหลังบ้านกะว่าไม่ให้พ่อเห็นพอเดินไปได้ครึ่งทางก็โดนพ่อเรียกจากข้างหลัง ความแตกเลยครับ พ่อไปเอาไม้มาฟาดตรงนั้นเลยต่อหน้าเพื่อน เจ็บแล้วยังโดนตีซ้ำเพราะเขาถือว่าเขาเตือนแล้ว เข็ดเลยครับ ไม่ทำอีกเลย”

สนิทกับใครที่สุด?

“จริงๆ แทบจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้เป็นคนที่สามารถพูดคุยได้น่าจะเป็นน้องอีกสองคนมากกว่า เพราะด้วยความเป็นพี่เรามีอะไรก็จะแนะนำ บางทีเราเห็นว่ามันเดินไปทางนี้เดี๋ยวมันก็ต้องมีเจ็บตัวบ้าง พลาดบ้าง เราก็จะเข้าใจช่วยไปคุยด้วยตลอด”

“ล่าฝัน” 

พูดถึงสมัยเรียนหน่อย?

“มัธยมเรียนอยู่ราชบุรี เรียนโรงเรียนคริสต์เลยชื่อโรงเรียนวันทามารีอา เรียนตั้งแต่อนุบาลถึงประถม 6 หลังจากนั้นก็ย้ายไปเรียนโรงเรียนประสานรักษ์ประชากิจ ตอน ม.1- ม.6 ครับ พอจบมัธยมก็เลยนึกถึงนิเทศศาสตร์ เพราะตอนเด็ก ๆ เราชอบดูทีวี ก็รู้สึกว่าอยากทำอะไรที่มันเกี่ยวกับบันเทิง เลยตัดสินใจมาสมัครที่กรุงเทพฯ ไปเรียนราชภัฏสวนดุสิต จำได้ว่าพอวันปฐมนิเทศมีนักศึกษาที่เรียนนิเทศศาสตร์เยอะมาก แล้วอาจารย์ก็บอกว่านักศึกษาที่เรียนนิเทศศาสตร์ทำใจไว้เลยนะคะว่าจบมาคุณตกงานแน่นอนค่ะ เราก็เครียดเลย จำได้ว่าตอนนั่งรถเมล์กลับบ้านก็คิดว่าเลือกคณะนี้ทำไมเนี่ย 

แต่เลือกแล้วมันทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะถ้าเลือกใหม่มันจะเสียเวลาอีกปีนึงซึ่งเราไม่อยาก เราก็เปลี่ยนวิธีคิดใหม่มาดูว่านิเทศศาสตร์มันก็จะมีวารสาร โฆษณา วิทยุโทรทัศน์ เราก็มองว่าเราอยากทำอะไร ตอนนั้นเราบอกกับตัวเองว่าถ้าเราเรียนทุกอย่างเหมือนกับเพื่อนที่เรียนอยู่ด้วยกัน เราจบมาเราก็จะก้าวไปพร้อมกันยืนเรียงหน้ากระดานกัน โอกาสที่บริษัทที่ทำงานจะมาเลือกเราก็น้อย เราก็เลยหาอะไรที่เรารู้สึกว่าสามารถก้าวนำเพื่อน ๆ ไปได้สักนิดนึงก่อน ก็เลยมองไปที่การเป็นดีเจเพราะชอบฟังเพลง ก็เลยเริ่มฟังเพลงเยอะขึ้น ฟังวิทยุ จากแต่ก่อนที่ฟังเพลงอย่างเดียวไม่ค่อยฟังดีเจพูด ก็มาเริ่มฟังว่าเขาพูดกันแบบไหน หลังจากนั้นก็เริ่มทำเดโม่บ้าง จัดวิทยุเสียงตามสายในมหา’ลัยบ้าง บวกกับเรียนนิเทศศาสตร์มันได้ทำสคริปต์ เขียนเบื้องหลัง คือเราก็จะผ่านกระบวนการทำงานตอนนี้ไปหมดแล้วก็เลยค่อนข้างที่จะสบายเกี่ยวกับเรื่องของการทำวิทยุ”

แล้วความฝันในวัยเด็กอยากทำอะไร?

“ถ้าเป็นความฝันของตัวเองตอนเด็ก ๆ อยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ ผมเป็นคนชอบเล่นกีฬามากแล้วเล่นได้ทุกประเภทแต่ที่ชอบและคลั่งไคล้คือฟุตบอล ฝันว่าอยากเป็นนักบอลทีมชาติ อยากเป็นนักเตะสโมสรยุโรป แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เราต้องเรียนด้วย เราเลยไม่ได้ไปสายนั้นโดยตรง แล้วพอเข้ามหา’ลัยก็ทิ้งฟุตบอลไปเลย ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เลยถ้าเราไม่ทำตรงนี้คงเป็นนักฟุตบอลคนนึงที่เตะอยู่ในไทยพรีเมียร์ลีก อย่างเมืองทอง บุรีรัมย์ บางกอกกล๊าส มันเป็นสิ่งที่เราชอบ แต่สำหรับตอนนี้มันเป็นฝันที่คาดไม่ถึงว่าเราจะมาทำตรงนี้ได้ โชคดีมีรุ่นพี่ที่เขาเป็นดีเจเขาแนะนำเรา รายการแรกเลยคือโอไอซีครับ พอมาเป็นพิธีกรโอไอซีเสร็จปีต่อมาก็เป็นดีเจ แล้วเอไทม์เป็นที่ที่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาทำงานที่นี่ เพราะมันไกลเกินคาแรกเตอร์ของเรา แต่ตอนนี้ก็ได้ทำเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ” 

“แฟชั่น”

ก่อนจะเข้ามาเป็นนักแสดงเต็มตัวเรามองอาชีพนี้ยังไงบ้าง?

“มองเป็นอาชีพที่ดูสบาย โด่งดังเป็นที่รู้จัก ดูดีไปหมดมองแบบเผิน ๆ เลยนะ จำได้ว่าเรื่องแรกผมเล่นซิทคอม คู่รักต่างขั้ว ของทีวีธันเดอร์ ไม่เคยเรียนการแสดงไม่รู้ว่าการแสดงคืออะไร ผู้กำกับคือพี่ต้อ-มารุต สาโรวาท เราก็เล่นไปตามความเข้าใจของเรา จนมาได้เล่นอีกเรื่องของช่อง 3 คือจุดนัดภพ เป็นงานที่สองเล่นเป็นตำรวจ บทตำรวจก็เป็นความฝันวัยเด็กด้วย มันก็พอมีอินเนอร์ ทำให้เล่นได้ดีขึ้น แถมมีแอ๊คติ้งโค้ชด้วย ทำให้เราพัฒนาขึ้นมากครับ หลังจากจุดนัดภพก็จะมีเรื่องที่เป็นหนังสั้นบ้าง คลับฟรายเดย์บ้าง จนได้มีโอกาสมาเล่น เล่ห์นางฟ้า กับ ฝันเฟื่อง ที่เอ็กแซ็กท์ครับ”

ผลงานที่ทำให้พุฒเป็นที่รู้จักเลย ?

“น่าจะแอตติจูดครับ คือภาพเราเป็นพิธีกรเป็นดีเจคนที่เขารู้จักเรามันจะแคบ มันจะไม่เหมือนละคร พอถ่ายแอตติจูด ชีวิตเปลี่ยนเลยครับ คนรู้จักเยอะขึ้นมาก มีคนขอถ่ายรูป ไปไหนมาไหนมีคนมอง แต่ก็เป็นดาบสองคม เพราะเราก็เจอข่าวแย่ ๆ ด้วย ว่ามีเสี่ยเกย์มาเลี้ยง เราก็ขำ ไม่เครียดเลย มันเลยจุดนั้นมาแล้ว เมื่อก่อนคนจะบอกว่าเราเหมือนเกย์จะเครียด จะซีเรียสมากเหมือนจริงเหรอ ก็จะเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อไม่ให้ดูเป็นเกย์ แต่พอผ่านมาแล้วเราก็จะมองว่าก็ไม่ได้เป็นแล้วจะเครียดทำไม แค่คนที่รู้จักแล้วอยู่ข้าง ๆ เราเขารู้ว่าเราไม่ได้เป็นก็พอแล้ว ก็เลยกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว” 

“ไอดอล”

มีนักแสดงรุ่นพี่ที่เป็นไอดอลไหมคะ?

“ชอบพี่ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ครับ ชอบดูละครของเขา หล่อ เท่ ชอบเสียง เขาเป็นคนเสียงหล่อ คือถ้าเราเป็นผู้ชายแบบนี้สาว ๆ ต้องหลงรักแน่ ๆ”

พุฒมองงานในอนาคตในอาชีพนักแสดงต่อไปยังไง?

“ไม่กล้ามองเลย คือเราใหม่มากสำหรับการเป็นนักแสดง แล้วเราก็รู้สึกว่าเราได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่มากที่มันอาจจะมากกว่าคนอื่นๆ สองเรื่องที่เอ็กแซ็กท์มอบให้มา เราก็ไม่กล้ามองไปถึงเรื่องต่อๆ ไป เราก็อยากดูว่าฟีดแบ็กเรื่องที่เราเล่นไปมันเป็นยังไง แล้วอีกเรื่องนึงที่เราถ่ายไปแล้วมันเป็นยังไงบ้างคือเอาสองเรื่องนี้ให้เต็มที่ แล้วอนาคตสำหรับการเป็นนักแสดงถ้ามันจะไปรอดก็คงให้ผู้ใหญ่และคนดูเป็นคนตัดสิน เราก็ทำเต็มที่ที่สุดไว้ก่อนครับ”

“ความรัก”

พูดถึงมุมมองความรัก?

“ความรักเหมือนเป็นกำลังใจให้เราได้ทำอะไร ได้มีความสุข แต่จริงๆ มันก็ทำให้เราทุกข์ได้อยู่ที่เราเลือกจะรัก มันไม่มีอะไรกำหนดได้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น เขาจะต้องเป็นแบบที่เราให้เป็น ความรักผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่เข้าใจกันแล้วรับในสิ่งที่เขาเป็นได้ เราชอบความเป็นธรรมชาติของเขา เขาชอบความเป็นตัวเราก็พอแล้ว ผมไม่มีสเปกอะไรมาก ขอแค่นี้เองครับ”

ฝากผลงานค่ะ

“ฝากผลงานดีเจ ที่เอฟเอ็ม 89 ด้วยนะครับ จันทร์-ศุกร์ 8 โมงเช้าถึง 10 โมง แล้วก็ฝากรายการโอไอซีด้วยช่องแบงแชนแนล บ่ายสามถึงห้าโมงเย็น จะมาทุกวันพฤหัสฯ แล้วก็ละครเรื่องเล่ห์นางฟ้าออนแอร์อยู่ทุกวันจันทร์-อังคาร ทางช่อง 5 ละครโรแมนติกคอมเมดี้ดูสบาย ๆ ครับ และอีกหนึ่งเรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่คือ ฝันเฟื่อง เรื่องนี้ผมเล่นกับพี่จุ๋ย-วรัทยา น้องโม-มนชนก น้องแกงส้ม เดอะสตาร์ ยังไงฝากติดตามชมด้วยนะครับ” 

แหม...ต้องยอมรับว่าเขามาแรงจริงอะไรจริง ณ จุดนี้ ส่วนเสาร์หน้าจะเป็นหนุ่มหน้าใสคนไหนนั้น ติดตามกันให้ดี รับรองสาว ๆ มีกรี๊ด.


‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’ ‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’


‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’ ‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’


‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’ ‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’


‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’ ‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’


‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’ ‘พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน’

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์