งัดคาถาเข้าสู้ โอม...จงอย่าเปลี่ยนช่อง

สงสัยคำโบราณที่ว่า "ไม่ได้ด้วยเล่ห์ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ต้องเอาด้วยคาถา" นี่ท่าจะเห็นผลจริง

เพราะตอนนี้เพื่อนร่วมเวลาละครหลังข่าวพุธ-พฤหัสฯ ทั้ง ""บ่วงบาป"" และ ""เสือสั่งฟ้า 2" พยัคฆ์ผยอง" ต่างใช้ "คาถา" มาดึงดูดคนดูให้ติดหนึบน่าจอแบบไม่ได้นัดหมาย

ส่วนใครใช้ไม้ไหน ได้-ไม่ได้ผลอย่างไร มาวัดให้เห็นกันจะจะไปเลย

"ของเรามีแค่ทำเสน่ห์ด้วยคาถากับหุ่นรูปรอย" "กฤษฎา เตชะนิโลบล" ผู้กำกับ "บ่วงบาป" เผยกลยุทธ์

แม้จะออกตัวว่าเนื้อหาเป็นเรื่องความรักและบาปบุญ แต่ก็พอมีทางให้ใส่เรื่อง "ไสยศาสตร์" โดยเฉพาะคาถา ซึ่งเป็นเสน่ห์คู่ละครย้อนยุค ชิงรักหักสวาท

"มันเป็นการต่อยอดจินตนาการความเป็นเด็กของคนไทย เหมือนเวลาฟังรุ่นปู่ย่ามาเล่าตำนาน เราก็ยังตื่นเต้นทุกครั้ง" 

คนเขียนบทเลยเสนอขาย ทั้งลูกกรอก,จิ้งจก,น้ำมันพราย,หงส์ร่อน มังกรรำ และอีกสารพัดที่ใช้ทำเสน่ห์ แต่เขาขอซื้อแค่ 2 ด้วยเหตุผลว่า "เอาที่คนดูมีพื้นอยู่แล้วดีกว่า"

ทว่ากว่าจะได้คาถาโดนใจก็แก้ไปซะ 5-7 รอบ

"จำได้ไม่ชัดว่าเท่าไหร่แน่ แต่แก้เยอะมาก เพราะครั้งแรกคนเขียนเขียนเอาคาถาจริงๆ ซึ่งเป็นภาษาบาลีมา แต่เราว่าอย่าเล่นของจริงเลย"

"มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมาเล่น ของอย่างนี้ไม่มีใครรู้ว่ามีจริง หรือไม่มีจริง ถ้ามีจริงก็ไม่ควรลบหลู่ ยิ่งในเรื่องนี้มีการใช้คาถาบ่อย เดี๋ยวท่องแล้วกระเด็นไปโดนผัวคนอื่น จะทำยังไง" 

เลยให้ไปแก้ พร้อมระบุขอเป็นภาษาไทย

"เพราะถ้าคนจะฮิตก็ต้องเป็นภาษาที่คนดูพูดต่อได้ และง่าย" 

จนสุดท้ายได้ "ใจเป็นของกู ตัวเป็นของกู เสพสมกายกู เสน่หาเพียงกู" ให้ "พลอย-เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์" ผู้สวมบท ""แม่รำพึง"" ร่ายจนคนหลงใหลไปทั้งประเทศ

ทั้งๆ ที่คนทำเองก็นึกไม่ถึง 

"ชื่นใจมาก" เขาว่า 

งัดคาถาเข้าสู้ โอม...จงอย่าเปลี่ยนช่อง


"จู่ๆ ในโลกออนไลน์ก็เอาไปบิดคำเล่นกัน กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์" 

งานนี้ถ้าจะมีความดีความชอบ เขาขอยกให้กับคนเขียนบทและดารา โดยเฉพาะพลอยที่มีการกระแทกเสียง ใส่อารมณ์ จนทำให้แซ่บไม่เหมือนใคร

"พอเข้าไปอยู่ในปากพลอยแล้วทำให้มีพลัง" ว่าอย่างนั้น

"เพราะคาถา ถ้าเขียนแล้วนักแสดงไม่เชื่อ สิ่งที่ท่องออกมา ก็แค่นั้น"

ขณะที่ "อนุวัฒน์ ถนอมรอด" ผู้กำกับ "เสือสั่งฟ้า" บอกว่าเขาใช้คาถาจริงทั้ง 2 ภาค

แล้วก็กลายเป็นเรื่อง

"ไม่ใช่ว่านักแสดงทำได้ไม่ดี" เขาบอก

"แต่เพราะมีสมาธิมากเกิน จนคาถาเหล่านั้นเกิดอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาจริงๆ"

"เสือสั่งฟ้า" ภาคแรก ซึ่งนำคาถามาใช้แบบเต็มๆ เลยเจอลมแรงเหมือนพายุตอนร่ายคาถา-แต่ว่าอันนี้แค่เบาะๆ

เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งในฉากที่ต้องร่ายคาถาลิงลม แล้วแปลงกายเหาะเหินเดินอากาศ จู่ๆ ทีมงานก็เห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงมายืนเท้าสะเอวมองอยู่ข้างกระท่อม แล้วหลังจากนั้นสักพักกิ่งไม้ที่ใช้แขวนสะลิงก็หักลงมา ดีที่นักแสดงยังไม่ทันได้ขึ้น 

ส่วนคนนุ่งโจงกระเบนที่ว่าพอหันไปหาอีกครั้ง แถวนั้นก็ไม่มีใครอยู่สักคน

เท่านั้นแหละ,ทุกครั้งก่อนถ่ายจึงต้องไหว้เจ้าที่เจ้าทาง และที่สำคัญจากคาถาเต็มๆ ที่ว่า เวลาจะแสดงก็เปลี่ยนเป็นการท่องแบบไม่จบบท เพื่อป้องกันไว้ก่อน 

"แต่พวกคาถาอาคม อยากทำให้คนยุคใหม่เห็น เลยเป็นที่มาของเสือสั่งฟ้า ภาคสอง"

"เพราะพระเอกเป็นคนรุ่น พ.ศ.2525 ที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ เชื่อแต่วิชาเอาตัวรอดของตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ใช่ทั้งหมด"

โดยเนื้อหาเล่นกับเรื่องการเลือกทางเดินชีวิต ว่า "ลูกโจรต้องเป็นโจรวันยังค่ำ" จริงหรือ

แล้วลูกโจรที่ถูกเลี้ยงมาโดยครอบครัวตำรวจ แต่กลับต้องไปพัวพันในเส้นทางโจรที่นอกจากใช้ฝีมือยังสู้กันด้วยไสยศาสตร์นั้นจะเป็นอย่างไร

ในเรื่องจึงมีการหยิบคาถามาใช้เกือบ 20 บท

ไม่ว่าจะเป็นคาถาชุบชีวิตคนตาย,ปลุกผี,ปลุกเสือ,นะจังงัง,นะโมพุทธายะ,ย่นระยะทาง,หัวใจหนุมาน ฯลฯ

โดยไม่ว่าจะบทไหนคนทำซึ่งตั้งใจให้สมจริงที่สุดจึงไปค้นคว้ามาจากหนังสือสารพัดในหอสมุดแห่งชาติ

ซึ่งดูแล้วการพิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียดของทั้ง 2 เรื่อง 2 รสนี่ล่ะน่าจะเป็น "คาถาสำคัญ" ที่ทำเอาคนดูคิดหนัก 

"เพราะจะให้ตัดใจเลือกได้เพียงหนึ่ง ก็ทำไม่ได้จริงๆ"

งัดคาถาเข้าสู้ โอม...จงอย่าเปลี่ยนช่อง



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์