หมอเผ่นหนี ตร.ล่าคลี่ปมยาแจ๊กสัน

หมอประจำตัวของ"ไมเคิล แจ๊กสัน"เผ่นแน่บ ตร.ยึดรถบีเอ็มหรู-ค้นหาหลักฐานการตายของราชาเพลงป๊อป เผยนักร้องดังโด๊ปเป็นประจำยาอันตราย 8 ชนิด

ทั้งยาแก้ปวดแบบรุนแรง 3 ขนานพร้อมกัน ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้เครียด และคลายความซึมเศร้า ด้านอดีตภรรยา"ลิซา มารี เพรสลีย์"เผยไมเคิลเคยพูดเป็นลางว่าจะตายเพราะใช้ยาแบบ"เอลวิส เพรสลีย์" บริษัทจัดคอนเสิร์ตในลอนดอนพร้อมคืนค่าตั๋วให้ผู้ที่สั่งจอง


อาลัย - แฟนเพลงเขียนคำไว้อาลัย "ไมเคิล แจ๊กสัน" ราชาเพลงป๊อปผู้ล่วงลับ
บนพื้นถนนในนครโตรอนโต แคนาดา ขณะที่แฟนคลับทั่วทุกมุมโลก
รวมตัวกันด้วยความโศกเศร้า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.



เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นายเครก ฮาร์วีย์ โฆษกสำนักงานชันสูตรศพ นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ชันสูตรศพไมเคิล แจ๊กสัน วัย 50 ปี ราชาเพลงป๊อปชื่อก้องโลกเรียบร้อย ไม่พบว่าเป็นการฆาตกรรม และญาติมารับศพกลับไป ประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ผลการตรวจสอบหาสาเหตุการตายคาดว่าจะทราบภายใน 4-6 สัปดาห์ เพื่อผลพิสูจน์ทางพิษวิทยา ขณะนี้ยังให้ข้อมูลมากไม่ได้ เนื่องจากตำรวจสั่งจำกัดการเผยแพร่รายละเอียดในด้านคดี "การผ่าชันสูตรใช้เวลา 3 ชั่วโมง เบื้องต้นเราไม่พบสิ่งต้องสงสัยใดๆ และ ยุติการทำงานชั่วคราวเพื่อรอผลพิสูจน์พิษวิทยา" นายฮาร์วีย์ กล่าว

สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์และเอพี ระบุว่า แหล่งข่าวผู้มีส่วนในคดีการตายของแจ๊กสันเปิดเผยว่า แพทย์ชันสูตรศพรู้สึกประหลาดใจ

เมื่อพบว่าสภาพร่างกายแจ๊กสันแข็งแรงกว่าที่คาดไว้ และยังพบแผลเป็นบนใบหน้า รวมถึงบริเวณหน้าอก ซึ่งเกิดจากการปั๊มหัวใจ ส่วนภาวะหัวใจวายเชื่อว่าไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด ทำให้หัวใจหรือปอดหยุดทำงาน แนวทางการสอบสวนของตำรวจจึงพุ่งเป้าเรียกตัวกลุ่มแพทย์ที่เคยดูแลแจ๊กสัน โดยเฉพาะดร.คอนราด เมอร์เรย์ หมอประจำตัว ที่เชื่อว่าเป็นคนฉีดยาแก้ปวดเดเมอรอลให้แจ๊กสันในบ้านพักนครลอสแองเจลิสก่อนเสียชีวิตและหลังเกิดเหตุหายตัวไป แต่ล่าสุดแจ้งกับทางการว่าพร้อมไปให้ปากคำ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสุดหรูของดร.เมอร์เรย์ ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านแจ๊กสันในนครลอสแองเจลิสไปตรวจสอบดูว่ามียาอะไรอยู่ในรถบ้าง

และยังเก็บยาชนิดต่างๆ ในบ้านไปด้วยเช่นกัน แต่ในชั้นนี้ดร.เมอร์เรย์ยังไม่ได้มีสถานะเป็นผู้ต้องหาด้านดร.โทเมห์ อาร์. โทเมห์ แพทย์อีกคนของแจ๊กสัน กล่าวว่า บริษัท เออีจี ไลฟ์ โปร โมเตอร์ผู้ว่าจ้างแจ๊กสันเล่นอภิมหาคอนเสิร์ต "This Is It" 50 รอบรวดในสนามโอทูอารีน่า กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นคนจ้างและส่งดร.เมอร์เรย์มารักษาสุขภาพของแจ๊กสันเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนตามความต้องการของแจ๊กสันเอง


ฟ็อกซ์นิวส์ เปิดเผยว่า ดร.เมอร์เรย์เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจระดับหัวแถวในสหรัฐและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเพราะรักษานักกีฬาดังๆ หลายคน

ส่วนศพแจ๊กสันนั้น ญาติแอบนำออกจากสำนักงานชันสูตรศพแบบเงียบๆ ไปไว้ยังสุสานแห่งหนึ่ง และลั่นกุญแจล็อกฝาโลงอย่างแน่นหนา ป้องกันไม่ให้ใครสามารถถ่ายภาพศพได้เด็ดขาด

หนังสือพิมพ์เดอะ ซัน สิ่งพิมพ์อังกฤษชื่อดัง รายงานว่า ยาที่แจ๊กสันใช้ทุกวันมีประมาณ 8 ชนิด ได้แก่

1.ยาแก้ปวดเดเมอรอล ซึ่งออกฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีนโดยฉีดถึงวันละ 3 เข็ม
 
2.ยาแก้ปวดดิเลาดิด มีส่วนผสมของฝิ่น
 
3.ยาแก้ปวดไวโคดิน ซึ่งติดง่ายมากถ้าใช้เป็นประจำ

4. ยาคลายกล้ามเนื้อโซมา

5.ยาคลายเครียดลดความวิตกกังวลยี่ห้อซาแน็ก

6.ยาแก้ซึมเศร้าโซลอฟต์

7.ยาคลายเครียดเพซิล 

8.ยาแก้เสียดท้องไพรโลเซ็ก โดยทั่วไปยาแก้ปวดสามตัวแรกมีฤทธิ์แรงมาก และจะไม่ใช้พร้อมๆ กัน แต่แจ๊กสันใช้ยาดังกล่าวร่วมกัน


ด้านนางลิซ่า มารี เพรสลีย์ อดีตภรรยาแจ๊กสันและลูกสาวของ "เอลวิส เพรสลีย์" สุดยอดราชาเพลงร็อกโลก

กล่าวว่า ระหว่างใช้ชีวิตคู่ร่วมกันปีพ.ศ.2537-2539 สื่อมวลชนโจมตีว่าพวกตนแกล้งแต่งงานกันเพื่อสร้างข่าวหาผลประโยชน์ แต่ขอยืนยันว่ารักกันจริง ไม่มีการจัดฉาก นอกจากนั้น เมื่อ 14 ปีก่อน แจ๊กสันเคยนั่งปรับทุกข์พูดเปิดใจให้ฟังว่า กลัวว่าสักวันจะมีจุดจบเหมือนเอลวิส ซึ่งเสียชีวิตเพราะใช้ยาเกินขนาดเช่นกัน แสดงว่าแจ๊กสันรู้ชะตากรรมของตัวเองดี

หมอ"ไมเคิล" - โฉมหน้าดร.คอนราด เมอร์เรย์

"ฉันพยายามหาทางทำให้ไมเคิลเลิกคิดแบบนั้น แต่เขาก็แค่ยักไหล่ตอบ" ลิซ่า มารี เพรสลีย์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น

ด้านนายแพทย์ดีปัก โชปรา แพทย์ผู้เชี่ยว ชาญธรรมชาติบำบัด ซึ่งรู้จักแจ๊กสันนานกว่า 20 ปี เผยข้อมูลผ่านซีเอ็นเอ็น ว่า การใช้ยามากเกินไปและหลายขนานเป็นต้นเหตุให้แจ๊กสันต้องตาย ในอดีตแจ๊กสันเคยใช้ยาแก้ปวด "ออกซีคอนทิน" ซึ่งสกัดจากฝิ่น ทั้งยังฉีดยาดีเมอรอล รวมทั้งใช้ยาเสพติดอื่นๆ อีกหลายชนิด ตนเคยช่วยแจ๊กสันเต็มที่ แต่ไม่เป็นผลเพราะเจ้าตัวปฏิเสธ เมื่อร่างกายมียามากในระดับหนึ่ง จึงทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ถึงขั้นระบบหายใจหยุดทำงาน

"ไมเคิลเคยขอให้ผมสั่งยาให้ ผมตอบไปว่า "คุณจะเอายาไปทำบ้าอะไร" สักพักผมเลยคิดได้ว่าเขาคงใช้ยาพวกนี้เป็นประจำ

และน่าจะมีหมอหลายคนยอมเขียนใบสั่งซื้อยาให้เขา ผมไม่ยอมทำตามคำขอ สักพักเราก็ห่างกัน" โชปรา กล่าว และประณามหมอที่หากินกับดาราคนดังในแวดวงบันเทิงฮอลลีวู้ดว่าไม่มีจรรยาบรรณ เพียงแค่บังเอิญมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ แต่กลับทำตัวเป็นคนขายยา ผลักดันให้ผู้คนใช้ยาโดยไม่จำเป็น

วันเดียวกัน มีรายงานว่า การจากไปของแจ๊กสัน ส่งผลให้คนทั่วโลก หันมาสนใจผลงานเพลงรวมทั้งวิดีโอเก่าๆ ของนักร้องซูเปอร์สตาร์คนนี้อย่างแพร่หลาย

กระแสนิยมดังกล่าวทำให้ค่ายเพลงต่างๆ ที่มีลิขสิทธิ์ผลงานแจ๊กสันอยู่ในมือ ต่างเตรียมนำอัลบั้มเก่าออกมาขายใหม่รับทรัพย์กันอีกครั้ง รวมไปถึงสินค้าที่ระลึกที่เกี่ยวกับแจ๊กสันด้วย คาดว่าจะทำเงินสะพัดหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันการซื้อขายเพลง วิดีโอ และสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวกับแจ๊กสันทั้งทางอินเตอร์เน็ตและผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่เป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะช่วงไม่กี่นาทีแรกหลังประกาศข่าวการเสียชีวิตของแจ๊กสันพบว่า ยอดขายงานเพลงแจ๊กสันพุ่งทันตาเห็น เช่น "อะเมซอนดอตคอม" เว็บไซต์ขายสินค้าหน้าออนไลน์แถลงว่า แค่ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สามารถขายงานเพลงของแจ๊กสันได้มากกว่าตลอดช่วง 11 ปีที่ผ่านมา


นอกจากนี้ หลังจากที่บริษัท เออีจี ไฟล์ ผู้จัดงานคอนเสิร์ต "This Is It" ปิดปากเงียบไม่แสดงความเห็นใดๆ ต่อการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของแจ๊กสันเมื่อวันพฤหัสบดี

ล่าสุด โฆษกเออีจีเปิดแถลงข่าวช่วงค่ำวันศุกร์ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและเพื่อนๆ ของแจ๊กสัน และประกาศว่า จะคืนเงินค่าตั๋วเต็มจำนวนให้แฟนเพลงที่ซื้อตั๋วทั้งหมด 750,000 ใบ ส่วนวิธีคืนตั๋วจะเปิดเผยข้อมูลและวิธีการในสัปดาห์หน้า ขอให้ลูกค้าเก็บตั๋วหรือหลักฐานการซื้อไว้ด้วย ทั้งนี้ การตั้งเงื่อนไขดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่ซื้อจากร้านจำหน่ายตั๋วเท่านั้นที่จะได้รับเงินคืน แต่ผู้ที่ซื้อตั๋วจากแหล่งอื่นๆ เช่น ซื้อผ่านเว็บไซต์อีเบย์ หรือบุคคลที่ 3 อาจไม่ได้รับเงินคืน ขณะที่เว็บไซต์อีเบย์แจ้งว่ามีคนนำตั๋ว "This Is It" มาจำหน่ายในราคาสูงถึง 1,300 ปอนด์หรือเกือบ 6 หมื่นบาทต่อใบเพื่อเก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ สื่อมวลชนสหรัฐชี้ว่า นอกเหนือจากการไขปริศนาต้นตอการเสียชีวิตของแจ๊กสันแล้ว

ยังมีอีก 2 ประเด็นใหญ่ที่จะเกิดขึ้นตามมา นั่นคือ ใครจะได้รับสิทธิ์เลี้ยงดูบุตร 3 คนของแจ๊กสัน รวมถึงปมปัญหาหนี้สินมหาศาลนับหมื่นล้านบาทที่คาดว่ากลุ่มเจ้าหนี้จะแห่มารุมทึ้งทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของแจ๊กสันอย่างแน่นอน สำหรับแหล่งรายได้สำคัญของแจ๊กสันที่เป็นเนื้อเป็นหนังที่สุด ได้แก่ หุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าประมาณ 33,000 ล้านบาท ในบริษัท เอทีวีมิวสิคพับลิชชิ่ง เจ้าของลิขสิทธิ์เพลงศิลปินชั้นนำของโลกหลายวงด้วยกัน เช่น เดอะ บีตเทิลส์ บ๊อบ ดิแลน และโจนี่ มิเชลล์


ทั้งนี้ ทรัพย์สินทั้งหมดของแจ๊กสันจะตกอยู่กับทายาท ประกอบด้วย ด.ช.พรินซ์ ไมเคิล จูเนียร์ วัย 12 ปี ด.ญ.ปารีส ไมเคิล แคตเธอรีน วัย 11 ขวบ และด.ช.พรินซ์ ไมเคิล ที่ 2 หรือ "แบลงก์เค็ต" วัย 7 ขวบ

สำหรับสองคนแรกถ้าพิจารณาจากข้อกฎหมายสหรัฐมีแนวโน้มสูงที่เด็กจะต้องกลับไปอยู่กับนางเด็บบี้ โรว์ อดีตภรรยา คนที่ 2 ของแจ๊กสัน ซึ่งใช้วิธีผสมเทียมให้กำเนิดลูกทั้งสองคน และต้องรอดูว่าครอบครัวแจ๊กสันจะฟ้องร้องเรียกร้องสิทธิ์ดูแลเด็กหรือไม่ แต่กรณีของด.ช.แบลงก์เค็ตยังเป็นปัญหา เพราะแจ๊กสันไม่เคยเปิดเผยตัวแม่เด็ก แต่หลังจากนี้แม่ตัวจริงคงออกมาแสดงตน เพื่อทวงสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรอย่างแน่นอน

"ความตายของไมเคิลจะเป็นจุดเริ่มต้นอันยาว นานของการต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป หลังจากนี้ผมคิดว่าจะมีคนจำนวนมากออกมากล่าวอ้างว่าใกล้ชิดกับไมเคิลเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ต่างๆ" นายไบรอัน ออกซ์แมน ทนายความประจำตระกูลแจ๊กสัน กล่าวและว่าขณะนี้ยังไม่ทราบว่าแจ๊กสันได้ทำพินัยกรรมอะไรไว้บ้างหรือไม่

สุดท้าย - ภาพถ่ายในช่วงท้ายของชีวิต "ไมเคิล แจ๊กสัน"

หนังสือพิมพ์กัลฟ์ เดลี่ นิวส์ รายงานเพิ่มเติมว่า ชีกอับดุลลา บิน ฮาหมัด อิซา อัล คาลิฟา พระโอรสในกษัตริย์บาห์เรน ซึ่งเคยมีคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากแจ๊กสันฐานผิดสัญญาผลิตงานเพลงก่อนยอมถอนฟ้องภายหลัง ตรัสว่า

รู้สึกเสียพระทัยมากที่ทราบข่าวการจากไปของ ราชาเพลงป๊อป วันนี้โลกสูญเสียผู้ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมดนตรีไปแล้ว สำหรับความเคลื่อนไหวในประเทศไทยนั้น วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนกรณีข่าวการเสียชีวิตของราชาเพลงป๊อปชื่อก้องโลก "ไมเคิล แจ๊กสัน" จำนวนทั้งสิ้น 1,028 คน สรุปว่า ประชาชน 45.28% รู้สึกเสียใจ ตกใจกับข่าวการจากไปของราชาเพลงป๊อปที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน 23.53% รู้สึกว่าวงการเพลงป๊อปต้องสูญเสียนักร้องที่มีความสามารถและเป็นไอดอลให้แก่นักร้องรุ่นใหม่ที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ถือเป็นการปิดตำนานราชาเพลงป๊อป 16.49% ยังรู้สึกสงสัยถึงสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง 14.07% เห็นใจคนในครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนที่รักอย่างกะทันหัน

เมื่อถามว่าเรื่องใดของไมเคิล แจ๊กสัน ที่คนไทยอยากรู้และต้องการให้สื่อนำเสนอ

37.91% ประวัติความเป็นมา ผลงานเพลง ความสามารถพิเศษในการร้องและเต้น 20.83% สาเหตุของการตายที่เกิดขึ้น 18.30% ชีวิตส่วนตัว เรื่องภายในครอบครัวและลูกๆ 12.54% เรื่องการทำศัลยกรรม การเปลี่ยนสีผิว 10.42% เรื่องสินทรัพย์มรดกที่มีอยู่ขณะนี้

เมื่อถามว่าข่าวการเสียชีวิตของ "ไมเคิล แจ๊กสัน" สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งใดบ้าง

30.52% ระบุว่า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีความแน่นอน 26.31% ทรัพย์สินเงินทอง ความร่ำรวยก็ไม่ช่วยให้พ้นความตายได้ 23.66% การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด 10.30% ควรพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ และไม่ควรทำศัลยกรรมมากเกินไป 9.21% แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดทุกคนก็ยังจดจำและกล่าวถึงความเป็นตำนานราชาเพลงป๊อปตลอดไป

เมื่อถามว่าคนไทยอยากพูดอะไรกับ "ไมเคิล แจ๊กสัน" เป็นครั้งสุดท้าย

32.17% บอกว่าคุณจะเป็นราชาเพลงป๊อปอันดับหนึ่งของโลกตลอดกาล 28.65% หลับให้สบาย ขอจงไปสู่สุคติ 21.74% คุณจะอยู่ในใจของแฟนเพลงตลอดไป 10.29% ท่าเต้นของคุณเป็นเอกลักษณ์ที่หาตัวจับได้ยาก และคุณคือสุดยอดนักเต้น 7.15% เสียดายที่ไม่มีคอนเสิร์ตให้แฟนเพลงได้ดูอีกต่อไป


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์