ลินด์เซย์ หยุดซ่าส์ อยากอยู่เงียบ ๆ

สาวปาร์ตี้

"ลินด์เซย์ โลฮาน" ผู้ที่เคยไปปาร์ตี้หัวราน้ำกับแก๊งเพื่อนสาวสุดซ่าส์อย่าง "บริทนีย์ สเปียรส์" และ "ปารีส ฮิลตัน" จนเป็นที่มาของพาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ที่เกรียวกราวฉาวโฉ่ ล่าสุดลินด์เซย์เพิ่งออกมาจากการเข้ารับการบำบัดสด ๆ ร้อน ๆ เธอบอกว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่จะค่อย ๆ "คูลดาวน์" หรือผ่อนคลาย และหันมาดูแลตัวเองบ้าง

ทุกคนคงเหนื่อย

ที่จะได้ยินข่าวเรื่องพวกนี้ของฉันและพวกหล่อน ๆ แล้ว ฉันก็เลยคิดว่าจะดีกว่า

สำหรับฉัน ถ้าอยู่เงียบ ๆ บ้างจะได้ดีขึ้น

สาวลินด์เซย์ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Allure ฉบับเดือนพฤษภาคมที่วางแผงแล้วตอนนี้

ลินด์เซย์ดาราสาวรุ่นในวัย 20 ปี

แจ้งเกิดจากภาพยนตร์เด็กของค่ายดิสนีย์ในเรื่อง The Parent Trap และอย่างภาพยนตร์เรื่อง Freaky Friday ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานสร้างชื่อ

ชื่อเสียงของเธอค่อย ๆ ดังมากขึ้นเรื่อย ๆ

พร้อมกับการติดตามไล่ล่าจากปาปาราซซี่อย่างไม่ลดละที่ต้องตามติดพิชิตสาวซ่าส์ตามไนท์คลับทั่วแอลเอแทบทุกสัปดาห์

กระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา

ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Georgia Rule ก็ได้เขียนจดหมายถึงลินด์เซย์บอกว่าพฤติกรรมของเธอเรียกได้ว่า "มีความไม่สุภาพ ไม่มีความรับผิดชอบ และไม่มีความเป็นมืออาชีพ" เอาเสียเลย เพราะพฤติกรรมของเธอที่ไปกองถ่ายสายตลอด

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้

สาวลินด์เซย์รับบทเป็นหญิงสาวที่มีปัญหา และจะลงโรงเดือนพฤษภาคมนี้ ฉันหงุดหงิดก็เพราะฉันไม่มีความรับผิดชอบอยู่บ้างนิดหน่อย ฉันไม่ได้คิดว่าจะมีผลอะไรเกิดขึ้นมาตามหลังบ้าง แต่ฉันก็ต้องผ่านพ้นสิ่งนี้ในชีวิตของฉันไปให้ได้" ลินด์เซย์เผยใจ

และในตอนนั้นเป็นช่วงที่เธอได้จบความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม

"แฮร์รี่ มอร์ตัน" ที่ตอนนี้เป็นอดีตไปแล้ว ผู้เป็นทายาทของ "ปีเตอร์ มอร์ตัน" ผู้ก่อตั้งโรงแรมฮาร์ดร็อคคาสิโน พอดิบพอดี

จากนั้นชีวิตปาร์ตี้ของสาวลินด์เซย์ก็เริ่มหนักขึ้น ๆ

จนกระทั่งมาถึงจุดหนึ่งที่กระตุ้นเธอ เมื่อตอนที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์คโพสต์ลงภาพสาวปารีส , บริทนีย์ และลินด์เซย์ ออกเที่ยวด้วยกัน แล้วพาดหัวข่าวว่า "การชุมนุมของเหล่าสาวรักสนุก"

กระทั่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้เอง

ลินด์เซย์ตัดสินใจพาตัวเองเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์ฟื้นฟูลอส แองเจลิส เป็นเวลาหนึ่งเดือน

พวกเขาคงไม่มีอะไรจะพูดถึงฉันเลยจริง ๆ

พวกเขาก็เลยพูดทุกอย่างตามความจริง" ลินด์เซย์เอ่ยปากถึงบรรดาหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ , นักข่าว และเหล่าปาปาราซซี่ที่ตามติดประชิดเธอนักหนา

เธอยังบอกอีกว่า

เหนื่อยเหลือเกินแล้วที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข ขณะที่จะไม่ทำให้ตัวเธอเองเป็นเป้าสายตา

และบอกว่าเป็นเรื่องประหลาดมากทีเดียวที่อยู่ ๆ

เธอก็ต้องการความช่วยเหลือจากคลินิคฟื้นฟูดังกล่าว "ฉันบอกเสมอว่า ฉันต้องตายแน่ ถ้าฉันไม่ได้ไปรับการบำบัดนั้นน่ะค่ะ"

มันเป็นเรื่องยากทีเดียว

ที่จะใช้ชีวิตให้เป็นสองเท่า ด้วยการทำให้ตัวเองมีความสุขพร้อมกับทำให้ทุกคนมีความสุขไปด้วย เพราะว่านี่คือสิ่งที่เป็นฉัน นั่นคือการทำให้คนรอบข้างมีความสุข "

และทิ้งท้ายว่า

"แต่สุดท้ายเราก็ลืมไปว่าเราได้สูญเสียเส้นทางในการนึกถึงและดูแลตัวเองไปเสียแล้ว" .