ข้าบดินทร์ บทพิสูจน์จากความบั่นทอน

เพิ่งแพร่ภาพทางช่อง 3 ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. ไปได้แค่ไม่กี่ตอน แต่ "ข้าบดินทร์" ฝีมือกำกับของ "หนุ่ม-อรรถพร ธีมากร" กลับถูกหลายคนยกให้เป็นละครที่ไม่ควรพลาด เพราะดีงามตั้งแต่บท การถ่ายทำ วิธีเล่าเรื่อง เสื้อผ้าหน้าผม โลเกชั่น ความรู้ทางประวัติศาสตร์ รวมถึงนักแสดง ทั้งที่ช่วงก่อนลงจอโดนวิจารณ์หนักมากกก

"เรื่้องนี้หายเหนื่อยจริงๆ หายเหนื่อยมาก" "ปิ่น-ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์" ผู้จัดแห่งค่าย "ทีวีซีน" บอกยิ้มๆ ถึงผลงาน

ผลงานที่ยอมรับว่า "บั่นทอนจิตใจมาก โดนวิจารณ์มาเป็นปีเกือบ 2 ปี"

ด้วย สำหรับคนส่วนใหญ่ ละครพีเรียดสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าถึงการเสียสละเพื่อชาติกับพระนางลูกครึ่งอย่าง "เจมส์ มาร์" และ "แมท-ภีรนีย์ คงไทย" ดูจะไปด้วยกันยาก

ทั้งที่คนทำว่า "อยากให้เขาดูก่อน ไม่ดีค่อยด่า"

"แต่ก็รู้เราห้ามเขาไม่ได้ เขาอ่านหนังสือ จินตนาการแบบนี้ ควรเป็นแบบนี้"

"แต่ คนอ่านต้องอย่าลืมว่าคนทำมองภาพไม่เหมือนคนอ่าน คนอ่านในหนังสือ จินตนาการได้สุดยอดหมด แต่ความเป็นจริงเราต้องทำเป็นภาพ ยากกว่ากันไม่รู้เท่าไหร่ มันก็ต้องยอมรับ"

โดยเฉพาะ "นักแสดงไม่ตรงตามที่ใฝ่ฝันกันหรอก"

"ถามว่าเราฝันถึงคนอื่นบ้างไหมก็มีคิด แล้วขอไป แต่ว่าไม่ได้ ทุกคนที่ใช่ คิวแน่นหมด"

อย่าง เจมส์นั้น ถูกใจตั้งแต่แสดง "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" เพราะถึงเป็นละครเรื่องแรกแต่กลับไม่มีอาการเคอะเขิน แถมตัวจริงมารยาทยังดีมากทั้งที่เป็นลูกครึ่งเติบโตในเมืองนอก

ที่สำคัญ "เขาบอกอยากเล่นละครพีเรียด เป็นความใฝ่ฝัน แต่หน้าตาแบบนี้ใครจะจ้างเลยบอกงั้นอาจะจ้างล่ะ"

เจมส์ จึงกลายมาเป็นพระเอก "ข้าบดินทร์" โดยมีข้อแม้ว่าต้องทุ่มเทเวลาหลายเดือนเพื่อเรียนรู้ภาษา การฟันดาบ ชกมวย การแสดง และต้องไปคลุกคลีอยู่กับช้างให้สมกับบทบาท "เสดียง" ผู้เป็นหมอช้าง แล้วผลออกมาก็น่าพอใจ

"ส่วนแมทเป็นอีกคนที่อยากเล่นพีเรียด แล้วเรื่องฝีมือไม่ต้องห่วง หน้าตาอาจลูกครึ่งไม่ได้ไทยแท้แต่แต่งชุดไทยออกมาดูสวย ดูแบบกลมกลืน แถมถ่ายทำต้องอยู่ในป่าลำบากลำบนเขาก็ไม่มีบ่น"

"สำหรับเรื่องนี้ถ้าออกมาไม่ดี ถ้าจะโดนด่าต้องยอมรับเพราะเลือกเจมส์เลือกแมทเอง" ผู้จัดบอกถึงการเตรียมใจ

พร้อมสารภาพแบบปลงๆ "โดนด่าทุกเรื่องที่ทำพีเรียดมา"

โดยเฉพาะเรื่องนักแสดงตั้งแต่ "ขุนศึก" มา "ข้าบดินทร์"

เหตุนี้ทำเอาณัฏฐนันท์ถึงกับเคยตัด พ้อผ่านอินสตาแกรมว่า 

"ตอนนี้ผู้จัดเยอะมาก ละครก็เปิดเยอะ นักแสดงไม่พอถึงได้โดนบ่นๆๆ ด่าๆ ว่าทำไมไม่เอาคนนี้ คนนั้น แคสยังไงจะเอากะปิเขวี้ยงใส่บ้างล่ะ....เฮ้อ! ก็นักแสดงมีงานล้นทุกคน เขาไม่ได้นั่งรอหน้าขาวให้เราช้อปนะ เราก็ต้องปั้นเด็กใหม่ๆ ขึ้นมา ไม่ได้เป็นผู้จัดไม่รู้หรอกต้องมาเป็นดู ขอบ่นบ้างนะ นี่ขนาดดูฟรีๆ ยังด่ากัน ขนาดนี้ยังไม่ทันเห็นงานเลย"

และถึงจะลบโพสต์ไปแต่ไม่วายเกิดกระแสวิจารณ์ ซึ่งเธอยอมรับ "อันนี้หลุดมากที่สุด"

หลุดแสดงความน้อยใจทั้งที่ทุกครั้งจะทำใจยอมรับ ด้วยหลายครั้ง "คำติ" ก็ก่อให้เกิดประโยชน์กับงาน

รวม ทั้งหลุดเรื่องการใช้คำเพราะ "ความหมายเราเขียนน้อยไปหน่อย ดูฟรีที่นี้คือ ไม่ได้เสียค่าตั๋วไปดู ถ้าอันนี้เป็นหนังต้องเสียเงินไปดูไม่เละเลยเหรอ"

ทั้งนี้ คนทำว่า "นี่แค่ภาพลองฟิตติ้งเฉยๆ ยังไม่ได้ฟิตติ้งจริงๆ"

"เพราะ ทำละครเรื่องหนึ่งถ้าไม่ใช่คนที่เล่นกันมานาน เป็นเด็กใหม่ยังต้องเวิร์กช็อปกันอยู่เลย แล้วนางทาสไม่ใช่ง่ายๆ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรเยอะ แต่ว่าเราปรับบทให้เข้มข้นขึ้น อาจไม่เหมือนเวอร์ชั่นที่แล้วทุกอย่างแต่ว่าสนุก เอาไว้ดูดีกว่า"

ดังนั้น ถ้าอยากรู้แจ้งเห็นจริงว่าใครเป็นใครก็ต้องรอดูวันบวงสรวง 9 กรกฎาคม นู่นล่ะ

อย่าง ไรก็ตาม ตอนนี้เสียงวิจารณ์ถึงนักแสดงนางทาสก็พลอยเบาลง หลังข้าบดินทร์แสดงให้เห็นแล้วว่ารูปร่างหน้าตานักแสดงอาจไม่สำคัญ ตราบใดที่ละครสนุก น่าติดตามและพิถีพิถันกับทุกขั้นตอน

โดยผู้จัดช่วยเสริมว่า หากบุคลิกหน้าตานักแสดงไม่เป๊ะตามคาแร็กเตอร์ก็ต้องหาตัวช่วย

สำคัญคือ "ตัวล้อมต้องให้เก่ง"

"อย่างข้าบดินทร์ตัวพ่อแม่ แม้แต่ตัวนักแสดงสมทบเล่นเก่งทุกคน"

"แต่ เรื่องนี้ที่ออกมาดีต้องให้เครดิตทุกคน ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็จะไม่พอดี นักแสดง ผู้กำกับ ตากล้อง คนดูมุม ดูไฟ สร้างฉาก ฯลฯ เพราะรายละเอียดเยอะมาก มากกว่าละครปัจจุบัน"

ถึงอย่างนั้นคนทำออกตัว "เราไม่อยากพูดว่าลบคำครหา"

"เพราะที่คนว่ามาถ้าคิดในแง่บวกมันก็ดีก็ช่วยเรา แล้วนี่ผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่ง ต่อไปอาจมีข้อผิดพลาดก็ได้"

"แต่สิ่งแฮปปี้สุดคือ ทุกคนดีใจมากที่เป็นส่วนหนึ่งของละครเรื่องนี้"

"ละครที่ "ดีงาม" อีกเรื่องของปี"