โบตั๋นกลีบสุดท้าย

เรื่องย่อ : โบตั๋นกลีบสุดท้าย

บทประพันธ์              กานติมา
บทโทรทัศน์            เอกลิขิต
กำก้บการแสดง        ชนะ คราประยูร
ผลิตโดย                  บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ออกอากาศ             ทางช่อง 3



ณ งานประกาศรางวัลงานเขียนยอดเยี่ยมที่จัดเป็นประจำทุกปี งานเขียนประเภทนวนิยาย นวนิยายเรื่อง “โบตั๋นกลีบสุดท้าย” จากผู้เขียนที่ใช้นามปากกา “สำเภาทอง” ได้รับรางวัลนวนิยายยอดเยี่ยม

ในขณะที่นวนิยายเรื่อง “ปีกมัจจุราช” ของ มนชนก ซึ่งใช้นามปากกาว่า “แก้วพรรณราย” ต้องพลาดรางวัลไปอย่างพลิกล็อค เพราะมนชนกไม่คิดว่า สำเภาทองซึ่งเธอไม่เคยรู้ว่าเขาคือใครจะเปลี่ยนแนวการเขียนจากแนว เมโลดราม่า ซึ่งไม่ว่าคณะละครวิทยุจะหยิบจับเรื่องไหนขึ้นมาทำละครก็มักจะประสบความสำเร็จ มาเป็นแนวสะท้อนปัญหาครอบครัว.....

ไม่เคยมีใครได้รู้ว่า “สำเภาทอง” มีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร รู้แต่เพียงว่าเขาคือชายหนุ่มเชื้อสายจีนที่มีลีลาการเขียนนวนิยายที่พลิ้วไหว ระดับแนวหน้าของเมืองไทยคนหนึ่งโดยมีเลขาส่วนตัวที่เป็นธุรจัดการส่งต้นฉบับให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ และเป็นตัวแทนเขาชื่อ ดนัย คอยเป็นผู้ติดต่อและประสานงานให้กับเขาทั้งหมด“สำเภาทอง” แท้จริงก็คือ ธีรเดช หรือ อาจู ลูกชายคนสุดท้องของ อาเชง กับ เหมยหลิง สองสามีภรรยาชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานจากเมืองจีนมาตั้งหลักปักฐานขายข้าวมันไก่ เป็ดพะโล้ที่เมืองไทยจนสามารถส่งเสียลูกชายทั้ง ๓ ก็คือ ธีรชัย หรือ อาโจ  ธีรชาติ หรือ อาจิว และ ธีรเดช จบปริญญาตรี

อาเชงคิดเสมอว่าการที่เขามีบุตรชายถึง ๓ คนนั้นเป็นรางวัลจากพระเจ้า เพราะนอกจากคิดว่าบุตรทั้ง ๓ จะช่วยสืบทอดตระกูลให้รุ่งเรืองแล้ว

บุตรชายยังมีความกตัญญูมากกว่าบุตรสาว ในสายตาของอาเชง อาจูเป็นลูกชัง ส่วนอาโจและอาจิวนั้นเป็นลูกรักเพราะทั้งสองเชื่อฟังไม่เคยต่อล้อต่อเถียงผู้เป็นบิดาต่างจากอาจูที่มักจะมีปากมีเสียงกับอาเชงเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นปริญญาตรีสาขาอักษรศาสตร์ที่เขาได้รับนั้น ไม่อยู่ในสายตาของพ่อเลยแม้แต่น้อย เพราะทั้งอาโจและอาจิวคว้าปริญญาตรีทางด้านการบริหารและการตลาดอย่างที่ผู้เป็นบิดาต้องการ สร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้กับอาจู ที่ผู้เป็นพ่อไม่เคยมองเห็นคุณค่าในตัวของเขาเลย
            อาโจเข้าทำงานกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ส่วนอาจิวเข้าทำงานกับธนาคาร แต่อาจูนั้นรักการเขียนจึงตัดสินใจรับงานเขียนประเภทนวนิยายลงตามนิตยสาร อาโจและอาจิวทำงานได้ไม่นานก็ตัดสินใจย้ายออกไปอยู่นอกกงสี อาโจแต่งงานกับ จรัสศรี ลูกข้าราชการใหญ่ สร้างความช้ำใจให้กับอาเชงไม่น้อยแต่ก็ไม่เคยแสดงออกให้ใครได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น อาจูรู้ว่าผู้เป็นพ่อผิดหวังมากแต่เขาก็ไม่สามารถช่วยปลอบใจผู้เป็นพ่อได้ แต่เมื่ออาจูรู้ว่าอาเชงมักจะใช้เวลายามว่างในการอ่านนิตยสาร “ระเบียงสยาม”  ซึ่งรวมงานเขียนไว้หลากหลายประเภท รวมทั้งนวนิยายซึ่งเขาเองเป็นหนึ่งในนักเขียนนิตยสารฉบับนี้ อาจูจึงตัดสินใจที่จะใช้งานเขียนของตนซึ่งแม้อาเชงก็ไม่เคยรู้ว่า “สำเภาทอง” คือนามปากกาของลูกชายตน เป็นสื่อกลางในการให้แง่คิด และเปลี่ยนทัศนคติของผู้เป็นพ่อ
 
               เรื่องราวของครอบครัวชาวจีนที่มีแต่ลูกสาวไม่มีบุตรชายไว้สืบสกุลคืองานเขียนที่อาจูวาดหวังจะใช้เป็นยาทิพย์ชโลมใจของผู้พ่อ อาจูตัดสินใจเลือกครอบครัวคณะงิ้ว “ฉางซิน” เป็นแหล่งข้อมูลในนวนิยายเรื่องใหม่เขาจึงตัดสินใจไปสมัครงานเพื่อล้วงลึกสายสัมพันธ์และชีวิตทุกชีวิตในคณะงิ้วแห่งนี้

ด้วยรูปร่างหน้าตา การพูดจา ทำให้อาจูเกือบจะไม่ได้ทำงานในคณะงิ้วฉางซิน เพราะ ตันหยง บุตรสาวคนเล็กของ นายฉาง และ นางซิน ไม่เชื่อว่าอาจูจะด้อยการศึกษาและกำลังตกงาน ตันหยงคิดว่าชายหนุ่มอาจเป็นหนอนบ่อนไส้ที่เข้ามาสืบความเป็นไปของคณะทั้งสองจึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน
ตันหยงคอยจับผิดอาจูเพราะความหวาดระแวง  อาจูเริ่มหาข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ ส่วนใหญ่เขาได้ข้อมูลจาก อาซุ่น  พ่อบ้านคณะและเป็นเพื่อนสนิทของอาฉาง จนอาจูได้รู้ว่าอาฉางเองก็ใฝ่ฝันอยากจะมีบุตรชายไว้สืบสกุลเช่นเดียวกับพ่อเขาเอง  

อาฉางและอาซินเป็นพระเอกนางเอกงิ้วที่หนีวิกฤตทางการเมืองจากประเทศจีนมาตั้งคณะงิ้วฉางซินที่เมืองไทย ความฝันของทั้งคู่ที่จะมีบุตรชายไว้สืบสกุลฉางพังทลายลง เมื่อบุตรทั้ง ๓ ของเขาล้วนแต่เป็นหญิงสาว ทั้ง ๓ มีความงดงาม และมีนิสัยใจคอที่แตกต่างกันออกไป ดาหลา บุตรสาวคนโตที่ใฝ่ฝันอยากจะเรียนพยาบาล แต่อาฉางไม่สนับสนุนเพราะคิดว่าผู้หญิงเรียนสูงไปก็ไร้ค่า เพราะต้องแต่งงานออกเรือนไปให้สามีเลี้ยงดู ดาหลาเป็นคนสวย อ่อนหวาน สุภาพ หัวอ่อน ขี้สงสาร พรั่งพร้อมไปด้วยกิริยาอันดีงาม การบ้านการเรือนไม่เคยบกพร่อง    
                     บนเวทีการแสดงดาหลาจะได้รับบทนางร้ายซึ่งตรงข้ามกับนิสัยของหญิงสาวอย่างสิ้นเชิง เธอแต่งงานกับ พงษ์เลิศ ลูกชายคนเดียวของ เจ้าสัวกำจร กับ มาดามเหลียว จนมีลูกด้วยกันสองคนคือ หยก กับ หงส์  หลังจากทำหน้าที่แม่บ้านแล้ว หากมีการแสดงงิ้วของคณะดาหลาก็จะมาขึ้นโชว์แสดงในทุกครั้ง
                  ปาหนัน บุตรสาวคนกลาง เธอเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ทางด้านการแสดงงิ้วเต็มเปี่ยม จึงไม่น่าแปลกที่เธอจะได้เป็นนางเอกงิ้ว อาฉางไม่สามารถห้ามปาหนันเรียนต่อได้เพราะเธอขู่ว่าหากพ่อไม่สนับสนุนการเรียน เธอก็จะหนีไปเป็นนางเอกงิ้วให้คณะอื่น
             อาฉางต้องอ่อนข้อให้ เพราะปาหนันเป็นนางงิ้วชูโรงที่ดึงดูดคนดูให้กับคณะได้มาก  ผลตามมาก็คือมีหนุ่มๆ มาติดพันเธอมาก แต่ที่ปาหนันดูจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ มีอยู่ ๓ คนคือ เดชา เสี่ยหนุ่มใหญ่เจ้าของกิจการห้างทองในย่านเยาวราช อดิเทพ ผู้กำกับละครชื่อดังที่หวังจะปั้นให้ปาหนันเป็นนางเอกละคร และ แอนดี้ เพลย์บอยหนุ่มนักเรียนนอก ที่ชอบมีนางเอกละคร นางเอกงิ้ว ไว้เป็นตุ๊กตาหน้ารถ
 
 
                      บนเวทีการแสดงแม้ปาหนันจะได้รับแต่บทนางเอกตลอด  แต่ชีวิตจริงของเธอแม้ปาหนันจะสวยบาดตา มีจริตจะก้านแพรวพราว เป็นที่หมายปองของบรรดาชายหนุ่ม แต่นิสัยของเธอต่างจากบทที่เธอสวมบทบาทอย่างสิ้นเชิง ปาหนันเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง รักสบาย มีความทะเยอทะยานสูง ดังนั้นเธอจึงวาดภาพชายหนุ่มที่จะมาเป็นคู่ครองของเธอนั้นต้องพรั่งพร้อมไปด้วยชื่อเสียง เกียรติยศและเงินทองเพราะมันจะสามารถผลักดันความฝันของเธอให้เป็นจริง
 
                      ตันหยง บุตรสาวคนสุดท้อง ใฝ่ฝันจะเปิดอู่ซ่อมรถเธอจึงเลือกเรียนสายวิชาชีพ ตันหยงมีนิสัยห้าวหาญเยี่ยงชายฉกรรจ์ เธอจึงมักต่อล้อต่อเถียงกับพ่อเสมอกับเรื่องการบริหารคณะ และการแสดงงิ้วในแต่ละเรื่อง
                 อาฉางมักจะจมปรักอยู่กับความสำเร็จในอดีตจึงไม่ค่อยคิดจะพัฒนาการแสดงของคณะ ซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะคนดูงิ้วเริ่มน้อยลง และหันไปเที่ยวไนต์คลับ ดูหนัง ฟังเพลงตามสโมสรกันเสียส่วนใหญ่ ตันหยงจึงพยายามงัดข้อเรื่องดังกล่าวกับอาฉางเสมอมา บนเวทีการแสดงความโผงผางกล้าได้กล้าเสียของตันหยงจึงทำให้เธอมักได้แสดงเป็นดาวร้ายฝ่ายชายในงิ้วแต่ละเรื่อง
 
                      อาหลง เด็กชายกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้ที่โรงงิ้ว อาฉางและอาซินจึงรับเลี้ยงไว้ชายหนุ่มจึงทำงานทุกอย่างในคณะเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ ด้วยรูปร่างสูงใหญ่และหน้าตาอันคมคายทำให้อาหลงได้รับบทพระเอกของเรื่องมาโดยตลอด  และอาซุ่นรู้มาโดยตลอดว่าอาหลงนั้นแอบรักปาหนัน    
                อาหลงจึงทำทุกอย่างตามที่ปาหนันต้องการเพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งปาหนันคงจะเห็นคุณค่าในตัวเขาข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดที่อาจูได้ฟังจากปากของอาซุ่น ชีวิตของสายเลือดตระกูลฉางทั้งสามน่าสนใจ อาจูจึงตั้งชื่อนวนิยายเรื่องใหม่ของเขาว่า “โบตั๋นกลีบสุดท้าย” อาจูได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก ดาหลา และปาหนัน จึงทำให้อาหลงไม่ค่อยชอบหน้าอาจูนักตันหยงจึงฉวยโอกาสดึงอาหลงมาเป็นพรรคพวกเธออีกคน เพื่อค้นหาความจริงว่าอาจูเป็นใครและเข้ามาทำงานคณะงิ้วเพื่อหวังสิ่งใดกันแน่
 
                      ร้านข้าวมันไก่อาเชงต้องปิดชั่วคราวเพราะอาเชงล้มป่วยลงด้วยโรคไต อาเชงไม่เคยรู้เลยว่าค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดนั้นอาจูเป็นผู้รับผิดชอบเพียงคนเดียว อาเชงคิดว่าอาโจและอาจิวช่วยกันออกค่ารักษาพยาบาลให้กับตน เหมยหลิงจะบอกความจริงให้กับผู้เป็นสามีได้รู้แต่อาจูก็ห้ามไว้เพราะเขาไม่อยากให้พ่อต้องผิดหวังในตัวพี่ชายอีก 



ช่วงที่อาเชงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลยามว่างเขาจึงอ่านนิตยสารระเบียงสยาม และเป็นครั้งแรกที่อาเชงอ่านนวนิยาย ไม่มีนวนิยายเรื่องใดเลยที่เขาสนใจและอยากจะอ่านต่อไปเรื่อยๆ นอกจากเรื่อง “โบตั๋นกลีบสุดท้าย” ของ “สำเภาทอง” เพราะมันทำให้ความคิดบางอย่างของเขาเริ่มจะเปลี่ยนไป
 
                อาเชงถามอาจูถึงนักเขียนที่ใช้นามปากกาว่าสำเภาทอง ถ้ารู้จักฝากชมเขาด้วยความจริงใจว่าเรื่อง “โบตั๋นกลีบสุดท้าย” ที่เขาเขียนนั้นเนื้อเรื่องน่าสนใจและน่าติดตามมาก เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผู้เป็นพ่อเห็นคุณค่าในตัวเขา ถึงแม้พ่อจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว “สำเภาทอง” ก็คือบุตรชายของเขานั่นเอง

               อาจูกลับมาที่คณะจึงเจอตันหยงซักฟอกว่าเขาเข้าไปทำอะไรในโรงพยาบาล หลังจากที่ตันหยงให้อาหลงสะกดรอยตามชายหนุ่มไป อาจูจึงแก้ตัวว่าเขาไปเยี่ยมพ่อของเพื่อนที่กำลังป่วยอยู่ ตันหยงถูกอาฉางและปาหนันตำหนิ อาฉางชื่นชอบในความขยันขันแข็งและความมีน้ำใจของเขาที่ช่วยเหลืองานทุกอย่างอย่างไม่เกี่ยงงอน 

             ส่วนปาหนันก็ชอบอาจูตรงที่เขาทำตามใจเธอทุกอย่างโดยที่ปาหนันหารู้ไม่ว่าอาจูนั้นพยายามศึกษาตัวละครของเขาอย่างใกล้ชิดทุกตัว ตันหยงแค้นใจมากที่เอาผิดชายหนุ่มไม่ได้งิ้วเรื่อง “กระบี่มาร” ที่อาฉางและซินเคยแสดงคู่กันครั้งในอดีตและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้อาฉางตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาปัดฝุ่นแสดงอีกครั้ง 

             อาฉางทุ่มทุนสร้างฉากและตัดชุดใหม่เกือบทั้งหมด ไม่มีใครรู้ว่าเงินก้อนใหญ่ที่อาฉางนำมาลงทุนนี้อาฉางได้ไปแอบยืมมาจากเดชา เพราะเขาเห็นว่าเดชาให้ความสนใจในตัวปาหนัน  เดชามีข้อแม้ว่าถ้าอาฉางไม่คืนเงินต้นและดอกเบี้ยตามเวลาที่กำหนด จะต้องยกปาหนันให้ตน อาฉางกลุ้มใจมากจึงเรียกทุกคนมาช่วยกันหาทางออกให้กับปัญหานี้
                      ปาหนันแทบอยากจะฉีกอกผู้เป็นพ่อออกเป็นชิ้นๆ ที่รับข้อเสนอของเดชาเพราะเธอไม่เคยคิดที่จะเป็นเมียน้อยของใคร  อาจูได้ยินข้อพิพาทของคณะงิ้วฉางซินแม้จะมีความขัดแย้งกันบ้างแต่เขาก็รู้สึกประทับใจที่ทุกคนในคณะไม่ทิ้งกัน โดยเฉพาะลูกสาวทั้งสามของอาฉางและอาซิน ต่างจากครอบครัวของเขาที่พี่ชายทั้งสองไม่เคยกลับมาเอาใจใส่ดูแลพ่อและแม่ของตนเองเลย
 
                  ตันหยงโกรธพ่อมากที่ไม่เคยเชื่อคำแนะนำของเธอเลยทั้งในเรื่องการเลือกเรื่องที่จะแสดงและสภาวะเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของบ้านเมือง เธอจึงไประบายความอัดอั้นทั้งหมดกับอาจู และอาจูให้คำชี้แนะและบอกกับเธอว่าหากมีอะไรที่เขาพอจะช่วยคณะได้เขาก็ยินดี คำพูดและคำปลอบประโลมของอาจูทำให้ตันหยงสงสัยในตัวชายหนุ่มมากขึ้น เพราะเธอไม่คิดว่าชายหนุ่มที่บอกว่าเขาด้อยการศึกษานั้น จะมีข้อคิดที่ล้ำลึกอยู่ไม่น้อย 
                  ตันหยงจึงวางแผนและชวนอาหลงแอบเข้าไปงัดห้องของอาจูเพราะหวังว่าอาจจะมีหลักฐานบางอย่างที่สามารถใช้ฉีกหน้ากากธาตุแท้ของชายหนุ่มออกมาให้ทุกคนในคณะได้รับรู้

             เช้าวันรุ่งขึ้นอาจูถูก อาฉาง อาซิน และอาซุ่น เรียกตัวเข้าไปพบ ชายหนุ่มตกใจมากเมื่อเห็นแผ่นกระดาษที่ยับยู่ยี่วางอยู่บนโต๊ะ เขารู้ทันทีว่านั่นคือบทนวนิยายที่เขาขยำทิ้งลงถังขยะในห้องนอน และเขาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของตันหยงแน่นอน 

             ตันหยงหมายมั่นว่าอาจูต้องถูกไล่ออกจากคณะอย่างแน่นอน แต่อาจูแก้ตัวว่าเขาได้อ่านนิตยสารฉบับหนึ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้รักการเขียนส่งเรื่องสั้นเข้าประกวดเพื่อชิงเงินรางวัล และเขาก็อยากได้เงินจำนวนนั้นส่งไปให้แม่เพื่อเป็นค่ารักษาตัวพ่อที่กำลังป่วยเป็นโรคไตอยู่

              ตันหยงไม่เชื่อในคำแก้ตัวของอาจูแต่ทุกคนเชื่ออย่างสนิทใจ อาฉางเห็นความตั้งใจและความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี เขาจึงให้ชายหนุ่มลองแต่งงิ้วเรื่องใหม่ให้คณะเพื่อเป็นรายได้พิเศษ  
                      ตันหยงค้านเสียงแข็งแต่อาฉางยกเหตุผลอ้างที่ตันหยงเองเสนอให้เขาลองแต่งงิ้วเรื่องใหม่บ้าง แล้วทำไมถึงต้องขัดขวางสิ่งที่ตัวเองต้องการทำให้ตันหยงพูดไม่ออก 
               อาจูอยากจะให้บทเรียนกับตันหยงบ้างจึงมีข้อเสนอว่าหากงิ้วเรื่องใหม่ที่เขาแต่งเป็นที่พอใจของทุกคนและประสบความสำเร็จ ตันหยงจะต้องทำหน้าทุกอย่างแทนเขาเป็นเวลา ๑ เดือน อาฉางตกลงรับข้อเสนอนั้น สร้างความเจ็บแค้นใจให้กับตันหยงเป็นที่สุด
            งิ้วเรื่องใหม่ที่อาจูจะเขียนให้กับคณะฉางซิน เป็นไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ เพราะตันหยงกับอาหลงคอยกลั่นแกล้งให้อาจูไม่มีเวลาและขาดสมาธิ  แต่ในที่สุดอาจูก็เขียนงิ้วเรื่องใหม่ให้กับคณะฉางซินได้สำเร็จ โดยอาจูให้ชื่อเรื่องว่า “ศึกรักบัลลังก์เลือด” 
         เมื่อทุกคนได้อ่านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่างิ้วเรื่องนี้จะต้องได้รับความสนใจและประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องที่อาจูเขียนนั้นครบทุกรสชาติ 

อาการของอาเชงดีขึ้น หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้แต่ห้ามทำงานหนัก อาเชงแอบเสียใจที่ตั้งแต่ป่วยอาโจและอาจิวไม่เคยมาเยี่ยมตนเลย ส่งแต่เงินมาให้อย่างเดียว  อาจูอยากให้พ่อได้พักผ่อนมากๆ จึงให้แม่พาพ่อไปอยู่ที่บ้านสวนริมคลอง

โดยอาจูอ้างว่าเป็นบ้านของเพื่อนให้ใช้พักผ่อนได้ แต่ที่จริงแล้วเป็นบ้านของเขาเองที่ขอซื้อต่อมาจากครอบครัวของดนัย ซึ่งเป็นคนทำงานในร้านข้าวมันไก่ และเป็นเพื่อนสนิทของอาจู และตอนแรกอาเชงไม่ยอมแต่เมื่อเห็นบรรยากาศที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติเขาจึงเปลี่ยนใจ โดยมีข้อแม้ว่าอาจูจะต้องคอยส่งนิตยสารระเบียงสยามให้กับเขาทุกฉบับเพราะโบตั๋นกลีบสุดท้ายกำลังเข้มข้น
                   อาฉางเริ่มให้ทุกคนซ้อมงิ้วเรื่องใหม่ ปาหนัน อาหลง ยังคงเล่นได้สมบทสมบาทราวกับคู่รัก ตันหยงเองก็ยอมรับว่าเรื่องที่อาจูเขียนนั้นน่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่ดาหลาที่เคยเล่นเป็นนางร้ายได้อย่างสมจริงสมจังแต่วันนี้เธอกลับไม่มีชีวิตชีวา จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนถูกตำหนิ 
             ตันหยงเป็นห่วงผู้เป็นพี่สาวมาก รู้ได้ทันทีว่าดาหลาต้องมีปัญหากับทางครอบครัวแน่นอน
             ตันหยงคะยั้นคะยอถามปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นพี่สาว ตันหยงแทบล้มทั้งยืนเมื่อดาหลาบอกกับเธอว่าพงษ์เลิศเป็นเกย์ และเขาก็ขอร้องว่าให้เธอปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพราะหากเจ้าสัวกำจรและมาดามเหลียวรู้จะต้องช้ำใจและอับอายผู้คนอย่างแน่นอน

หลังจากซ้อมเสร็จทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อน อาจูแอบเห็นตันหยงออกไปจากโรงงิ้วตามลำพัง ด้วยความเป็นห่วงชายหนุ่มจึงตามออกไป ตันหยงถูกพวกอันธพาลตามตื้อตามแซว ตันหยงปฏิเสธและต่อว่าอย่างรุนแรง กลุ่มอันธพาลจึงหมายจะจับหญิงสาวข่มขืน โชคดีที่อาจูมาช่วยไว้ทันแต่ก็มีแผลกลับไป

             ตันหยงจึงแสดงน้ำใจช่วยทำบาดแผลให้กับชายหนุ่มและทำให้เธอมองเขาในทางที่ดีขึ้น อาจูถามตันหยงว่าไปทำอะไรที่ปากซอย ทีแรกตันหยงไม่ยอมบอกแต่พอนึกขึ้นได้ว่าอาจูมักมีข้อคิดดีๆ ตันหยงจึงตัดสินใจเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับดาหลาให้ชายหนุ่มฟัง โดยมีข้อแม้ว่าให้ชายหนุ่มปิดเรื่องทั้งหมดไว้เป็นความลับ อาจูจึงบอกกับตันหยงว่ามันเป็นเรื่องที่สามีภรรยาจะต้องแก้ไขร่วมกันเพื่อครอบครัวและลูก คนที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้มีเพียงคนเดียวก็คือดาหลาเท่านั้น

                      อาจูไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างดาหลาที่ทั้งสวย อ่อนหวาน สุภาพ พรั่งพร้อมไปด้วยกิริยาอันดีงามจะประสบปัญหาชีวิตครอบครัวที่รุนแรง หากสามีของเธอแอบไปมีเมียน้อยคงเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชายที่ยังมีความเห็นแก่ตัว แต่หากสามีเป็นเกย์คงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ อาจูอยากจะรู้ว่าดาหลาจะตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้นของเธออย่างไร เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันยิ่งทำให้เรื่องโบตั๋นกลีบสุดท้ายเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
               วันหนึ่งปาหนันนัดให้แอนดี้มารับเธอไปเต้นรำ โดยลืมไปว่าเธอนัดอาหลงเพื่อเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับเขา อาหลงเสียใจมากจึงหนีไปกินเหล้าระบายอารมณ์ และเมามายจนมีเรื่องชกต่อยกับอันธพาล       
               อาจูและตันหยงตามออกไปช่วย ทั้งสองเห็นอาหลงนอนสลบจมกองเลือดจึงรีบนำเขาไปส่งโรงพยาบาล อาหลงบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ร้ายกว่านั้นเขาไม่สามารถเล่นงิ้วเรื่องใหม่ได้เพราะขาหักและต้องเข้าเฝือกอยู่หลายเดือน
ปาหนันไปเยี่ยมอาหลง ตันหยงต่อว่าปาหนันอย่างรุนแรงที่เป็นต้นเหตุให้พี่ชายนอกสายเลือดตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ด้วยความโกรธที่ถูกตำหนิปาหนันจึงตอบโต้กลับไปว่าเธอไม่เคยคิดอะไรกับอาหลงเกินเลยไปมากกว่าการเป็นพี่ชาย ทุกคำพูดของปาหนันสร้างความปวดร้าวใจให้กับอาหลงเป็นที่สุด หลังจากวันนั้นอาหลงจึงพยายามตัดใจจากปาหนันแม้เขาจะรู้ว่ามันยากเสียเหลือเกิน
                  อาฉางประกาศรับสมัครหาพระเอกงิ้วคนใหม่ แต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลวเพราะแต่ละคนที่มานั้นฝีไม้ลายมือเทียบกับอาหลงไม่ได้เลย บางคนก็โก่งค่าตัวแพงลิบ อาซุ่นจึงแนะนำคนที่จะมารับบทแทนอาหลงได้ก็คือ อาจู 
                ตันหยงไม่เห็นด้วยเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะทำให้คณะอับอายขายหน้า แต่อาฉาง อาซิน และปาหนันกลับเห็นด้วยเพราะอาจูก็เฝ้าดูการซ้อมมาโดยตลอด อาฉางจึงจับอาจูเข้าฝึกเรียนวิชางิ้วและบังคับให้ตันหยงเป็นผู้ช่วย ซึ่งตันหยงก็ไม่ค่อยพอใจนัก



         ความเครียดและความเหนื่อยล้าในการเตรียมแสดงงิ้ว บวกกับข่าวร้ายของดาหลาที่ตัดสินใจจะหย่าขาดจากพงษ์เลิศ ทำให้อาฉางล้มป่วยลงด้วยโรคความดัน ร้ายยิ่งไปกว่านั้นหมอก็ได้ตรวจพบเนื้องอกในลำไส้ ทำให้อาฉางต้องทิ้งงานทั้งหมดและนอนรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล
            อาฉางเสียใจที่ต่อว่าดาหลาอย่างรุนแรง แต่เมื่อลูกสาวยอมเปิดเผยความขมขื่นที่ต้องทนอยู่กับสามีลักเพศ อาฉางและอาซินจึงเห็นใจดาหลาเป็นยิ่งนัก
            เจ้าสัวกำจรและมาดามเหลียวแม้จะไม่รู้เหตุผลอันแท้จริงที่ดาหลาขอหย่ากับพงษ์เลิศแต่ทั้งสองก็ให้ความเป็นธรรมกับผู้เป็นสะใภ้เพราะดาหลาเป็นสะใภ้และเป็นแม่ที่ดีของลูก
             ดาหลาขอเป็นฝ่ายเลี้ยงดูหยกกับหงส์ด้วยตัวเองเพราะไม่ต้องการให้ลูกรู้ความจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อ พงษ์เลิศยอมรับความผิดที่เขาก่อขึ้นกับดาหลาอย่างเปิดเผย และเขาก็ให้สัญญาว่าถึงแม้เขาจะเป็นสามีที่ดีของเธอไม่ได้ แต่เขาก็จะเป็นพ่อที่ดีของหยกและหงส์
                    อาเชงติดตามอ่านโบตั๋นกลีบสุดท้ายจนมาถึงตอนที่ตัวละครที่เป็นพ่อล้มป่วย แม้เขาจะไม่มีบุตรชายไว้สืบสกุลอย่างที่ฝัน แต่บุตรสาวของเขาทั้ง ๓ คนต่างก็ผลัดกันมาดูแลผู้เป็นพ่ออย่างสม่ำเสมอ แม้จะมีปากมีเสียงกันบ้างแต่ก็ไม่เคยทิ้งกันในยามยาก ต่างจากชีวิตของเขาเหลือเกินที่มีบุตรชายถึง ๓ คนไว้สืบสกุล แต่ก็มีลูกชายที่เขาจงเกลียดจงชังเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เคยทอดทิ้งเขา
                 อาซุ่นช่วยดูแลการซ้อมแทนอาฉาง ตันหยงจึงมักถือโอกาสแกล้งอาจูอยู่เสมอๆ แต่ลึกๆ ภายในใจของเธอแล้วกลับมีความรู้สึกประหลาดที่ก่อตัวขึ้น เธอสุขใจและอบอุ่นที่ได้ใกล้ชิดเขา อาจูก็มีความรู้สึกที่ไม่แตกต่างไปจากตันหยงเลย
                  แต่ด้วยทิฐิตันหยงจึงพยายามปิดกั้นความรู้สึกนั้นของเธอ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังปาหนันได้ แม้ปาหนันจะเห็นความล้มเหลวในการใช้ชีวิตคู่ของดาหลา แต่เธอก็อยากให้มีใครสักคนมาช่วยดูแลน้องสาวเพราะถึงแม้ตันหยงจะห้าวหาญสักแค่ไหน ตันหยงก็ยังคงเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ปาหนันจึงแกล้งใกล้ชิดสนิทสนมกับอาจู ปาหนันจึงชวนอาจูออกไปเที่ยวกันสองต่อสอง ทำให้ตันหยงน้อยใจผู้เป็นพี่สาวและเคืองโกรธอาจู


 

              วันหนึ่งขณะที่ปาหนันกำลังนั่งฟังเพลงอยู่กับอาจูในไนท์คลับ เดชาที่ยังโกรธปาหนันคิดว่าหญิงสาวกำลังจะตีตัวออกห่างตน ด้วยความหึงหวงเดชาจึงสั่งให้ลูกน้องจับตัวอาจูไปสั่งสอนจนอาจูได้รับบาดเจ็บ ปาหนันโกรธเดชามากจึงต่อว่าและขอตัดสัมพันธ์กับชายหนุ่ม

              ตันหยงเมื่อรู้ว่าอาจูได้รับบาดเจ็บจึงรีบไปเยี่ยม แต่ก็ถูกปาหนันซ้อนแผนจนตันหยงหลงกลเผลอตัวบอกรักชายหนุ่ม
ความสัมพันธ์ของอาจูและตันหยงราบรื่นอยู่ได้ไม่นานในที่สุดตันหยงก็ได้รู้ความจริงว่าอาจูคือใครและเข้ามาสมัครงานในคณะงิ้วของเธอเพื่ออะไร
              เมื่อเธอสะกดรอยตามอาจูออกไปพบกับดนัยในคืนหนึ่ง และแอบได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่ทั้งสองสนทนากัน ตันหยงโกรธมากที่ถูกอาจูหลอกลวงมาตลอด ความผิดในครั้งนี้ทุกคนจึงลงมติไล่ชายหนุ่มออกจากโรงงิ้ว อาจูพยายามอธิบายเหตุผลกับทุกคนในคณะแต่ก็ไม่มีใครยอมฟังเขาเลยสร้างความเสียใจให้กับอาจูอยู่ไม่น้อย 
            ความลับที่เหมยหลิงพยายามปิดบังอาเชงมาโดยตลอด ในที่สุดก็ถูกเปิดเผย เมื่ออาโจและอาจิวกลับมาเยี่ยมผู้เป็นพ่อ ทันทีที่เชงได้เห็นหน้าอาโจและอาจิวความน้อยเนื้อต่ำใจก็หายไปจนหมดสิ้น
            แต่สำหรับเหมยหลิง นั้นกลับพลุ่งพล่านด้วยความโกรธที่อาโจและอาจิวกลับมาเยี่ยมอาเชง เพื่อต้องการให้บิดาขายร้านข้าวมันไก่แล้วแบ่งเงินส่วนหนึ่งให้กับพวกเขาเพราะทั้งสองกำลังร้อนเงิน
          เหมยหลิงจึงต่อว่าลูกชายทั้งสองอย่างรุนแรง และอาเชงก็ได้รู้ความจริงทั้งหมดว่าเงินที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับเขานั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของอาจูเพียงผู้เดียว
            อาโจและอาจิวไม่เคยกลับมาเอาใจใส่ดูแลเขาเลย สร้างความสะเทือนใจให้กับอาเชงเป็นที่สุด วินาทีนั้นอาเชงจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เขาคิดผิดมาโดยตลอด การที่เขามีลูกชายถึง ๓ คนก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำให้ตระกูลของเขานั้นรุ่งเรืองและมีความสุขเลย        
            อาเชงนึกอิจฉาตัวละครผู้เป็นพ่อในนวนิยายเรื่องโบตั๋นกลีบสุดท้าย ที่ถึงแม้เขาจะมีแต่ลูกสาวแต่ครอบครัวก็มีความสุข เพื่อตัดปัญหาอาจูจึงจำใจแบ่งเงินที่ตนเองเก็บสะสมไว้ให้กับพี่ชาย
 
                     อาหลงยังไม่สามารถแสดงงิ้วได้ อาฉางและอาซุ่นจะจ้างพระเอกงิ้วจากคณะอื่นมารับบทนำในเรื่อง แต่ในที่สุดทั้งสองก็เปลี่ยนใจให้อาจูกลับมาแสดงเหมือนเดิม เมื่อดนัยนำสำเนาต้นฉบับเรื่องโบตั๋นกลีบสุดท้ายทั้งหมดที่อาจูทุ่มเวลาเขียนให้จบ และบอกถึงเหตุผลที่แท้จริงที่อาจูต้องการเข้ามาศึกษาทุกชีวิตในคณะงิ้วฉางซินให้ทุกคนได้รับรู้
                ทุกคนในคณะยกโทษให้กับอาจูและชื่นชอบนวนนิยายโบตั๋นกลีบสุดท้ายเป็นที่สุด ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม หยาดน้ำตาและความอบอุ่น ตันหยงยังไม่รู้ว่าอาจูได้กลับมารับบทพระเอกเหมือนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นปาหนันอยากจะให้เรื่องราวของศึกรักบัลลังก์เลือดเป็นกาวใจให้กับตันหยงและอาจู ปาหนันจึงขอเปลี่ยนบทกับตันหยง โดยให้ผู้เป็นน้องสาวแสดงเป็นนางเอกของเรื่องครั้งแรกในชีวิต 
 
                   รอบปฐมทัศน์ของงิ้วเรื่องศึกรักบัลลังก์เลือดได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างมาก ตันหยงตื่นเต้นมากแต่ก็ได้กำลังใจจากผู้เป็นพ่อซึ่งเธอต้องการมาโดยตลอด แอนดี้ เดชา และ อดิเทพ ต่างก็ได้รับการเชิญจากปาหนันให้มาดูงิ้วเรื่องใหม่นี้ เดชาหมายจะมาขอคืนดีกับปาหนัน ส่วนแอนดี้ และอดิเทพหมายจะพิชิตใจปาหนันในคืนนี้
                    ตันหยงทั้งตื่นเต้นและแปลกใจที่พระเอกของเรื่องคืออาจู ระหว่างเปลี่ยนฉากเธอจะให้ปาหนันกลับไปแสดงบทเดิม แต่เมื่ออาจูมาง้องอน ขอโทษ และสารภาพรักกับหญิงสาว ตันหยงจึงกลับขึ้นไปแสดงด้วยหัวใจที่แช่มชื่น อาจูดีใจเป็นที่สุดที่ตันหยงให้อภัยและรับรักเขา ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาเห็นพ่อและแม่ของเขากำลังนั่งดูเขาเล่นงิ้วด้วยความปลาบปลื้มหัวใจของชายหนุ่มก็ยิ่งพองโตขึ้นเป็นทวีคูณ “ศึกรักบัลลังก์เลือด” ของคณะฉางซินได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี จนอาฉางต้องเพิ่มระยะเวลาการแสดงออกไปอย่างไม่มีกำหนด
 
 
 
             อาเชงและเหมยหลิงเสียใจเป็นที่สุดเมื่อรู้ข่าวว่าอาโจถูกยิงเพราะนอกใจเมียจนต้องนั่งรถเข็นไปตลอดทั้งชีวิต ส่วนอาจิวนั้นถูกดำเนินคดีในข้อหาโกงเงินจากธนาคารเพราะติดหนี้การพนัน อาฉางและอาซินใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขถึงแม้จะไม่บุตรชายสืบสกุล
            ตันหยงตัดสินใจแต่งงานพร้อมกับปาหนัน หลังจากนั้นตันหยงก็ขออำลาเวทีงิ้ว ทิ้งความฝันเปิดอู่ซ่อมรถไปเป็นเถ้าแก่เนี๊ยะร้านขายข้าวมันไก่ และทำหน้าที่สะใภ้ที่ดี
             อาหลงกับปาหนันช่วยกันสืบสานคณะงิ้วฉางซินจนถูกจัดให้เป็นคณะงิ้วในอันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่มีลีลาการแสดงที่พลิ้วไหว และเนื้อเรื่องที่สนุกสนานดาหลาอำลาเวทีการแสดงไปช่วยงานเจ้าสัวกำจร และมาดามเหลียวเพราะพงษ์เลิศตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกกับชายหนุ่มคู่ขา


 
                “สำเภาทอง” เขียนนวนิยายเรื่องใหม่แนวสนุกสนานเฮฮาเรื่อง “แม่ค้ามือใหม่” โดยหยิบเอาตันหยงมาเป็นนางเอกของเรื่อง แต่ทุกครั้งก่อนที่เขาจะส่งต้นฉบับอาเชงมักจะขอ “สำเภาทอง” อ่านนวนิยายที่เขาเขียนก่อนที่จะส่งให้กับทางสำนักพิมพ์
อาจูให้สัญญากับตันหยงว่า ไม่ว่าสายเลือดของพวกเขาจะเป็นชายหรือหญิง ความรักที่เขามีให้ก็จะเท่าเทียมกัน
 
                                  **********************   จบบริบูรณ์   ***********************
 
รายชื่อนักแสดงละครเรื่อง “โบตั๋นกลีบสุดท้าย”
 
 1. อธิชาติ  ชุมนานนท์   แสดงเป็น  อาจู / ธีรเดช 
 2. ทักษอร  ภักดิ์สุขเจริญ   แสดงเป็น  ตันหยง
 3. เกียรติกมล ล่าทา    แสดงเป็น  อาหลง
 
4. เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์   แสดงเป็น  ปาหนัน
5. วริษฐ์  ทิพโกมุท   แสดงเป็น  พงษ์เลิศ
 
6. เพชรดา  เทียมเพ็ชร   แสดงเป็น  ดาหลา
 
7. เศรษฐา  ศิระฉายา   แสดงเป็น  อาฉาง
8. ทาริกา  ธิดาทิตย์    แสดงเป็น  อาซิน

9. นิรุตติ์  ศิริจรรยา   แสดงเป็น  อาเชง
 
10. ดวงใจ  หทัยกาญจน์   แสดงเป็น  เหมยหลิง
 
11. อ.วิโรจน์  ตั้งวาณิชย์   แสดงเป็น  อาซุ่น
 
12. ชัชวาล  เพ็ชรวิศิษฐ์   แสดงเป็น  ดนัย
 
13. ปัญญาพล เดชสงค์    แสดงเป็น  อาโจ / ธีรชัย
 
14. อดิศร  อรรถกฤษณ์   แสดงเป็น  อาจิว / ธีรชาติ
 
15. จีระศักดิ์  ปิ่นสุวรรณ   แสดงเป็น  อากวง / เจ้าสัวกำจร
 
16. อรสา  พรหมประทาน   แสดงเป็น  มาดามเหลียว
17. ฐิตินันท์  สุวรรณศักดิ์   แสดงเป็น  นรินทร์
18. อภินันท์  ประเสริฐวัฒนกุล   แสดงเป็น  เสี่ยเดชา
 
19. ชินทัพพ์  ศดิศสิทธินนท์   แสดงเป็น  อดิเทพ
 
20. อภิสรา  ฉวีวงษ์    แสดงเป็น  จรัสศรี
 
21. ภาสกร  ภมรบุตร   แสดงเป็น  แอนดี้
 
22. จรรยา  ธนาสว่างกุล   แสดงเป็น  เมียเดชา
 
23. พลังธรรม กล่อมทองสุข   แสดงเป็น  อาฉาง (วัยรุ่น)
24. ปาณิตา  พัฒนาหิรัญ   แสดงเป็น  อาซิน (วัยรุ่น)
 
25. ดนัย  จารุจินดา   แสดงเป็น  อาเชง (วัยรุ่น)
26. กัญดา  ชลชีวะ    แสดงเป็น  เหมยหลิง  (วัยรุ่น)
 
27. โฆษวิส  ปิยะสกุลแก้ว   แสดงเป็น  อากวง (วัยรุ่น)

 



ขอขอบคุณเนื้อหาดีดี โดย: ช่อง 3


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์