องค์ประกันหงสา ปฐมบทความยิ่งใหญ่

นาทีไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนต้านกระแสหนังไทยประวัติศาสตร์เรื่องยิ่งใหญ่


"ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ได้ แรงชนิดที่ว่าตอนเข้าฉายวันแรก 18 ม.ค. ทั้งหนังไทยและหนังเทศต้องหลีกทางให้การปูพรมฉายด้วยโรงหนังมหาศาล เรียกว่าเกือบ 90% ของโรงหนังที่มีอยู่

ผลงานความทุ่มเทแรงกายและแรงใจโดยผู้กำกับฯรุ่นครู "ท่านมุ้ย"ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ควบตำแหน่งผู้เขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ "ดร.สุเนตร ชุตินทรานนท์" ด้วยทุนสร้างมหาศาล 700 ล้านบาท


ภาพยนตร์เรื่องนี้มีโครงการสร้างในปีพ.ศ.2546


และเริ่มต้นถ่ายทำปีพ.ศ.2547-2549 และพร้อมให้ประจักษ์ทุกสายตาในปี 2550 นี้

ความตั้งใจตอนทำ"ท่านมุ้ย"วางเป้าหมายว่า

จะต้องทำให้ดีกว่า "สุริโยไท" ในทุกด้าน โดยมีขอบเขตการทำงานใหญ่กว่า ฉากต่างๆ ยิ่งใหญ่อลังการกว่า นักแสดงหลักและนักแสดงประกอบมีมากกว่า ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ มากกว่า


ความยิ่งใหญ่มาพร้อมความยาวกว่า 8 ชั่วโมง


ทำให้หนังต้องแบ่งออกเป็น 3 ภาค ภาคแรกมีชื่อ "องค์ประกันหงสา" ที่กำลังลงโรงฉายในตอนนี้

ส่วนภาค 2 "ประกาศอิสรภาพ" ตอนแรกวางคิวฉาย 1 ก.พ. ล่าสุดสรุปเป็น 15 ก.พ. ส่วนภาค 3 จะใช้ชื่อ "ยุทธหัตถี" วางคิวคร่าวๆ จะฉายช่วงท้ายปี 5 ธ.ค. วันพ่อแห่งชาติ เพื่อเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 80 พรรษา

โดยในภาค 3

มีเนื้องานอยู่แล้วประมาณ 20% ที่เหลือกำลังถ่ายทำในตอนนี้ และคาดว่าจะใช้ทุนสร้างอีกประมาณ 200-300 ล้านบาท


ใน "องค์ประกันหงสา" เป็นเรื่องราวในปฐมวัย


ของพระองค์ดำหรือสมเด็จพระนเรศวรฯ ภาคนี้เหมือนปูพื้นให้เห็นที่มาที่ไปของเรื่อง "ท่านมุ้ย" บอกว่า "ผมคิดว่าคนที่ได้ดูจะติดใจ เพราะโดยเรื่องราวจะเข้าใจง่าย ง่ายกว่าเรื่อง "สุริโยไท" และเรื่องราวจะสนุก

แต่ในภาคแรกนี้จะเป็นตอนเราเสียกรุง ซึ่งเป็นความหดหู่ เศร้า ซึ่งภาพน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันว่าถ้าคนไทยยังไม่รักกัน

เราก็จะเสียเมืองได้อย่างที่เกิดขึ้นมาแล้ว


ในส่วนรายได้ 4 วันแรก


ของการฉายกวาดเงินทั่วประเทศไป 120 ล้านบาท ทั้งที่ประสบเหตุขัดข้องในการกระจายฟิล์มไปให้โรงภาพยนตร์ต่างๆ ได้ไม่ครบ 270 ชุด ตามที่กำหนดไว้ แต่ถือว่าเป็นจำนวนการสั่งพิมพ์ฟิล์มสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ภาพยนตร์ไทย


"คุณากร เศรษฐี" กรรมการผู้จัดการ บริษัทพร้อมมิตร โปรดักชั่น จำกัด


และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์กล่าวว่า

"เราสั่งพิมพ์ฟิล์มทั้งหมด 270 ชุด ซึ่งไม่เคยมีหนังไทยเรื่องไหนสั่งจำนวนมากเท่านี้มาก่อน อย่าง"สุริโยไท"ทำประมาณเกือบ 200 ชุด แต่สำหรับเรื่องนี้กระแสตอบรับดีมาก ประกอบกับมีจำนวนโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นด้วย

จึงถือเป็นการสร้างสถิติใหม่

ในการพิมพ์ฟิล์มของวงการหนังไทย สำหรับวันที่ทำรายได้สูงสุดช่วงที่ผ่านมา คือวันอาทิตย์ที่ 21 ม.ค. ด้วยยอดเงินราว 40 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ มีรายได้ประมาณ 25 ล้านบาท ต่างจังหวัด 15 ล้านบาท"


ความยาวของ "องค์ประกันหงสา" ร่วม 3 ชั่วโมง


ถ้าพูดในเรื่องความยิ่งใหญ่ อลังการของโปรดักชั่น โดยเฉพาะฉากและเครื่องแต่งกาย ถือว่าลงทุนคุ้มค่า เมื่อออกมางดงามและอลังการจริง

ในส่วนการใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้เงินโข

ก็คุ้มค่าเมื่อได้ฉากสวยหลายฉาก อย่างฉากพระองค์ดำปล่อยไก่เชลยศึกให้เป็นอิสรภาพ รวมถึงฉากภาพกว้างเมืองหงสาวดีที่ตระการตา รวมถึงฉาก"สรพงศ์ ชาตรี"เดินเข้าเฝ้าพระเจ้าบุเรงนองก็วิจิตร

แต่ความยาวขนาดนี้ทำให้บางส่วนอืด

เกิดช่วงน่าเบื่ออยู่บ้าง ถ้าตัดให้กระชับกว่านี้จะทำให้หนังกลมกล่อม ลื่นไหลกว่านี้ แต่ก็เข้าใจว่าถ่ายมาเยอะ และแต่ละฉากใหญ่ ใช้เงินไปเยอะ ก็เลยเสียดายเป็นธรรมดา


ในส่วนการแสดงต้องชื่นชมนักแสดงเด็ก


ทั้ง "น้องบีเจ" ด.ช.ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ ผู้รับบท "พระนเรศวร" ในวัยเด็ก หรือ "องค์ดำ", "น้องดาด้า" ด.ญ.สุชาดา เช็คลีย์ ผู้รับบท "มณีจันทร์" วัยเด็ก และ "น้องเก้า" ด.ช.จิรายุ ละอองมณี ในบท "ไอ้ทิ้ง" หรือ"ออกพระราชมนู" วัยเด็ก

โดยเฉพาะการแสดงของ"น้องบีเจ"ในบท"องค์ดำ"

เมื่อถ่ายทอดการแสดงอย่างยอดเยี่ยม เป็นธรรมชาติ ทำให้คล้อยตามว่าเป็น"องค์ดำ"อย่างไม่มีที่ติ ชื่นชมคนคัดเลือกนักแสดงบทนี้


แต่น่าเสียดายอยู่นิดเมื่อหนังเลือกโปรโมตนักแสดงผู้ใหญ่เป็นหลัก


และไม่ค่อยโปรโมตนักแสดงเด็กเหล่านี้ให้เป็นที่รู้จัก และเห็นถึงฝีมือ

ในส่วนนักแสดงรุ่นใหญ่ของภาคแรก

ที่ต้องยกนิ้วให้มี สรพงศ์ ชาตรี, สันติสุข พรหมศิริ, ศรัณญู วงศ์กระจ่าง (มีไม่กี่ฉากแต่ให้การแสดงที่ดี), สมภพ เบญจาธิกุล เมื่อเล่นกันดี ปล่อยฝีมือกันไม่มียั้ง


แต่นักแสดงที่เป็นเป้าวิจารณ์เรื่องการแสดงว่า


ไม่ถึงขั้นหนีไม่พ้น"เกรซ มหาดำรงค์กุล"ผู้รับบท"พระสุพรรณกัลยา" ทั้งด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เกร็งไปหมด

คงต้องตามติดกันต่อว่าภาค 2

ที่จะได้ดูในอีกไม่ช้า และภาค 3 ถ้าเสร็จทันฉายวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธ.ค. อย่างที่วางโปรแกรมไว้คร่าวๆ จะยิ่งใหญ่อลังการในระดับไหน และตราตรึงใจคนไทยหรือไม่



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์