The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

ชื่อเรื่อง                 The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)
ประเภท           Comedy
กำหนดฉาย   25 มิถุนายน 2558
บริษัทจัดจำหน่าย   โมโนฟิล์ม
ผู้อำนวยการสร้าง      เท็ด กิดโลว์ (The Ugly Truth)
ผู้ควบคุมงานสร้าง   แม็คจี (Playing It Cool, Charlie’s Angels)
ผู้กำกับ   อาริ ซานเดล
นำแสดง           เม วิทแมน (The Perks of Being a Wallflower)
    เบลล่า ธอร์น (Blended)
    รอบบี้ อาเมล (The Flash)
ความยาว   TBA


The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

เรื่องย่อ

เดอะ ดัฟ (DUFF – Designated Ugly Fat Friend) คือคำนิยามของ คนๆหนึ่งที่อยู่ภายในกลุ่มเพื่อนที่มีลักษณะ ไม่สวยหรือดูดีน้อยกว่าเพื่อนคนอื่นๆภายในกลุ่ม คนที่เป็นดัฟฟ์จึงโชคร้ายเพราะเป็นข้อเปรียบเทียบเพื่อทำให้เพื่อนคนอื่นดูดีขึ้นเท่านั้น
บิอังก้า กำลังเรียนไฮสคูลปีสุดท้าย จากโลกที่สดใสกลับต้องพังทลาย เพราะเธอเพิ่งได้เรียนรู้ว่าเธอเป็นดัฟของกลุ่มเพื่อนของเธอ เธอจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดคำครหาเหล่านี้ พร้อมๆกับหาวิธีพิชิตใจคนที่เธอแอบชอบไปพร้อมๆกัน



จากหนังสือสู่ภาพยนตร์

เลน เชฟเตอร์ บิชอป ผู้ควบคุมงานสร้าง ได้รู้จักหนังสือนิยายเรื่อง เดอะ ดัฟ  จากออฟฟิศของ โจแอนนา สแตมเฟิล-โวลเป ซึ่งเป็นตัวแทนของหนังสือเล่มนี้ที่นิวยอร์ค เธอได้อ่านนิยายเรื่ิองนี้ไปบางส่วน เธอหลงรักมันโดยทันที่และเกิดปิ๊งไอดี เธอได้นำหนังสือเล่มนี้กลับมาอ่านต่อในคืนนั้น วันรุ่งขึ้นเธอโทรหาโจแอนนาและได้ขอโอกาสที่จะนำหนังสือเรื่องนี้มาทำเป็นภาพยนตร์ เธอได้ส่งโปรเจคนี้ไปให้กับผู้จัดของเธอ ทั้ง แมคจี (McG) และ แมรี วิโอลา แห่ง วันเดอร์แลนด์ ซาวน์ แอนด์ วิชั่น โดยเธอบอกเพียงแต่ว่า "พวกเธอต้องอ่านเรื่องนี้เดี๋ยวนี้"
แมรี่ วิโอล่า กล่าวว่า "เราต้องอ่านก๊อปปี้ของหนังสือเรื่องนี้เกือบ 100 หน้า เลย ย้ำนักย้ำหนาว่าหนังสือเล่มนี้เจ๋งมาก" แล้วก็เหมือนกับ เลน เธออ่านเรื่องนี้จบในคืนนั้น " ฉันรีบโทรหา เลน วันรุ่งขึ้น และบอกกับเธอว่า มันเจ๋งมากจริงๆ เราต้องเอามันมาทำหนังให้ได้ " 
แมคจี กล่าวเสริมว่า "มันเป็นอะไรที่อยู่ในกระแสตลอดกาล มันสามารถเอามาเปรียบเทียบ กับชีวิตจริงของใครหลายคนได้"
และพวกเขาทั้งสามก็ได้ตามหาเจ้าของหนังสือเล่มนี้ซึ่งเป็นผู้เขียนและยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากอีกเมื่อเจ้าของหนังสือเล่มนี้ คือ โคดี้ เคพลิงเกอร์ ซึ่งเธอเขียนหนังสือเล่มนี้ไว้ในขณะที่เธออายุแค่ 17 ปี
แมรี่ กล่าวว่า "เราไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าของหนังสือเล่มนี้จะเป็นวัยรุ่น จนกระทั้ง เลน ได้คุยเรื่องข้อตกลงและสัญญา แล้ว โคดี้ ต้องขอคุยเรื่องนี้กับแม่เธอก่อน"

        ในขณะที่ เลน กล่าวว่า "ฉันเองก็คิดว่า ไม่มีทางที่เธอจะอายุ 17 ปี ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงอายุที่น่าจะรู้เรื่องในโรงเรียนดีที่สุด แต่นี่คือคนที่รู้วิธีเขียนวิธีเล่าเรื่องเพราะเนื้อหาและอารมณ์ที่ถ่ายทอดผ่านตัวหนังสือมันดีเหลือเกิน มันมีอะไรหลายๆอย่างในหนังสือเล่มนี้และเรื่องราวอีกหลายอย่างที่ช่างซับซ้อนวุ่นวายภายในเรื่อง "
        เมื่อเหล่าโปรดิวเซอร์ต่างหลงรักในเรื่องนี้และคาแรคเตอร์ขอตัวละครที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง พวกเขาต้องการที่จะใส่มันลงไปในโครงสร้างของหนังและอยากจะนำเสนอออกมาให้คนดูได้ชม เขาตัดสินใจเลือกผู้เขียนบทหนัง จอร์ช เอ. เคแกน ที่มีผลงานที่ผ่านมาคือ Bandslam


The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

แมรี่ กล่าวว่า บางครั้งการที่จะทำเนื้อเรื่องในหนังสือให้กระชับลง เราต้องลดทอนอะไรบางอย่างลงไปและเปลี่ยนบริบทบาง แต่เราก็ยังคงเหลือองค์ประกอบบางอย่างที่ถือได้ว่าเป็นส่วนสำตัญที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้เรื่องดำเนินไป
จอร์ช เอ. เคแกน “การเปลี่ยนแปลงถือว่าเป็นการท้าทาย" “ผมต้องการนำเสนออะไรบางอย่างที่เป็นตัวทำให้เรื่องดำเนินไป ผมเลือกใช้แนวความคิดของ คูเบลอ-รอสส ที่เป็นโมเดล 5ขั้นตอนของการตาย – การปฏิเสธ,ความเกรี้ยวโกรธ,การต่อรอง,ความกดดันหดหู่และการยอมรับ ถึงอย่างนั้นนี่ก็อาจจะเป็นเครื่องมืออะไรบางอย่างที่จะปรากฎเป็นครั้งคราวในหนังแนวคอมเมดี้ได้ "
จอร์ช เอ. เคแกน ได้เลือกเอาแนวคิดนี้และมาปรับใช้กับตัวละครให้มีอารมณ์ต่างๆในตัวละครหลักนั่นก็คือ บิอังกา (แสดงโดย เม วิทแมน) โดยนำมาปรับผสานเข้ากันกับบริบทในการที่จะเป็น เดอะ ดัฟ  “นักเขียนบททุกคนต่างมองหาจุดเริ่มต้น จุดกึ่งกลางและจุดจบ ซึ่งในการใช้แนวคิดล้วนมีสื่งที่ผมมองหา มันทำให้เรื่องมีโครงสร้างที่หน้าสนใจ ผมก็แค่ทำตามแนวคิดนี้ แล้วมันก็นำผมไปสู่บทภาพยนตร์ที่ออกมาได้ "
SBS Films ได้รับบทร่างแรก ในวันถัดมาก็ได้ติดต่อกลับเหล่าผู้จัด พวกเขาต้องการที่จะทำหนังเรื่องนี้ แต่ก็อยากจะแน่ใจว่า เจ้าของหนังสือเล่มนี้และเหล่าแฟนคลับของหนังสือจะรู้สึกโอเค กับแนวที่หนังจะทำออกมาเขาจึงได้ส่งบทภาพยนตร์ให้กับ โคดี้
แมรี่ บอกว่า "เรารู้สึกดีใจมากที่ โคดี้ โอเคกับบทหนังที่เราทำออกมาและเธอกก็เข้าใจในสิ่งที่รับต้องปรับแต่งบริบทอะไรบางอย่าง เธอเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง "
โคดี้ กล่าวว่า " ทุกครั้งที่เราจะนำหนังสือมาทำหนัง บริบทอะไรบางอย่างในหนังสือจำเป็นต้องปรับแต่งเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากเราเอาทุกอย่างจากหนังสือมาไว้ในหนังเลย ก็คงจะทำให้หนังน่าเบื่อไม่ใช่น้อย แต่สิ่งที่สำคัญที่ฉันอยากจะให้คงอยู่คือใจความสำคัญที่หนังสือต้องการจะสื่อ ธีมหลักของหนังที่ต้องการจะบอกว่าจุดหนึ่งในชีวิต เราทุกคนต่างเคยรู้สึกเป็น เดอะ ดัฟ ของใครก็ได้ และจากการดำเนินงานรวบถึงการแคสนักแสดง มันทำให้ฉันเห็นว่าพวกเขาทุ่มเทตั้งใจกับการทำหนังครั้งนี้ ฉันรู้ดีว่าพวกเขาแคร์กับตัวบทขนาดไหน ฉันแค่รู้สึกตื่นเต้นและตั้งตารอหนังที่จะออกมาว่าจะเป็นยังไง"
  


The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

เกี่ยวกับเบื้องหลังงานสร้าง

อาริ ซานเดล ผู้กับกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้คว้ารางวัลจากเวทีออสการ์ จากการกำกับ และ เขียนบทจากหนังสั้นคอมมาดี้ เวสต์ แบงค์ สตอร์รี่เขาเคยร่วมงานกับ แมคจี และ แมรี่ จากการกำกับ MI ซีซั่น2 พวกเขาบอกกับ อาริ ว่า ถ้าหากเขามีโอกาสทำหนังใหญ่ พวกเขาก็อยากจะร่วมงานกับเขาอีกครั้ง แมคจี กล่าวว่า "เขาเป็นคนที่มีความสามารถล้นหลาม และเราก็มีแนวคิดที่ตรงกัน และรู้สึกดีใจที่มีเขามาร่วมงานด้วย เขาทุ่มเทให้กับงาน และเขาก็ทำให้นักแสดงทุกคนเคารพ เขาสามารถจัดการเรื่องยากๆและทำงานภายใต้เงื่อนไขต่างๆได้อย่างดี"
ซูซาน คาร์ทซอนิซ ผู้จัดการของ อาริ พูดถึงเขาว่า "เขามีเซนส์ของความเป็นคอมมาดี้ที่ทั้งมาจากสัญชาติญาณและจากประสบการณ์ที่เขาพบเจอ และเขาก็สามารถที่ดึงศักยภาพของนักแสดงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม และทุกครั้งที่ดูเขากำกับงานมันทำให้ฉันมีความสุขและรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้ทำงานร่วมกับเขา เขาเป็นคนที่มีนิสัยผู้ชายมาก แต่ก็นะเขามีน้องสาวอีกสามคน และอะไรบางอย่างในตัวเขามันมีนิสัยวัยรุ่นผู้หญิงอยู่ในตัว เขาสามารถทำงานได้ดีกับฉันและ แมรี รวมถึงนักแสดงผู้หญิงคนอื่นๆในกอง และมันก็ทำให้เห็นได้ว่าเขาสามารถจะเอาความรู้สึก หรือประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัยทีนของสาวๆได้ดี"
สำหรับตัว อาริ เองเขามองว่าการทำหนังตลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย "การที่มีโอกาสได้ทำหนังแนวคอมมาดี้เกี่ยวกับชีวิตมัธยมมันทำให้ผมตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเราทุกคนต่างโตมากับหนังแนวนี้ที่เป็นเหมือนต้นอย่างในการใช้ชีวิตมัธยมของเราไม่ว่าจะเป็นหนังของ จอห์น ฮิวจ์ หรือ Mean Girl  หรือ Superbad ซี่งหนังเหล่านี้ต่างก็ตราตรึงกับพวกเราทุกคน ในช่วงชีวิตการเป็นเด็กนักเรียนมัธยม"
ทางด่านผู้เขียนบท จอร์ช เอ เคแกน กล่าวถึง อาริ ว่า เขาสามาถเข้าใจว่าการจะเป็นดาวเด่นในโรงเรียนนั้นเป็นยังไง แต่ทว่าเขาก็มีอีกด้านของความเป็นเด็กเนิร์ดที่อยู่ข้างในตัวเขาซึ่งนั้นก็ช่วยทำให้เขาสามารถจะนำเสนอออกมาทั้งสองด้านได้อย่างดี
แมคจี เชื่อว่าการจะเป็นหนังคอมมาดี้ที่ดีได้นั้น คือการที่ทำให้นักแสดงรู้สึกผ่อนคลายและการสร้างบรรยากาศที่ดีในกองถ่ายในขณะที่ตัวนักแสดงเองก็สามารถที่จะเล่นอะไรออกมาก็ได้โดยไม่กำหนดพวกเขามากเกินไป และอาริ เองก็เป็นแบบนั้น เขาสามารถดึงศักยภาพของนักแสดงออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ในขณะที่นักแสดงนำ เม วิทแมน เองก็ยกเครดิตให้กับผู้กำกับอย่าง อาริ ว่า "เราพยายามเล่นออกมาในแนวที่หลากหลายและพยายามหาอะไรที่แตกต่างเพื่อทำมันออกมาให้ดีที่สุด"
ในส่วนนักแสดงตลกอย่าง  เคน จอง กล่าวว่า อาริ เป็นคนที่น่าทึ่งมาก เขาทำงานอย่างเป็นตัวเอง เป็นกันเองกับนักแสดง และนั้นคือสิ่งที่อธิบายการทำงานของเขาได้ดีที่สุดแนวการกำกับของเขานั้นทำให้นักแสดงทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย เขาบอกกับพวกเราว่า "ถ้ารู้สึกว่าเล่นมันออกมาแล้วสนุก ก็เล่นเลย"
  แมคจี บอกว่าตัวเขาเองก็รู้สึกประหลาดใจที่นักแสดงทุกคนรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ทุกคนรู้สึกมีอิสระและพวกเขาต่างก็ต้องที่จะมาถ่ายทำ และรอไม่ไหวที่จะเข้าไปเล่นหน้ากล้อง พวกเขาไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด นั้นทำให้พวกเขาแสดงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
แมรี บอกว่า อาริ เป็นคนที่พลังงานเหลือล้นมาก  แนวการพูดของเขา และแนวการทำงานของเขา และแนวการถ่ายทำที่เขาทำออกมา มันเป็นหนึ่งเดียวกันหมด 
รอบบี่ อาเมล กล่าวว่า อาริ เป็นผู้กำกับที่เก่งมาก เขายังเด็กและก็มีสไตล์ที่ชัดเจน และเขามีกึ๋นในการทำหนังคอมมาดี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม



The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

เครื่องแต่งกายในเรื่อง


การที่จะนำเสนอการแต่งกายของเด็กมัธยม อย่าง บิแอนก้า ที่เป็นเดอะ ดัฟ ไปจนถึงชุดที่ต้องใส่ในงานเต้นรำ หรือจะเป็นชุดชิคๆสำหรับ  เคซี่  และ เจสส์  จนกกระทั่งชุดสำหรับสาวฮอทอย่าง เมดิสัน และตัวละครอื่นๆในเรื่อง ทางผู้จัดได้เลือก เอริค ดาแมน ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับ The Carrie Diaries หรือจะเป็นเรื่อง Gossip Girls โดยออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับตัวละครในเรื่องThe DUFF 
“นี่เป็นเรื่องของผู้หญิงมากๆ เรื่องที่นำเสนอแง่มุมหญิงๆ เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะได้คือเอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางคนที่ผมคิดว่าจะนำเสอนแง่มุมการแต่งตัว สไตล์ต่างๆของผู้หญิงออกมาได้ และผมก็นึกถึง เอริค ดาแมน ผมจึงได้ตั้งทีมร่วมกับเขา ผู้ซึ่งทำให้ภาพสไตล์การแต่งตัวของตัวละครออกมาได้อย่างสวยงาม พวกราเห็นตรงกันว่าเราจะทำมันออกมาให้ไม่เวอร์เกินไป จับต้องได้เป็นชีวิตจริง ซึ่งมันเป็นอะไรที่ต่างออกไปจากสิ่งที่เขาเคยทำ แต่เขาก็สามารถทำมันออกไม่ได้อย่างตอบโจทย์ผมมาก ผมหมายความว่า เขาเก่งมากจริงๆ เขายังคงสไตล์ของเขาเอาไว้ เขาสามารถลดทอนมันลง แต่ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเขาเอาไว้ " อาริ ซานเดล ผู้กำกับกล่าว


The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

กว่าจะมาเป็น เดอะ ดัฟ

ก่อนที่จะมีคำว่า เดอะ ดัฟ (  คนที่เป็นตัวแถมในแกงค์เพื่อน หน้าตาไม่ได้ดีเด่นอะไร หุ่นก็ไม่ดี ) เข้ามาในหมู่วัยรุ่นมัธยม แต่มันก็มีความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นในทุกๆสังคม ดูเหมือนว่าทุกคนต่างก็มีจุดๆหนึ่งในชีวิตที่มีเพื่อนที่ดูดีกว่า ฉลาดกว่า หรือมีความสามารถมากกว่า  และก็จะต้องมีเพื่อนที่ ไม่ได้ดูดีกว่าเรา ไม่ได้เก่งเท่าเรา ไม่ได้มีความสามารถเท่าเรา ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับเราทุกคน เราต่างก็เป็น ดัฟ ของใครอีกหลายคน และใครอีกหลายคนก็เป็น ดัฟ ของเรา และไม่มีที่ไหนที่จะทำให้เรารู้สึกและเห็นได้ชัดไปกว่าชีวิตในวัยมัธยม
โคดี้ เคพลิงเกอร์ ผู้เขียนหนังสือเรื่องนี้กล่าวว่า " ฉันจำได้อย่างแม่นยำว่า ในปีสุดท้ายของชีวิตมัธยม เช้าวันหนึ่งฉันเดินเข้ามาในโรงอาหาร  และผู้หญิงที่นั่งโต๊ะเดียวกับฉันกำลังพูดว่าเธอเกลียดที่พวกผู้ชายเรียกเพื่อนเธอว่า ดัฟ ตอนนั้นฉันเองก็ไม่เข้าใจว่ามันแปลว่าอะไร ฉันเลยถามผู้หญิงคนนั้นว่ามันหมายความว่าอะไร เมื่อฉันรู้ความหมายของคำนั้น ความรู้สึกของฉันแบ่งออกเป็น 3 ส่วน อย่างแรกคือมันตลกและไร้สาระมากแต่แล้วฉันก็รู้สึกว่า เดี๋ยวนะ นั่นมันแย่มากเลยนะ และสุดท้าย อ่าวนั้นฉันหนิ
หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง ฉันก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาต่างก็คิดว่าพวกเขาเองก็เป็น ดัฟ และหลังจากนั้นฉันก็พูดเล่นๆว่าฉันจะเริ่มเขียนหนังสือและจะตั้งชื่อว่า เดอะ ดัฟ (The DUFF)  แต่แทนที่จะเขียนมันออกมาในแนวที่ว่าผู้หญิงคนหนึ่งหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่งตัวใหม่ เปลี่ยนลุคทำให้ตัวเองสวยขึ้นจนทุกคนต้องตะลึง แต่เธอจะทำให้ตัวละครยังคงใช้ชีวิตได้ในแบบที่เป็น ดัฟ แต่ใช้ชีวิตในแบบที่มีความสุขแทนดีกว่า 

เธอกล่าวต่อว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากหนังสือวางจำหน่ายคือทุกคนต่างส่งอีเมลล์มาว่า "ฉันเองก็เป็น ดัฟ เหมือนกัน และหนังสือเล่มนี้ก็มีความหมายกับพวกเขาอย่างมาก" มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะเป็นยังไง จะอ้วน ผอม สูงเตี้ย สิ่งสำคัญคือ การที่คุณรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าคนอื่นในกลุ่มในทุกๆด้าน มันเกี่ยวกับความรู้สึกที่ว่าไม่ปลอดภัย โดดเดี่ยว รู้สึกตัวเองไม่ดีพอมากกว่า และทุกคนต่างก็ต้องมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้้น
ทางด้าน แมคจี เองก็เคยมีความรู้สึกนี้สมัยที่เขาเองอยู่มัธยม เขามีเพื่อนที่เก่งกว่าเขา ดูดีกว่าเขา และเขารู้สึกเหมือนเขาเป็นเหมือนคนติดตามของเพื่อนคนนี้ และมันก็รู้สึกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ "ผมคิดว่าเราทุกคนสามารถจะเป็น ดัฟ ของใครก็ได้ และมันก็ทำอะไรไม่ได้ในสิ่งที่เราเป็น แต่สิ่งที่ทำได้คือเราจะจัดการกับบทบาทที่เราเป็นอย่างไร"
ถึงแม้ว่าทางด้านผู้จัดและผู้ทำงานทุกคนจะรู้สึกได้ถึงใจความสำคัญของหนังเรื่องนี้ขนาดไหน แต่ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่าเราอยากจะทำมันออกมาให้ตลกและสนุกที่สุด
อาริ ผู้กำกับกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่หนังคอมมาดี้ให้กับคนดูคือ การที่คนดูสามารถเข้าถึงใจความสำคัญของหนังได้อย่างง่ายดายกว่าหนังแนวอื่น เพราะคนดูไม่ต้องพยายามที่จะทำความเข้าใจ เหมือนกับหนังแนวอื่น เขากล่าวต่อว่า "หากคุณทำให้มันเป็นเรื่องตลกได้ มันก็จะง่ายในการทำความเข้าใจ"ทางด้านผู้กำกับ อาริ ชมเธอว่า เธอเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น มีความเข้าใจในบทอย่างยิ่ง และเป็นคนหนึ่งที่เก่งที่สุดในกลุ่ม เธอสามารถใส่ความเป็นตัวเองลงไปในบทอย่างที่เธอไม่เคยทำมันมาก่อน
การที่ อัลลิสัน เจนนี ผู้รับบทเป็นแม่ของ บิอังกา ได้ร่วมงานกับ เม เธอกล่าวว่า เม เป็นคนที่มีความหลากหลายมาก เธอสามารถจะสื่อสารสิ่งที่ตัวละครต้องการออกมาได้อย่างดีเยี่ยม และทำมันออกมาอย่างสนุก ความสามาถของเธอ ในการที่ที่เธอเล่นเป็นตัวละครนั้นๆมันทำให้ตัวละครมีความเป็นเอกลักษณ์และมีชีวิตชีวามาก
สกาลเลอร์ ซามูลเอลส์ และ บิอังกา ซานโทส ทั้งคู่รับบทเป็นเพื่อนของ บิอังกา ในหนัง สกายเลอร์ กล่าวว่า เม เล่นมันออกมาได้สมจริงมาก ทำให้ตัวละคร บิอังกา ดูมีชีวิตจริงๆ ถ้าไม่ใช่ เม ที่ต้องรับบทนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใครแล้ว
เคน จอง กล่าว “เม เป็นนักแสดงที่เก่งมากคนหนึ่ง และเธอก็เป็นนักแสดงที่ดีเยี่ยม เธอมีเคมีกับทุกๆคนที่เล่นกับเธอ และคุณจะรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้เล่นกับเธอ"
อาริ บอกว่า หนังเรื่องนี้จะไม่มีทางเป็นอย่างนี้ได้ถ้าไม่ เม  วิทแมน  มารับบท บิอังกา พวกเราต่างรู้ว่าเมื่อครั้งที่เธอได้อ่านบทนี้ ผมรู้สึกได้ทันทีว่าเธอช่างเหมาะกับหนังเรื่องนี้มาก แต่เมื่อเธอเริ่มอ่านบทนั้นออกมา พวกเราทุกคนต่างรู้เลยว่า เธอมหัศจรรย์มากขนาดไหน เธอเป็นนักแสดงที่ดีมากคนหนึ่ง"




The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

เวสท์ลีย์ แสดงโดย รอบบี้ อาเมล

ในส่วนของบท เวสท์ลีย์ รัช ทางผู้จัดต้องการใครสักคนที่จะมารับบทนักกีฬารูปหล่อ ผู้ซึ่งถูกจัดให้เป็นพวกทึ่มและก็ไม่จริงจังกับอะไร อย่างไรก็ตามการที่จะเป็น นักกีฬา กองหลังของโรงเรียน แมลลอย นั้น คาแรคเตอร์ของ เวสท์ลีย์ นั้นมีจิตวิญญาณ มีความลึกซึ้ง  และความสามารถในการที่จะเข้าใจผู้อื่นจากเปลือกนอกและความเป็นตัวเองของเขา และแล้วทีมผู้จัดก็ได้ รอบบี้ อาเมล นักแสดงลูกครึ่งแคนาดามารับบทนี้
รอบบี้ อาเมล กล่าวว่า "เขาดุูเป็นพวกบ้าๆที่มีความเป็นเด็กอยู่ในตัว เขามีเพื่อนมากมาย เขาป๊อปปูล่า และด้วยความสามารถทางกีฬาทำให้เขาเข้ามหาลัยได้อย่างง่ายได้ ทำให้ตัวละครนี้มักจะมีคำถามว่าทำไมต้องพยายามทำอะไรมากมาย เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง และมีความรู้รอบตัวมากมายกว่าที่ บิอังกา มี แต่พวกเขาทั้งสอง ต่างก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน"
เลน  กล่าวว่า รอบบี้  ได้ให้อะไรมากกว่าที่ตัวละคร เวสท์ลีย์ จะเป็น เขามีบางส่วนที่ เวสท์ลีย์ เป็น และเขาก็ค่อยๆใส่ความเป็นตัวเองลงไปตลอดเวลาที่เขาเล่น ทำให้ตัวละครนี้ดูมีชีวิตจริงๆอีกตัวหนึ่ง
เม วิทแมน กล่าวถึงนักแสดงคู่เธอว่า  มันมีโอกาสมากมายที่จะทำให้ตัวละครนี้เล่นออกมาในแนวที่ผิดแปลกไปจากที่เป็น แต่ รอบบี้ ก็สามารถเอามันอยู่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันอยากจะเล่นอะไรที่มันพิเศษกว่าที่บทควรจะเป็น และถ้าฉันคิดไม่ออกว่าจะใส่อะไรลงไป เขามักจะเล่นออกมาและต่อมันด้วยแนวที่ฉันสามารถจะเล่นต่อไปได้ เขาเป็นนักแสดงที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง มีเสน่ห์ และก็เป็นกันเอง และตลก 
โคดี้ เคพลิงเกอร์ กล่าวว่า ครั้งแรกที่ฉันเห็นรูปเขา ฉันคิดได้ทันที่ว่า นี่แหละใช่ คนนี้ดีเลย และหลังจากที่ฉันได้เจอเขาและเห็นเขาเล่น เขาเพอร์เฟ็คกับบทนี้มาก เขามีเสน่ห์ที่จะสามารถเล่นบทนี้ได้
รอบบี้ กล่าวว่า “ผมเองก็ค่อนข้างจะเป็นห่วงในการเล่นบทนี้ มันเป็นงานหินงานหนึ่งที่จะทำให้ตัวละครมีชีวิตเหมือนคนเดินดินปกติทั่วไป แต่ด้วยความที่ตัวบทเองมันมีความพิเศษอยู่ในตัวมันทำให้ผมสามารถที่จะสื่อสารมันออกมาถึงคนที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังประสบปัญหาพวกนี้อยู่ให้ผ่านพ้นมันไป ให้จัดการมันได้”


The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

เมดิสัน แสดงโดย เบลล่า ธอร์น

เมดิสัน มอร์แกน เป็นตัวละครที่ผู้จัดสร้างขึ้นมานอกเหนือจากหนังสือเพื่อนทำให้คนดูเห็นถึงข้อเปรียบเทียบ จุดด้อยต่างๆของ บิอังกา
"ด้วยความที่ฉันและ อาริ  เป็นคนทำให้ตัวละครนี้มีชีวิตในหนัง เพราะเราต้องการตัวละครสักตัวที่มีลักษณะเป็นศัตรูกับ บิอังกา ” จอร์ช เอ เคแกน กล่าวต่อว่า แต่เราก็ไม่ได้ต้องการให้  เมดิสัน ดูเป็นตัวละครที่โหดร้าย เป็นราชินีขี้วีน ขี้เหวี่ยง  กรีดร้อง ไม่พอใจใครจะทำร้ายชีวิตคนนั้นอย่างไม่มีเหตุผล  เราต้องการให้ เมดิสัน ก็เป็นเหมือนตัวละครอื่นๆในเรื่องคือเธอแค่รู้สึกไม่ปลอดภัย สิ่งที่เธอคิดจึงเป็นสิ่งที่เธอแสดงออกมาก็เท่านั้น
ทางผู้จัดได้แคส เบลล่า ธอร์น มารับบทนี้ "ครั้งที่ฉันได้อ่านบทนี้ฉันก็ตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง " เบลล่า กล่าว " ฉันชอบ ฉันไม่สนใจว่าฉันเล่นเป็นอะไร ขอแค่ได้เล่นในเรื่องนี้ก็พอ ฉันชอบความคิดที่ว่าผู้หญิงสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรๆได้เวลาที่พวกเธออยู่ด้วยกันและเวลาที่พวกเธอรู้สึกถึงความสำคัญของกันและกัน
สกาลเลอร์ ซามูลเอลส์ กล่าวว่า ฉันไม่เคยเจอใครที่จะมีอารมณ์และแนวทางหลากหลายขนาดนี้มาก่อน เธอเป็นคนตลก และสิ่งที่เธอเล่นกับ รอบบี่ และ เม นั้นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันคงไม่พูดอะไรมาก แต่พวกเขาเล่นมันออกมาได้อย่างคลาสสิคตามแบบฉบับหนังที่ควรจะเป็น
รอบบี่ อาเมล กล่าวว่า เบลล่า เป็นคนที่น่ารัก และจิตใจดีและเมื่อเธอต้องเล่นอีกด้านหนึ่งของเมดิสัน เธอทำมันออกมาได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ และซึ่งที่คุณรู้สึกกับสิ่งที่เธอเล่น คือฉันเกลียดผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงได้ทำอะไรแย่ๆได้ขนาดนี้ 
อาริ ซานเดล กล่าวถึงตัวละครนี้ว่า เมดิสัน เป็นผู้หญิงที่ทุกคนต้องรู้จักไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน  ในที่ทำงาน หรือในกลุ่มเพื่อน เธอเป็นผู้หญิงที่คุณจะต้องหมั่นไส้ และไม่ชอบ และสิ่งที่ตัวละครนี้เองไม่ได้ตระหนักคือเธอก็เป็น ดัฟ  ของใครเหมือนกัน มันก็มีอะไรบางอย่างที่น่าขำในสิ่งที่  เบลล่า เล่นออกมาเพราะ เธอเองเป็นคนตลกจริงๆและเธอก็มีเซนส์ของคอมมาดี้ เธอได้ใส่เอกลักษณ์ความน่ารัก ใสซื่อลงไปในตัวละครนี้และทำให้ให้ เมดิสัน มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
เคซี่ แสดงโดย บิอังกา ซานโทส และ เจสส์ แสดงโดย สายเลอร์ ซามูลเอลส์

 เมื่อพูดถึงตัวละครทั้งสองตัว โคดี้ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าทั้ง เคซี่  และ เจสส์ จะเป็นเพื่อนสนิทของ บิอังกา ที่ทั้งสวยและดูดี พวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนที่ของ บิอังกา แต่หลังจากที่ บิอังกา รู้สึกว่าตัวเองเป็น เดอะ ดัฟ  ของเพื่อนทำให้เธอรู้สึกไม่ดีพอสำหรับเพื่อนๆของเธอ และการที่ บิอังกา รู้สึกแบบนี้ไม่ได้แปลว่า เคซี่  และ เจสส์ เป็นคนไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าพวกหล่อนก็รู้สึกไม่ดีพอในบางเรื่องเหมือนกัน
อาริ ผู้กำกับต้องการให้ตัวละครสองตัวนี้เป็นสาวสวยแต่ก็อยากให้ตัวละครนี้มีความฉลาดไม่ใช่เป็นพวกสวยแต่ไร้สมอง และต้องเป็นผู้หญิงที่ใครๆก็อยากเป็นเพื่อนด้วย และ สกายเลอร์ กับ บิแอนก้า ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่ฉลาดในชีวิตจริง และนั่นมันก็สามารพสื่อออกมาให้เห็นได้เวลาทั้งคู่เล่นอยู่หน้ากล้อง พวกเธอทั้งสองคนเป็นนักแสดงที่ดี ทั้งคู่ทำการบ้านมาอย่างดี และมีไอเดียใหม่ๆในการเล่นที่น่าสนใจ ทั้งสองคนนี้ทำให้ตัวละครที่พวกเธอเล่นมีความน่าสนใจ
บิแอนก้า ซานโทส  กล่าวถึงตัวละคร เคซี่ ที่เธอเล่นว่า เคซี่ เป็นคนที่ไม่ยอมใคร ก้าวร้าว แต่เธอก็เป็คนที่รักเพื่อน เธอเป็นคนที่แบบว่าไม่ว่าจะร้ายจะแซบยังไง สุดท้ายเธอก็จะเป็นที่เข้าหาเพื่อนสนิทของเธอ ชวนเพื่อนกลับบ้านด้วยกันตลอด
สกายเลอร์ ซามูลเอลส์ เล่าว่า เจสส์  เป็นคนประเภทมองโลกในแง่ดี ทุกอย่างดูดีไปเสียหมด และเธอจะเป็นคนประเภทเจ็บปวดได้ง่ายกับทุกเรื่องเพราะเธอเป็นคนที่แคร์ทุกอย่างรอบตัวมากถ้าหากสิ่งที่เธอคิดไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวังบางอย่างที่น่าขำในสิ่งที่  เบลล่า เล่นออกมาเพราะ เธอเองเป็นคนตลกจริงๆและเธอก็มีเซนส์ของคอมมาดี้ เธอได้ใส่เอกลักษณ์ความน่ารัก ใสซื่อลงไปในตัวละครนี้และทำให้ให้ เมดิสัน มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น



The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

เคซี่ แสดงโดย บิอังกา ซานโทส และ เจสส์ แสดงโดย สายเลอร์ ซามูลเอลส์

เมื่อพูดถึงตัวละครทั้งสองตัว โคดี้ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าทั้ง เคซี่  และ เจสส์ จะเป็นเพื่อนสนิทของ บิอังกา ที่ทั้งสวยและดูดี พวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนที่ของ บิอังกา แต่หลังจากที่ บิอังกา รู้สึกว่าตัวเองเป็น เดอะ ดัฟ  ของเพื่อนทำให้เธอรู้สึกไม่ดีพอสำหรับเพื่อนๆของเธอ และการที่ บิอังกา รู้สึกแบบนี้ไม่ได้แปลว่า เคซี่  และ เจสส์ เป็นคนไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าพวกหล่อนก็รู้สึกไม่ดีพอในบางเรื่องเหมือนกัน
อาริ ผู้กำกับต้องการให้ตัวละครสองตัวนี้เป็นสาวสวยแต่ก็อยากให้ตัวละครนี้มีความฉลาดไม่ใช่เป็นพวกสวยแต่ไร้สมอง และต้องเป็นผู้หญิงที่ใครๆก็อยากเป็นเพื่อนด้วย และ สกายเลอร์ กับ บิแอนก้า ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่ฉลาดในชีวิตจริง และนั่นมันก็สามารพสื่อออกมาให้เห็นได้เวลาทั้งคู่เล่นอยู่หน้ากล้อง พวกเธอทั้งสองคนเป็นนักแสดงที่ดี ทั้งคู่ทำการบ้านมาอย่างดี และมีไอเดียใหม่ๆในการเล่นที่น่าสนใจ ทั้งสองคนนี้ทำให้ตัวละครที่พวกเธอเล่นมีความน่าสนใจ
บิแอนก้า ซานโทส  กล่าวถึงตัวละคร เคซี่ ที่เธอเล่นว่า เคซี่ เป็นคนที่ไม่ยอมใคร ก้าวร้าว แต่เธอก็เป็คนที่รักเพื่อน เธอเป็นคนที่แบบว่าไม่ว่าจะร้ายจะแซบยังไง สุดท้ายเธอก็จะเป็นที่เข้าหาเพื่อนสนิทของเธอ ชวนเพื่อนกลับบ้านด้วยกันตลอด
สกายเลอร์ ซามูลเอลส์ เล่าว่า เจสส์  เป็นคนประเภทมองโลกในแง่ดี ทุกอย่างดูดีไปเสียหมด และเธอจะเป็นคนประเภทเจ็บปวดได้ง่ายกับทุกเรื่องเพราะเธอเป็นคนที่แคร์ทุกอย่างรอบตัวมากถ้าหากสิ่งที่เธอคิดไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวัง


The DUFF ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย(เดอะ ดัฟ ชะนีซ่าส์ มั่นหน้าเกินร้อย)

มิสเตอร์ อาร์เธอร์ แสดงโดย เคน จอง

คุณครูแห่งโรงเรียน มัลลอย แสดงโดย เคน จอง ผู้มีผลงานด้านคอมมาดี้มากมายอาทิเช่น  The Hangover , Community เป็นต้น 
มิสเตอร์ อาร์เธอร์  เป็นครูสอนวิชาสื่อสารมวลชนของโรงเรียนนี้และยังเป็นทั้ง ผู้อบรมและเป็นเสมือนพ่ออีกคนของ บิแอนก้า ผู้ที่พ่อแท้ๆของเธอได้แยกทางกับแม่เธอตั้งแต่เธอยังเด็ก
โคดี้  ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้กล่าวว่า เมื่อรู้ว่า เคน จอง รับบทนี้ในเรื่อง ฉันรู้เลยว่ามันจะต้องสนุกขนาดไหน มันจะต้องเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงแน่นอน
เคน จอง  ผู้ที่เป็นนักแสดงและชีวิตจริงยังเป็นคุณหมออีกด้วย " ด้วยคาแลคเตอร์ที่ผมเล่น มิสเตอร์ อาร์เธอร์ เห็นศักยภาพบางอย่างในตัวของ บิแอนก้า เขาจึงได้ท้าทายเธอ ผลักดันเธอ และดุเธอ เขาเป็นโค้ชและเมนท์เตอร์ที่ดีคนหนึ่ง เขารู้ว่าเธอจะสามารถรับมือกับความท้าทายได้ " เขายังกล่าวต่อว่า "ตัวละครนี้มีอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่ตลกๆและสร้างสีสันอย่างเดียว แต่มีแง่มุมความรู้สึกที่คนทั่วไปก็มี"
 เท็ด กิดโลว์ ผู้อำนายการสร้างอีกคน กล่าวว่า เคน เป็นคนประเภท อ่อนน้อม มีน้ำใจ และก็มีนิสัยอะไรสุดโต่งที่ทำให้เราหัวเราะได้ เวลาที่เราดูเขาเล่นเขามักจะมีของที่ปล่อยออกมาได้อย่างมากมายและนั่นก็เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์