ศึกชิง “ผัว”/ซ้อ 7



สมัยก่อนตอนซ้อเป็นสาวใหม่ๆ กว่าจะหาผัวได้ก็เดินสายกันให้วุ่น เดี๋ยวก็ไปออกงานโน้น เดี๋ยวก็ไปออกงานนี้ หาโอกาสเจอผู้ชายให้ได้มากที่สุด กว่าจะได้ดอ เอ๊ย! ตอฝรั่งมาเชยชมก็เดินกันจนขาลาก
       
        งานนี้ก็เลยต้องเอาให้คุ้ม ใช้ผัวปั๊มลูกครึ่งไปตั้งหลายคน ผลก็คือขาหายลาก แต่ “สะโพกคราก” แทนว่ะ
       
        ของอย่างนี้ว่ากันไม่ได้หรอก ใครได้โดนเป็นต้องติดใจ ไม่งั้นดารารุ่นเล็กรุ่นใหญ่จะเปิดศึกชิงแท่งกันเหรอ อย่างรายของ “หมวยเสียงใส” กับ “นักแสดงหน้าใหม่” ก็ฉะกันแหลกเพราะแท่งโด่ๆ นี่แหละ
       
        คู่นี้เปิดศึกชิงแท่งของ “หนุ่มเคราแพะ” กันมานานแล้ว แย่งกันดูดตั้งแต่สมัยที่หนุ่มเคราแพะยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับนักแสดงหน้าใหม่ ฝ่ายชายก็เลยอาศัยจังหวะว่างเที่ยวจิ้มไปทั่ว บางวันก็มาอึ๊ดอั๊ดกับนักแสดงหน้าใหม่ แต่บางวันก็แวะไปให้หมวยเสียงใส “ยืมไมค์” ซ้อมลูกคออยู่บ่อยๆ เป็นเหตุให้ทั้งคู่แยกเขี้ยวไส้กันเป็นประจำ
       
        หลังจากที่วิ่งรอกลงหลุมอยู่หลายเดือน ในที่สุดหนุ่มเคราแพะก็ตัดสินใจเลือกนักแสดงหน้าใหม่เป็นแฟน ไม่ใช่เพราะแม่นี่เด้งดีหรือนมใหญ่กว่าหมวยเสียงใส แต่เป็นเพราะนักแสดงหน้าใหม่ได้เข้าวงการมีต้นสังกัดที่ดี อนาคตนางเอกอยู่แค่เอื้อม ในขณะที่หมวยเสียงใสเป็นแค่คนเคยดัง จะเอาปัญญาอะไรมาดันตู ขืนคบกันไปมีแต่ตูนี่แหละจะต้องไป “ดัน” ซี๊ด...อ้าๆ ว่าแล้วหนุ่มเคราแพะก็เลยหอบแท่งหนี ตัดสินใจกระโดดเกาะกระโปรงนักแสดงหน้าใหม่ทันที
       
        แต่ถึงจะถูกผู้ชายสลัดทิ้ง แต่หมวยเสียงใสก็ไม่หวั่น ทำเป็นเล่นบทคนดีปากก็บอกยินดีจะเป็นเพื่อน แต่พฤติกรรมกลับยินดีถ่างอยู่เสมอ นักแสดงหน้าใหม่เผลอเมื่อไหร่เป็นต้องฉกไมค์หนุ่มเคราแพะไปเชิ้บๆ ส่งผลให้ผัวเมียเขาทะเลาะกัน และเลิกรากันในที่สุด
       
        ขอบอกว่ายายนี่ชอบแย่งของคนอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว สมัยก่อนก็ไปซ่าส์อยู่แถวสยาม เคยสร้างวีรกรรมตบกันกลางสยาม เพราะแย่งผู้ชายมาแล้ว พึ่งจะมาเลิกพฤติกรรมนักเลงก็ตอนที่เข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละ ไม่ใช่ว่าโตแล้วสำนึกได้อะไรหรอก แต่เป็นเพราะไปงัดดั้งยัดคางมา ซิลิโคนโบกหน้าซะขนาดนั้นขืนยังซ่ามีหวังได้ดั้งเบี้ยวแน่
       
        พอโตขึ้นมาหน่อยก็เดินสายแย่งผัวชาวบ้านเขา เริ่มตั้งแต่ “ผัวเล็บดำ” ของ “ไฮโซหน้าผี” คู่นี้เกือบจะได้เสียกันอยู่แล้วเชียว แต่ไฮโซหน้าผีดันจับไปประจานซะก่อน เล่นเอาหมวยเสียงใสรีบพับหอยหนีแทบไม่ทัน ล่าสุด ก็ไปอ่อยแฟนของ “นางเอกหนัง” ค่ายเดียวกับนักแสดงหน้าใหม่อีก ใจคอคิดจะแย่งผัวเขาให้หมดทั้งค่ายเลยหรือไงยะ เหลือไว้ให้คนอื่นเขาทำพันธุ์มั่งดิว้า
       
        ก็ไม่รู้ว่าจะงกผัวไปถึงไหน ปัจจุบันหมวยเสียงใสก็อยู่กินกับหนุ่มเคราแพะเรียบร้อยแล้ว โดยอาศัยหอพักของฝ่ายหญิงชื่อเหมือนขนมอยู่ข้างมหาวิทยาลัยเป็นรังพิศวาส ทดลองใช้ชีวิตคู่ซ้อมทำลูกกันมาได้ซักพักแล้ว เล่นเอาคนในหออึ้ง คิดไม่ถึงว่าหมวยเสียงใสจะกลายเป็นเด็กใจแตกใช้ชีวิตอยู่กับผัว
       
        ผลจากการใช้ชีวิตแบบทูอินวัน กลางวันไปเรียนกลางคืนกลับมาเป็นเมีย ส่งผลให้การเรียนของหมวยเสียงใส่ตกลงไปพอสมควร เนื่องจากไม่มีเวลาอ่านหนังสือมากเท่าที่ควร แถมผัวเคราแพะยังติดบอลอีกต่างหาก ดึกๆ ดื่นๆ ไม่หลับไปนอนนั่งดูนั่งแทงบอลมันทั้งคืน
       
        แรกๆ หมวยเสียงใสก็ไม่สนใจจะทงจะแทงอะไรก็แทงๆ ไป รอโดนแทงมันอย่างเดียว หลังๆ รอจนเมื่อยชักทนไม่ไหว ลุกออกไปร่วมวง สุดท้ายก็เลยช่วยแทงจนจะติดพนันบอลไปในที่สุด พูดแล้วก็ส่งสารพ่อแม่ของหมวยเสียงใสซะจริงๆ ป่านนี้จะรู้เปล่าลูกสาวต๊ะติ๊งโหน่งกลวงโบ๋ขนาดไหน
       
**********

        จบรุ่นเล็กไปต่อที่รุ่นเฮฟวีเวตกันมั่งดีกว่า แหม...จะใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่ “เจ๊เม้ม” กับ “นักจ้อคนดัง” ที่เปิดศึกแย่งผู้ชายกันสนั่นเมือง ความจริงแล้วคู่นี้เปิดศึกแย่งชิง “พี่โยกพลิ้ว” ผู้สร้างสรรค์มือดีมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ผู้ชายยังรวบสองไม่เปิดปากเลือกใคร แต่จนแล้วจนรอดเจ๊เม้มก็อาศัยความใกล้ชิดตลกแดกลากผู้ชายเอาไปกิน
       
        ถึงจะพลาดเป้าแต่ไอ้ครั้นจะให้นักจ้อฟูมฟายก็เสียลุคส์ แค่เป็นแฟนยังไม่ได้แต่งซักหน่อย งานนี้ยังมีโอกาสสู้อีกหลายยก ว่าแล้วนักจ้อก็เลยสวมหน้ากากแกล้งดีด้วย รอจังหวะเผลอเมื่อไหร่ก็ทำเนียนชวนพี่โยกไปโน่นไปนี่ในฐานะเพื่อน ยั่วโมโหให้เจ๊เม้มคลั่งตาย
       
        ด้าน เจ๊เม้ม เองก็อดทนมาหลายดอก ทำเป็นหลับหูหลับตาปล่อยให้นักจ้อมาสีผัวอยู่หลายที ต่อมความอดทนพึ่งจะมาแตก เพราะเรื่องเงินนี่แหละ เจ๊เม้มก็เลยเอานักจ้อไปเมาท์กับคนโน้นคนนี้ประจานไปทั่ววงการ จะยกหูโทร.ไปด่าซะหน่อยก็กลัวว่าจะเสียคะแนนนิยมจากผ้ชาย สุดท้ายก็เลยแกล้งปัญญาอ่อนไม่จ่ายตังค์มันซะเลย
       
        งานนี้ เจ๊เม้ม ถึงกับเจ้าเข้า วางแผนจะออกมาแฉ คิดจนหัวแทบแตกจะทำยังไงดีให้นักข่าวหันมาสนใจ เพราะลำพังตัวเองก็ตกยุคไปตั้งนาน ใครมันจะมารุม ไอ้ครั้นจะให้ใส่ชุดอย่างยาย “มาช้า” นมก็ยังไม่ยานขนาดนั้น สุดท้ายเจ๊เม้มก็เลยไปเตี๊ยมกับนักข่าวคนหนึ่งเพื่อให้ไปปล่อยข่าวว่าจะแฉนักจ้อ ปรากฏว่า นักข่าวก็มากันพรึ่บพรั่บ พอทิ่มไมค์เท่านั้นแหละคุณนายก็ตีหน้าซื่อ รู้ได้ไงคะ อ๋อไม่อยากพูดค่ะ (แต่ก็เล่าซะหมดเปลือก) ตบท้ายด้วยการบอกว่า ไม่อยากจะเอาเรื่อง (แต่ด่าจนจบ) สุดท้ายนักจ้อก็เลยแปลงร่างเป็นหมาไปเต็มๆ
       
        โดนเข้าไปงานนี้เล่นเอานักจ้อถึงกับสติแตกคันปากยิกๆ อยากจะด่า แต่จะให้ออกมาสัมภาษณ์ก็คงจะไม่สวยเพราะผิดเต็มไปประตู สุดท้ายก็เลยเล่นเกมประสาทส่งของชั้นต่ำไปเป็นของกำนัลให้เจ๊เม้ม ยายนี่ก็เลยเข้าตีนออกมากรี๊ดๆ แล้วก็แฉต่อรอบสอง จนนักจ้อทนไม่ไหวต้องออกมาแหลว่าเป็นฝีมือคนอื่น ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนทำและวางแผนทั้งหมด
       
        เห็นศัตรูกำลังเพลี่ยงพล้ำเสียทีเจ๊เม้มก็เลยไม่รอช้า จัดการบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐานเด็ด ป้องกันการแหลเวอร์ชันสองของนักจ้อ จากนั้นก็ยกหูถึงนักข่าวบอกให้เอาไปเผยแพร่แถมยังจะจ้างทำพีอาร์แจกนักข่าวทุกสำนักอีกต่างหาก แต่คิดไปคิดมากลัวว่าจะถูกจับได้โทร.มายกเลิก ก่อนจะจัดการไปปล่อยลงเว็บเอง
       
        แต่บุญของนักจ้อยังมีที่ไม่ได้รั่วอะไรมาก ฟีดแบกกลับมาก็เลยไม่แรงสมใจเจ๊เม้ม ไม่มีใครสนใจเนื้อหาที่บันทึก มีแต่คำถามว่าใครเป็นคนปล่อย เจอเข้าแบบนี้เจ๊เม้มถึงกับขี้หดตดหาย ปิดปากเงียบไปสองวัน ก่อนจะกระแดะทำเป็นผู้ดีอ้างผู้ใหญ่ไม่ให้พูด แล้วก็แถไปเรื่อยเปื่อยไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ
       
        ฟังแล้วก็สมเพช ทำเป็นแอ็กท่าว่าเป็นคนตรง กล้าพูดกล้าทำ ที่แท้ก็แค่เล่นละครต้มคนดู ความจริงแล้วคนที่ผู้ใหญ่สั่งห้าม ก็คือ นักจ้อ เพราะอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ต้นสังกัด ไม่งั้นป่านนี้นักจ้อคงบุก สน.ลากคอเจ๊เม้มได้ไปนอนอยู่ในคุกแล้ว
       
        ฉะนั้น งานนี้อย่าถามเลยว่า ใครถูกใครผิด เพราะแม่มแหลพอกัน



ขอมูลข่าว::www.manager.co.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์