30 ยังแจ๋ว

ปราย ธนาอัมพุช

นิธิพร มั่นนาค ชื่อเล่น โอ๋ เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2517 สูง 167 ซ.ม. น้ำหนัก 47 ก.ก. มีพี่ชาย 1 คน ที่บ้านย่านบางบัวทอง
* งานด้านภาพยนตร์ *
เป็นนางเอก หนัง เรื่องฅนปีมะ (ชื่อเดิม "ลิเก นักมวย คนสวย เทวดา" )อีกทั้งยังเป็นดารารับเชิญในหนัง ธิดาช้าง อีกด้วย


ไม่แคร์ญาติติโกโหติกา 'โอ๋'เปลี่ยนใช้'ปราย'หมอดูทักเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

เจอทักว่าชื่อและนามสกุลไม่เสริมดวง โอ๋-นิธิพร มั่นนาค เชื่อหมอดูตัดสินใจเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลใหม่เป็นปราย ธนาอัมพุช หวังเป็นเคล็ดจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น

 

ย้ำงานนี้ไม่ได้หลงงมงาย เพียงแต่ต้องการพิสูจน์จะเป็นตามคำที่ถูกทักหรือไม่
"เปลี่ยนทั้งชื่อเล่น ชื่อจริง และนามสกุล เปลี่ยนตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ได้ไปเปลี่ยนชื่อเริ่มจากมีน้องที่เป็นหุ้นส่วนร้านดอกไม้เขาไปเปลี่ยนแล้วบอกว่าชีวิตดีขึ้น แล้วช่วงนั้นร้านดอกไม้ไม่ค่อยดี เลยไปหาอาจารย์ท่านหนึ่งให้ช่วยดูหน่อย ท่านก็ทักเรื่องชื่อของเราว่าไม่ดีทำให้ร้านไม่ดีไปด้วย ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยน เพราะอย่างแรกเราเองอยากพิสูจน์ว่ามันจริงมั้ยอย่างที่เขาทัก ชีวิตเราจะดีขึ้นมั้ย คือเราคิดดูแล้วถึงเราเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่มันก็ไม่เสียหาย หรือถ้าวันหนึ่งเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาทัก ก็กลับมาใช้ชื่อเดิมก็ได้เหมือนกัน
หลังจากเปลี่ยนไปได้สักพักเรื่องใจเรารู้สึกดีขึ้น  แต่เรื่องงานหรือเรื่องอื่นคงต้องใช้เวลา เรื่องเปลี่ยนชื่อคนรอบข้างก็ไม่ว่าอะไรเลย  ต้องบอกว่าโชคดีมากที่ไม่มีใครบอกว่าเรางมงาย  มีแต่สงสัยว่าเปลี่ยนทำไม พอเราอธิบายไปเขาก็เข้าใจ พ่อแม่ก็เข้าใจ".


อรปรียา หุ่นศาสตร์

เกิด 27 ตุลาคม พ.ศ. 2513 ชื่อเล่น ปอ พิธีกรรายการ ช่อง 3 อดีตเคยเป็นพิธีกรรายการ สรยุทธ สุทัศนะจินดาก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ ไทรทอง จึงได้ฉายาว่า เจ้าแม่ไทรทอง เปลี่ยนชื่อและนามสกุลอีกครั้ง เป็น ปุณยวีร์ สุขกุลวรเศรษฐ์


วราภรณ์ สมพงษ์

กระเต็น คือชื่อเล่นที่น่ารักของ วราภรณ์ สมพงษ์ เธอเป็นผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีลีลาการอ่านข่าวอย่างคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ฉีกแนวการอ่านข่าวแบบดั้งเดิมได้อย่างพอเหมาะพอดี สมกับที่เป็นผู้ประกาศข่าวของไอทีวี ทีวีเสรี ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านการนำเสนอข่าวเสมอมาดิฉันเรียนจบอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทางด้านการละคร จบมาก็ไปฝึกงานละครระยะหนึ่ง แล้วไปทำก็อปปี้ไรเตอร์อยู่ ๒ ปี ไปทำหนังสือชีวิตชีวาอยู่อีกเกือบปี แต่พอดีไม่ประสบความสำเร็จเพราะเศรษฐกิจฟุบ ช่วงนั้นไอทีวีประกาศรับสมัครงานหลายตำแหน่ง รวมทั้งผู้ประกาศข่าวด้วย ดิฉันก็สนใจเพราะถึงไม่ได้เรียนจบนิเทศโดยตรง แต่เรารู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง อ่านข่าวก็เป็นงานที่เราอยากจะทำอยู่แล้วจึงเคยไปสอบใบผู้ประกาศทิ้งไว้ตั้งแต่ยังไม่ได้มาทำงานด้านนี้ พอเขารับสมัครก็เลยเอาผลงานทุกอย่างที่เคยทำมาเสนอ อย่างตอนเป็นก็อปปี้ไรเตอร์ก็เคยเขียนสปอต อ่านสปอตโฆษณา ก็อาจช่วยได้ส่วนหนึ่งในการใช้เสียง แล้วก็หัดอ่านมาตั้งแต่เด็ก เพราะสมัยเรียนมัธยม อาจารย์เห็นแววก็จับมาหัดไว้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปประกวดอ่านร้อยแก้วอยู่ตลอด...<br /><br />ตอนนั้นก็มีคนสมัครเยอะมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่เขารับสมัครแบบเต็มฟอร์มเพื่อมาเสริมทีมของคุณนรากร คุณภัทราพร เรียกว่าเป็นรุ่นที่ ๒ ของไอทีวี เริ่มแรกเขาก็ให้มาอ่านข่าวเทสต์หน้ากล้อง อ่านเสร็จก็ไม่หวังอะไรเพราะมีคนมาเทสต์เยอะมาก แต่สุดท้ายก็เรียกมา ๕ คน เราเป็นหนึ่งในนั้น ห้าคนนี้ก็ต้องเข้าคอร์สฝึกรายงานสด อ่านข่าว เขียนข่าว ออกภาคสนามอยู่เป็นเดือน ฝึกทิ้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าเขาจะรับหรือไม่ แต่เขาคงดูว่าเราจะให้ใจกับงานได้แค่ไหน ปรากฏว่าสุดท้ายเราได้เป็นคนเดียวจากห้าคนนั้น จึงเป็นงานที่ภาคภูมิใจมาก<br /><br />อ่านครั้งแรกตื่นเต้นมาก จำได้ว่าเป็นข่าวภาคดึก ๕ ทุ่ม เพราะถือเป็นช่วงข่าวฝึกน้องเพราะไม่ต้องเกร็งมาก คือคนดูอาจจะน้อยหน่อย แล้วข่าวก็ไม่ค่อยมีปัญหาเฉพาะหน้า มีสคริปต์พร้อม ครั้งแรกที่อ่านเป็นการอัดเทป อ่านแค่สามข่าวแต่เตรียมตัวเป็นชั่วโมง (หัวเราะ) ปรากฏว่าอัดเทปเดียวก็ผ่านเพราะได้รับการอบรมมาว่าถึงแม้จะอัดเทป แต่ก็ห้ามนึกว่าเป็นเทปเพราะไม่เช่นนั้นจะเปล่าประโยชน์ เปลืองเทปด้วย แล้วเราก็จะไม่ได้อะไรเลย ซึ่งความคิดนี้ก็ได้ผลจริงเพราะครั้งที่สองเราก็เข้าใจว่าอัดเทป แต่จริงๆ แล้วคือออกอากาศสด ครั้งนั้นหูฟังก็เสียด้วยแต่เราก็ไม่ขอเทค พอรู้ว่าออกอากาศจริงจึงรอดมาได้ โยบายของไอทีวีคือมีเหตุการณ์เมื่อไรก็รายงานเมื่อนั้น เน้นความรวดเร็วฉับไวเป็นหลัก ความผิดพลาดอาจจะมีสูง ดังนั้น ผู้ประกาศต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ นำเสนอให้ดีที่สุด เร็วที่สุด เกาะติดสถานการณ์ให้มากที่สุด ที่มีข่าวออกมาเรื่องคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่นั้น ดิฉันคิดว่าคนรุ่นใหม่คือผู้สืบทอดแนวความคิดในการทำงานจากคนรุ่นเก่า เป็นการสืบสานงานจากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่น ไม่จำเพาะว่าเป็นงานสำหรับคนรุ่นไหน แต่คนรุ่นใหม่ต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากคนรุ่นเก่า บางคนคิดว่าคนมาอยู่หน้าจอต้องมีประสบการณ์ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาในการสั่งสม คนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์ก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่เมื่อสิบปีที่แล้วเหมือนกัน แต่เป็นเพราะเขาได้รับโอกาสจากคนรุ่นก่อนหน้านั้นมาเช่นเดียวกัน...ถ้าบอกว่าคนดูไอทีวีชอบดูแต่คนสวยๆ หน้าใหม่ๆ ก็คิดว่าเป็นการประเมินที่ผิดเพราะพิสูจน์กับจดหมายจากคนดูถึงตัวเอง เขาบอกว่าดูดิฉันมาตลอดนะ และรู้ว่าดิฉันมีความพยายาม ความพยายามมันเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็น แต่คนดูมองเห็น แสดงว่าคนดูไอทีวีไม่ได้พูดอย่างฉาบฉวยหรอกค่ะ


อภิสรา นุตยกุล

คุณดาว อภิสรา นุตยกุล อายุ 29 ปี
พิธีกรรายการทันโลกกีฬา, 30 ยังแจ๋ว, สมรภูมิไอเดีย ช่อง 3 และดีเจคลื่น 103.5 FM 1


ผู้หญิงยุคใหม่กับเสน่ห์ปลายจวัก

"ผู้หญิงปัจจุบันส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้านมากขึ้น มีบทบาทในสังคมมากขึ้น ไม่ได้อยู่บ้านเป็นแม่บ้านเพียงอย่างเดียว ทำให้มีเวลาทำอาหารน้อยลง ต่างจากวิถีชีวิตผู้หญิงสมัยก่อนที่อยู่บ้านเป็นแม่บ้านและทำอาหารเก่งมากกว่าผู้หญิงปัจจุบัน ยุคนี้สะดวกสบายมาก ไปทางไหนก็มีอาหาร fast food อาหารสำเร็จรูปวางขายเต็มไปหมด ผู้หญิงเลยลืมเรื่องเสน่ห์ปลายจวักไป แต่ถ้ามีเวลา ดาวคิดว่าอย่างไรผู้หญิงก็คงชอบทำอาหารเหมือนกันอยู่ดี"

เสน่ห์ปลายจวักในมุมมองผู้หญิงทำงาน


"ถ้ามีเวลาดาวก็ชอบทำอาหารนะ อย่างตอนเด็กๆ ดาวก็เรียนทำอาหารจากคุณยาย คุณแม่ เพราะท่านสองคนชอบทำอาหารมาก จำพวกขนมไทย เช่น ช่อม่วง กลีบลำดวน หรือตอนปิดเทอมลูกพี่ลูกน้องทุกคนก็จะมารวมตัวกันที่บ้าน คุณยายก็จะเปิดคอร์สสอนหลานๆ ทำอาหารซึ่งสนุกมาก แล้วเราก็ชอบด้วย แต่พอทำงาน มีครอบครัว เวลาทำอาหารก็น้อยลง เพราะต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสอง ไปทำงานตอนตีสี่ กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำ แต่โชคดีที่พี่จ้อเข้าใจ ทุกวันนี้เราสองคนเลยพึ่งพาอาหารฝีมือคุณแม่แทนซึ่งปลูกบ้านอยู่ในซอยเดียวกัน"

ถ้าพูดถึงเรื่องทำกับข้าว ในวิถีชีวิตจริงๆ ก็น้อย เพราะดาวต้องออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้าเกือบทุกวัน บางครั้งทำงาน 7 วัน เลิกงานกลับบ้านก็เหนื่อยแล้ว ถ้าจะให้แวะไปเดินตลาด ตลาดก็คงวายหมดแล้ว หรือถ้าจะให้มานั่งทำอาหารอีกคงไม่ไหว โดยส่วนตัวดาวคิดว่าการทำกับข้าวต้องมีเวลามากๆ ทำด้วยความสุข ไปซื้ออาหารมาทำเอง เดินเลือกเลยว่าข้าวต้องซื้อร้านนี้นะ ผักร้านนี้นะ ทำแล้วอาหารจะได้สด สะอาด และอร่อย ตอนแต่งงานใหม่ๆ ก็มีทำให้พี่จ้อกินบ้างเหมือนกัน แต่ไม่บ่อยนัก และรสชาติก็คงไม่อร่อยถึงขั้นแม่กับยายทำ เวลาทำอาหารให้พี่จ้อทุกครั้งจะรู้สึกตื้นเต้นและกังวลว่าพี่จ้อจะกินได้ไหม (หัวเราะ) แต่ถ้าทำกินเองนะสบายมาก เอาตัวรอดได้ กินแล้วไม่ท้องเสียแน่นอน"

เมนูเด็ดประจำตัว

"ด้วยความที่เราทั้งคู่กินง่ายอยู่ง่าย ยิ่งพี่จ้อกินง่ายกว่าดาวอีก ไม่เลือกกินด้วยค่ะ (หัวเราะ) ไม่ว่าจะทำเมนูอาหารอร่อยหรือไม่อร่อยแค่ไหน พี่จ้อก็กินได้หมด เหมือนลิ้นจระเข้ ถ้าไม่ออกไปกินข้าวนอกบ้าน เมนูพื้นๆ ที่ทำก็คือ ไข่เจียว หรือไม่ก็บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่เราไม่ได้กินเปล่าๆ นะ จะใส่เนื้อสัตว์ ใส่ผักเพิ่มไปด้วย ส่วนเมนูเด็ดไม่ค่อยมีหรอกค่ะ ที่ทำบ้างก็เช่น สปาเก็ตตี้ ข้าวผัด ส้มตำผลไม้บ้าง ล่าสุดดาวอยากทำไอศกรีมมาก ช่วยกันคิดกับลูกพี่ลูกน้อง ใช้เวลาศึกษาการทำไอศกรีมเป็นเดือนๆ ไปเดินซื้อเครื่องปั่น ตู้แช่มาทำที่บ้าน แถมส่งน้องไปเรียนทำไอศกรีมเพิ่มอีก สุดท้ายก็สำเร็จ ทำไอศกรีมแตงโม แคนตาลูปให้คนที่บ้านกิน"

เสน่ห์ปลายจวักมัดใจสามีได้จริง ?

"ไม่ว่าอาหารที่เราทำให้สามีกินจะอร่อยหรือไม่อร่อยก็ตาม แต่อย่างน้อยคนชิมก็คงรับรู้ได้ถึงความสุขของคนทำ เพราะเวลาทำอาหารให้สำเร็จหรืออร่อยได้นั้น จิตใจต้องมีความสุข ถ้าโกรธหรือเครียดแล้วคงทำไม่อร่อยแน่ บางคนทำอาหารอร่อยมาก อร่อยสุดๆ แต่ไม่เข้าใจกันในเรื่องอื่นๆ ก็คงมัดใจสามีไม่ได้หรอก ยิ่งเวลาทำให้คนพิเศษกินด้วย เราก็ต้องใส่ใจรายละเอียดเป็นพิเศษว่าชอบหรือไม่ชอบกินอะไร อย่างพี่จ้อไม่ชอบกินหัวไชเท้า มะเขือเทศ มะระ เราก็ต้องรู้บ้าง ดาวคิดว่าเสน่ห์ปลายจวักไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะมัดใจสามีได้ แต่ความรักเข้าใจของคนทั้งคู่มากกว่าที่สร้างเสน่ห์ให้ครอบครัวมีความสุข"


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์