โจวเหวินฟะ-กงลี่ ปลื้มฉากเซี่ยงไฮ้ในไทย

โจวเหวินฟะ  กล่าวว่า แต่ก่อนคนไทย จะดูเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ 20 ปีผ่านมา ผมก็ยังแสดงเป็นเจ้าพ่ออยู่

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั้งบท ทั้งฉากก็เปลี่ยนไปจากเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ทุกคนดูแลผมดีมาก เหมือนเป็นราชา โดยเฉพาะเวลาได้กินอาหารไทย ซึ่งโจวเหวินฟะพูดเป็นภาษาไทยด้วยว่า "อร่อยมากๆ" และว่า ทุกคนสนุกกับการถ่ายทำ ร้อนหน่อย แต่ดีต่อหุ่นของผม “ขอบคุณมากครับ”

ด้านดาราสาวกงลี่ กล่าวว่า การถ่ายทำที่นี่ฉากสวยมาก

รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นฉากเหล่านี้ ซึ่งทุกอย่างดีเหนือความคาดหมาย ดีและใหญ่สวยกว่าที่เซียงไฮ้และเมืองจีนซะอีก กองถ่ายภาพยนตร์น่าจะมาถ่ายที่เมืองไทยมากๆ

เมื่อถามถึงบทที่แสดง โจวเหวินฟะ กล่าวว่า เล่นเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่เซี่ยงไฮ้ เป็นบทที่ดี ไม่ใช่ขาวหรือดำแบบที่เห็นๆ กัน

มีความสัมพันธ์กับตัวละครที่แตกต่างกันไป มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ พอล โซเมส (จอห์น คูแซค ) ส่วนกับ แอนนา (กงลี่)  ในเรื่องไม่ใช่แค่เป็นสามีภรรยาเท่านั้น แต่เป็นเพื่อน เป็นคู่คิดอีกด้วย ส่วนพอลแม้เป็นคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่เพื่อสืบคดี แต่ก็เกิดเป็นความสัมพันธ์แบบรักสามเศร้าที่ออกมาได้ดีมาก ที่สำคัญในเรื่องไม่ได้เน้นเกี่ยวกับการเกลียดชังระหว่างคนญี่ปุ่นกับคนจีน ไม่ได้เน้นเรื่องการเมืองที่เกี่ยวกับสงคราม แต่ว่าเกี่ยวกับความรู้สึก ความสำพันธ์ระหว่วงคนและตัวละคร ซึ๋งบทเขียนได้ดีมาก

ฮาฟสตรอม กล่าวว่า เป็นการดีที่ได้มาถ่ายที่เมืองไทย

เรื่องนี้เรามีถ่ายทำที่ลอนดอนด้วย ซึ่งเป็นการถ่ายฉากภายในอาคาร แต่ที่เมืองไทยเราได้สร้างฉากเมืองนอกอาคารที่ดีมาก ซึ่งเราได้ถ่ายฉากที่สำคัญๆ หลายฉากที่นี่ และมีประสบการณ์ที่ดีมากกับทีมงานคนไทยที่นี่ การถ่ายทำยากแต่ออกมาได้ดีมาก

เจค มายเออร์ส  กล่าวว่า ที่ตัดสินใจเลือกเมืองไทย เพราะเมืองจีนมีจัดโอลิมปิคอยู่

ถ้าเลื่อนไปอีกปีสองปีน่าจะลงตัวกว่านี้ และเนื่องจากถ่ายทำฉากในปี 1941ตอนนั้นจีนได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมาก ทำให้หาสถานที่ถ่ายทำยาก เนื่องจากตอนนี้เซี่ยงไฮ้ค่อนข้างทันสมัย แต่ว่ามาถ่ายที่ไทยก็ดีเพราะเปิดโอกาสให้สร้างสรรค์มากขึ้น จริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่หนังสารคดี ทำให้เราสร้างสรรค์ฉากได้มากขึ้น นอกจากนั้นมาสร้างฉากที่ไทยก็คุ้มค่า